เศรษฐกิจจีนครึ่งหลังของปี 2025 จะไปทางไหน? (ตอน 1)
เศรษฐกิจจีนผ่านครึ่งแรกของปี 2025 ได้สวย เติบโตถึง 5.3% สูงกว่าเป้าหมาย 5% ที่รัฐบาลจีนตั้งไว้และการคาดการณ์ของหลายฝ่าย ทั้งที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากภายนอก
กอปรกับเมื่อวันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมา สถาบันผู้นำตลาดจีนที่จัดทำหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงเพื่อรุกตลาดจีน (China Wealth) รุ่นที่ 2 ได้รับเกียรติจาก ดร. สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ มาแบ่งปันมุมมองความคิดในช่วงดินเนอร์ทอล์กที่มองออกไปในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ว่าจีนต้องเผชิญกับความท้าทายอะไร? และจะไปทิศทางไหน? อย่างไร? …
ก่อนอื่นผมขอชวนท่านผู้อ่านไปทบทวน “อดีต” กันก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีกันบ้าง จะได้ฉายภาพ “อนาคต” ได้ชัดเจนและต่อเนื่องยิ่งขึ้น
ด้วยนโยบายเศรษฐกิจมหภาคเชิงรุกที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลจีน เศรษฐกิจจีนในช่วงครึ่งปีแรกส่งสัญญาณเชิงบวกหลายประการ กล่าวคือ ในภาพรวม ผลิตภัณฑ์มวลรวมของจีนมีมูลค่า 66.05 ล้านล้านหยวน ขยายตัว 5.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งแสดงถึงความยืดหยุ่นและความมีชีวิตชีวาทางเศรษฐกิจของจีน ผมเองยังรู้สึกว่า “เกินความคาดหมาย” เลยทีเดียว
เมื่อพิจารณาข้อมูลในรายละเอียดก็พบว่า นับแต่ไตรมาสที่ 4/2024 เศรษฐกิจจีนรายไตรมาสสามารถรักษาโมเมนตัมการเติบโตในระดับที่มากกว่า 5% ที่สูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้ได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี อัตราการเติบโตชะลอตัวลงเล็กน้อยจาก 5.4% ในไตรมาสที่ 1/2025 เหลือ 5.2% ในไตรมาสที่ 2/2025 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ในรายสาขาเศรษฐกิจ มูลค่าเพิ่มของภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าเพิ่มของภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการผลิตสินค้าไฮเทคและอุปกรณ์เติบโตถึงราว 10% ของปีก่อน
ขณะเดียวกัน ภาคบริการซึ่งมีบทบาทสูงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขยายตัว 5.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นระหว่างไตรมาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งมูลค่าเพิ่มของการส่งข้อมูล ซอฟต์แวร์ และบริการไอที บริการให้เช่า ลอจิสติกส์ และการค้าส่งและปลีก
ขณะที่รายได้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพในอัตรา 5.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และที่น่าสนใจก็คือ รายได้ครัวเรือนในพื้นที่ชนบทขยายตัวในอัตราที่สูงกว่าของครัวเรือนในชุมชนเมือง
นี่อาจเป็นปัจจัยพื้นฐานที่เราเห็นภาคการค้าปลีกมีแนวโน้มเชิงบวก โดยเพิ่มขึ้นจาก 4.6% ในไตรมาสที่ 1/2025 เป็น 5% ในไตรมาสที่ 2/2025 โดยมีมูลค่าการค้าปลึกสินค้าอุปโภคบริโภครวมถึง 24.5 ล้านล้านหยวน จำแนกเป็นยอดการค้าปลีกในเขตเมือง 21.3 ล้านล้านหยวน และพื้นที่ชนบท 3.2 ล้านล้านหยวน หรือตลาดค้าปลีกในเมืองมีขนาดใหญ่กว่าของชนบทกว่า 6.5 เท่าตัว
หากเรามองเป้าหมายระยะกลางของจีนที่กำหนดว่า คนชั้นกลางจะเพิ่มขึ้นเป็น 800 ล้านคนในปี 2035 จากราว 500 ล้านคนในปัจจุบัน คนชั้นกลางที่จะเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ในพื้นที่ชนบท นั่นหมายความว่า ตลาดการค้าปลีกในชนบทของจีนมีศักยภาพที่จะขยายตัวอีกมากใน 10 ปีข้างหน้า
ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับตัวเลขสัดส่วนการบริโภคโดยรวมต่อจีดีพีของจีน ณ ครึ่งแรกของปี 2025 อยู่ที่ระดับ 52% ที่พยายามไต่สู่เป้าหมายในระยะยาวที่ 60%
ขณะเดียวกัน โดยที่ดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภคลดลง 0.1% นั่นเท่ากับว่า รัฐบาลจีนยังมี “การบ้านข้อใหญ่” ในการขยายภาคการบริโภคภายในประเทศรออยู่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้และต่อเนื่องในระยะยาว
