ภาษีทรัมป์ 36% ฉุดส่งออกหดตัวลึก จีดีพีไทยทรุดต่ำกว่า 1.4%
น.ส.ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่ไทยถูกสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้า 36% จะส่งผลให้การส่งออกไทยปี 68 คาดว่าจะหดตัวลึกในช่วงครึ่งปีหลัง แต่การนำเข้าคาดว่าจะชะลอลงกว่าเดิม โดยอัตราภาษีนำเข้า 36% ที่ไทยถูกเรียกเก็บยังจะสูงกว่าหลายประเทศคู่แข่ง ส่งผลให้สินค้าไทยมีแนวโน้มสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐ โดยเฉพาะสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้า พรินเตอร์ เครื่องปรับอากาศ ปลาและกุ้งแปรรูป เป็นต้น
ทั้งนี้ การ re-export ไปยังตลาดสหรัฐ ผ่านประเทศไทย โดยมีการใช้ local content ต่ำ มีแนวโน้มจะชะลอลงไปด้วย โดยเฉพาะสินค้าเครื่องจักรกลที่เห็นการนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นไปพร้อมๆ กับการส่งออกไปสหรัฐสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้การนำเข้าสินค้าที่ใช้ไทยเป็นทางผ่านก็จะชะลอลงเช่นกัน
นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากกว่าหลายประเทศในภูมิภาคยิ่งซ้ำเติมการส่งออก โดยค่าเงินบาทแข็งค่าจากระดับต้นปีที่ราว 34.50 บาทต่อดอลลาร์ มาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 32.50 บาท ณ วันที่ 7 ก.ค. 2568 หรือแข็งค่าไปแล้วราว 5%YTD นับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งเป็นอีกปัจจัยกดดันต่อความสามารถทางการแข่งขันของสินค้าไทย
ภาษีนำเข้าสหรัฐ รายอุตสาหกรรมตามมาตรา 232 ยังเป็นความเสี่ยงสำคัญอยู่ โดยขณะนี้สหรัฐ อยู่ระหว่างการสอบสวนสินค้าที่อาจเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ภายใต้มาตรา 232 อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ ทองแดง ยา และไม้แปรรูป เป็นต้น ซึ่งตามกรอบระยะเวลาคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2568 ไปจนถึงต้นปี 2569 หากมีการเก็บภาษีเพิ่มเติมจะยิ่งกดดันภาพรวมการส่งออกไทยเพิ่มขึ้นในปีหน้า เนื่องจากมีสัดส่วนต่อภาพรวมการส่งออกไทยค่อนข้างมาก
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินผลกระทบ หากไทยต้องเผชิญอัตราภาษีนำเข้าสูงกว่าหลายประเทศ จะกระทบต่อการส่งออกให้หดตัวลึกขึ้น และทำให้การลงทุนจากต่างชาติชะลอตามไปด้วยส่งผลต่อการลงทุนเอกชนให้หดตัวมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 68 โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มต่ำกว่าที่ประเมินเนื่องจากปัจจัยลบที่เข้ามากดดันเพิ่มขึ้น อาทิ สถานการณ์ในตะวันออกกลาง และสถานการณ์ไทย-กัมพูชา
อีกทั้งตลาดนักท่องเที่ยวจีนยังคงไม่ฟื้นตัว รวมถึงเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศอาจกดดันความเชื่อมั่นและการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งปัจจัยทั้งเรื่องภาษีสหรัฐ และปัจจัยในประเทศทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ประมาณการ GDP ไทยในปี 2568 มีความเสี่ยงที่จะต่ำกว่า 1.4%
อย่างไรก็ตาม ยังมีเหตุการณ์ข้างหน้าที่ต้องติดตามทั้งความพยายามในการเจรจาการค้ารอบใหม่ของไทยก่อน 1 ส.ค. 68 ที่อัตราภาษีนำเข้า 36% จะมีผลบังคับใช้รวมถึงการเจรจาระหว่างสหรัฐ-จีน ในวันที่ 12 ส.ค. 68 หลังการชะลอขึ้นภาษี 90 วันสิ้นสุดลง ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยจะประเมินเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในระยะข้างหน้าอันใกล้ และจะทบทวนตัวเลขประมาณการ GDP อีกครั้ง