กระแสตก - ‘ขุนพล’ ตีจาก เกมยาก ‘เพื่อไทย’ สู้ศึกเลือกตั้ง
ผ่านมา 2 ปีกว่า “เพื่อไทย” ยุคข้ามขั้ว จับมือ“เครือข่ายอนุรักษ์” จัดตั้งรัฐบาล เข้าสู่อำนาจด้วยความเกื้อหนุนของ “ขั้วแค้นเก่า” ทั้งที่รู้ว่าการเปลี่ยนจุดยืนของตัวเอง จะส่งผลกระทบต่อแต้มการเมือง แต่ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร ยอมแลก
โจทย์ใหญ่ “เพื่อไทย” คือการสานฝัน พา “ทักษิณ” กลับแผ่นดินไทย สามารถเดินเกม เปิดดีล - ปิดดีล ได้ตามเงื่อนไขที่วางเอาไว้ แต่หลังดีลจบ “เครือข่ายอนุรักษ์” ไม่จบ เปิดศึกรบงัด “จุดอ่อน” มาโจมตี “ตระกูลชินวัตร” อีกหลายระลอก
โจทย์ใหญ่ “พรรคอนุรักษ์” คือการสกัด “กระแสสีส้ม” ไม่ให้เข้ามาครองอำนาจรัฐ เนื่องจากนโยบายของ“พรรคประชาชน” มีแนวโน้มกระทบต่อโครงสร้างหลักของประเทศ
เมื่อความต้องการของ “หัวขบวนอนุรักษ์ - ทักษิณ” สมประโยชน์ต่อกัน การสมยอมให้ยืมอำนาจ- ยืมมือ เพื่อใช้งานจึงเกิดขึ้น
“ทักษิณ - เพื่อไทย” เชื่อว่าตัวเองสามารถสร้างผลงาน ชนะใจฐานเสียง -แฟนคลับ เหมือนครั้งก่อน เพื่อกอบกู้ศรัทธาและคะแนนนิยม เพื่อไปต่อทางการเมือง แต่ 2 ปีกว่า สถาการณ์ทุกอย่างสวนทางกับความเชื่อ
ที่ผ่านมาพรรคการเมือง “ตระกูลชินวัตร” ใช้ “กระแส” นำ “กระสุน” ลงสู้ศึกเลือกตั้ง แต่ “ทักษิณ” รู้ดีว่ากระแสสีแดงในสงครามเลือกตั้ง ลดน้อยถอยลงมาก จึงปรับรูปแบบ หันไปพึ่งบริการ “บ้านใหญ่ - กระสุน” มาใช้สู้ศึก
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกองกำลัง “ขุนพลค่ายแดง” ก็ลดน้อยลงเช่นกัน เนื่องจาก “ขุนพลหลัก” กระจัดกระจายออกไป แตกพรรค แตกสาขา สร้างอาณาจักรของตัวเอง
ส่วน “สส.เพื่อไทย” ในปัจจุบัน ยังมีคำถามถึงความแข็งแรงในฐานพื้นที่ของตัวเอง หากไม่มี “กระแส” ให้พึ่งพา จะเอาชนะคู่แข่งได้หรือไม่
ที่สำคัญการเมือง “บ้านใหญ่” จำเป็นต้องอาศัย “เครือข่าย” ในทุกระดับ จึงจะสามารถควบคุมคะแนนเสียงได้ แต่ “เพื่อไทย” กลับมีแต่ “ขุนพล” โบกมือลาจากพรรค
โดยเฉพาะ “สส.สอบตก” ที่ไม่มี “แกนนำค่ายแดง” ดูแล ต่างหาน่านน้ำใหม่กันเกือบหมด เพื่อเปิดพื้นที่ให้กับตัวเอง เพราะหากยังอยู่ “เพื่อไทย” โอกาสจะเป็นคนที่ถูกเลือกมีน้อย
โฟกัสหลักของ “อดีต สส. - อดีตผู้สมัคร สส.” ภาคอีสาน จึงหนีไม่พ้น “พรรคพลังประชารัฐ” ภายใต้การดูแลของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ผู้ไม่หยุดฝันที่จะนั่งเก้าอี้ผู้นำ โดยมี “ชัยมงคล ไชยรบ”สส.สกลนคร รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ สายตรง “บิ๊กป้อม” เป็นมือประสาน
จึงได้เห็นการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.บิ๊กล็อต 21 คน เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ประกอบด้วย “ยรรยงรัตน์ ไชยศิวามงคล” อดีตผู้สมัคร สส.กาฬสินธุ์ “วิรัตน์ ภูต้องใจ” อดีตประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ “พรเพ็ญ บุญศิริวัฒนกุล” อดีต สส.ชัยภูมิ “พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ” อดีต สส.นครสวรรค์ พรรคเพื่อไทย
“รุ่งโรจน์ แสงสิริ” กำนันตำบลห้วยถั่วเหนือ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ “มานะศักดิ์ จันทร์ประสงค์” อดีต สส.นนทบุรี “ไตรรงค์ ติธรรม” อดีต สส.บึงกาฬ “สมนึก เฮงวานิชย์” อดีตผู้สมัคร สส.บุรีรัมย์ “สุรศักดิ์ นาคดี” อดีตผู้สมัคร สส.บุรีรัมย์ “พีรวัส พันธุ์สัมฤทธิ์” อดีตผู้สมัคร สส.บุรีรัมย์
“คงกฤช หงส์วิไล” อดีตผู้สมัคร สส.ปราจีนบุรี “ธนกร ไชยกุล” อดีต สส.ยโสธร “ศักดา คงเพชร” อดีต สส.ร้อยเอ็ด หลายสมัย “ชูศักดิ์ แอกทอง” อดีต สส.สุรินทร์ “ขจีพรรณ สิริปัญญาภักดิ์”
“ฟาริดา สุไลมาน” อดีต สส.สุรินทร์ “สมบัติ ศรีสุรินทร์” อดีต สส.สุรินทร์ “อนันต์ ศรีพันธุ์” อดีต สส.อุดรธานี “เกศกาญ ศรีพันธุ์” “ณรงค์ชัย วีระกุล” อดีตผู้สมัคร สส.อุบลราชธานี “เอกชัย ทรงอำนาจเจริญ” อดีต สส.อุบลราชธานี
ปรากฎการณ์เลือดไหลออก “เพื่อไทย” ยังจะมีให้เห็นอีก เนื่องจากการดูแล อดีต สส. - อดีตผู้สมัคร สส. ไม่มีระบบที่ชัดเจน ทั้งที่ “ขุนพล” หลายคน มีศักยภาพในพื้นที่ ผนวกกับยุคนี้ “เพื่อไทย” ไม่ใช่พรรคการเมืองกระแสอีกต่อไป
ความคาดหวังของ “ทักษิณ - เพื่อไทย” ที่จะกอบโกย สส. เข้าสภา กลับมาคว้าแชมป์ในศึกเลือกตั้งนับวันยิ่งริบหรี