ทั้งนี้ การดำเนินแคมเปญ “เก่าแลกใหม่” นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดการค้าปลึกสินค้าอุปโภคบริโภคหลายรายการเติบโตในอัตราที่สูง อาทิ เครื่องครัว (ขยายตัว 30.7%) โทรศัพท์มือถือ (25.4%) เครื่องใช้ไฟฟ้า (24.1%) และเฟอร์นิเจอร์ (22.9%) แคมเปญดังกล่าวยังส่งผลดีต่อภาคการผลิตและการจ้างงานของจีนอีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมยานยนต์ จีนผลิตรถยนต์ 15.6 ล้านคันในช่วงครึ่งแรกของปี ขยายตัวราว 12.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในจำนวนนี้จำแนกเป็นรถยนต์ไฟฟ้าราว 7 ล้านคัน ขยายตัวถึง 41.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ความพยายามในการผลักดันยอดขายและลดสินค้าคงคลังเพื่อรักษาระดับการผลิตที่เหมาะสม ทำให้เกิดกระแสข่าวการ “ลดกระหน่ำ” ในสินค้าหลายหมวด อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า และยานยนต์ไฟฟ้า ส่งผลให้ราคาผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมลดลง 2.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาในเดือนมิถุนายนลดลงถึง 3.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในแง่ของการจ้างงานโดยรวมถือว่ามีเสถียรภาพ ขณะที่อัตราการว่างงานในเมืองมีแนวโน้มลดลง โดยอยู่ที่ระดับ 5.2% ขณะที่อัตราการว่างงานที่สำรวจใน 31 เมืองใหญ่ของจีนอยู่ที่ 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในด้านการลงทุน ภาครัฐยังคง “เดินหน้า” การลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกขนาดใหญ่ อาทิ เส้นทางรถไฟความเร็วสูง ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์ภาวรของภาคเอกชนขยายตัวอย่างต่อเนื่องแต่อยู่ในระดับที่ต่ำ นั่นอาจสะท้อนว่ารัฐบาลจีนยังไม่อาจสร้างความเชื่อมั่นในทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจได้เท่าที่ควร
อย่างไรก็ดี สัญญาณเชิงบวกที่ซ่อนอยู่ก็คือ การจดทะเบียนนิติบุคคลใหม่เพิ่มขึ้นราว 30,000 ราย ขณะที่การลงทุนในภาคการผลิตมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยการลงทุนของภาคเอกชนกระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมไฮเทค อาทิ บริการไอที ยานพาหนะและอุปกรณ์การบินและอวกาศ และคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สำนักงาน
อีกด้านหนึ่งที่จีนทำได้ดีเกินคาดก็ได้แก่ ภาคการค้าระหว่างประเทศ จีนยังคงสามารถรักษาโมเมนตัมการเติบโตเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ทั้งที่ต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามกาค้า 2.0 และการชะลอตัวของตลาดต่างประเทศ
โดยในช่วงครึ่งปีแรก การนำเข้าและส่งออกของจีนมีมูลค่า 21.8 ล้านล้านหยวน ขยายตัว 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกมีมูลค่าราว 13 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นถึง 7.2% และการนำเข้ามีมูลค่า 8.8 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
กำลังสนกเลย แต่ผมจะขอพาไปเจาะลึกประเด็นร้อนที่เกี่ยวข้อง พร้อมมุมมองของ ดร. สมภพฯ ในเวทีดินเนอร์ทอล์กของ China Wealth รุ่นที่ 2 กันในตอนหน้าครับ …
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- พาณิชย์บุกตลาดใหม่ จับคู่ธุรกิจไทย–ต่างประเทศ หนุนเงินเข้าประเทศกว่า 800 ล้านบาท
- เมื่อจีนใช้มังกรน้อย พลิกฟื้นชนบท (ตอนจบ) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร
- เมื่อจีนใช้มังกรน้อย พลิกฟื้นชนบท (ตอน 5) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร
- ทีมไทยแลนด์พบหอการค้าสหรัฐฯ เดินหน้าขยายความร่วมมือเศรษฐกิจ
- เมื่อจีนใช้มังกรน้อย พลิกฟื้นชนบท (ตอน 2) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร