“ทูตรัศม์” แจงเหตุให้นานาชาติเข้าสังเกตการณ์ช้าเนื่องจากต้องประเมินความปลอดภัย
“ทูตรัศม์” แจงเหตุให้นานาชาติเข้าสังเกตการณ์ช้าเนื่องจากต้องประเมินความปลอดภัย ยันเพื่อให้ประชาคมโลกเห็นว่ากัมพูชาเริ่มก่อน
วันที่ 1 ส.ค. 2568 นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ เผยว่า จากที่ได้นำตัวแทนของประเทศต่างๆซึ่งรวมถึงทูตและผู้ช่วยทูตทหารสามประเทศและสื่อไทยกับสื่อนอกประเทศกว่า 100 สำนัก ก็ได้มีการบรรยายสรุปและพา สังเกตการณ์ในสถานที่ที่เป็นจุดที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงโดยเกิดขึ้นโดยไม่ได้มีการยั่วยุและเป็นการโจมตีก่อนแต่อย่างไรเพราะพื้นที่ที่ใช้จรวดยิงมาเป็นการจงใจยิงเพื่อทำลายเป้าหมายพลเรือนทำให้ประเทศไทยต้องตอบโต้ตามสิทธิ์ที่จะป้องกันตัวเองโดยเป็นไปตามกฎบัตร สหประชาชาติ เพื่อที่ให้ช่วยสื่อสารไปยังนานาชาติว่าเราปฏิบัติตามกฏหมายระหว่างประเทศ และประเทศไทยถูกโจมตีก่อนรวมทั้งการโจมตีที่เป็นการโจมตีในพื้นที่ที่ไม่ได้เป็นเป้าหมายทางทหารแต่เป็นเป้าหมายของพลเรือนทำให้มีประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
เมื่อถามว่าทางคณะทูตได้ฟังเสียงของครอบครัวผู้สูญเสียและสามารถสื่อสาร เรื่องที่เกิดขึ้นจากประเทศไทยอย่างไรบ้าง นายรัศม์ เผยว่าฝั่งประเทศกัมพูชาก็มีการจัดในลักษณะนี้แต่ขนาดเล็กกว่าและมีจำนวนน้อยมาก สื่อมวลชนแทบจะมีเพียงไม่กี่รายซึ่งไม่ได้เปิดกว้างเท่าประเทศไทยเพราะถือว่าโปร่งใสและไม่มีอะไรแอบแฝงไม่มีการจัดฉากโดยอันนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าประเทศไทยยืนยันในข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้หมดมีคำถามอะไรก็สามารถถามได้เลยและดูพร้อมกัน แต่ของประเทศไทยจะช้ากว่าเนื่องจากต้องประเมินความปลอดภัยในพื้นที่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างหนึ่งว่าที่ผ่านมากัมพูชาเป็นฝ่ายโจมตีก่อนเมื่อเริ่มโจมตีก่อนก็ย่อมรู้ว่าพื้นที่ไหนปลอดภัย โดยตามรายงานที่ได้รับก็ปรากฏว่าหลังจากพาทูตไปชมแล้วก็มีการยิงประปรายเข้ามาในฝั่งประเทศไทย
ส่วนจะมีการตอบรับอย่างไรบ้างตน มองว่าทุกคนรับฟังด้วยดีโดยมีการชื่นชมที่ทางการไทยจัดให้มีการลงพื้นที่ในวันนี้ จะได้มีการรายงานถูกว่าเกิดอะไรขึ้น จะได้เห็นกับตาตัวเองส่วนจุดไหนที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษนั้นก็คือปั๊มน้ำมันและโรงพยาบาลเพราะการโจมตีโรงพยาบาลถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงที่ละเมิดกฎหมายไม่รู้กี่ข้อและข้ออนุสัญญาต่างๆและยากที่ปฏิเสธว่าไม่ได้จงใจเพราะจากจรวดที่ยิงเข้ามาในร้านสะดวกซื้อทำให้ความสูญเสียนั้นเป็นการจงใจอย่างแน่นอน