โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เปิดป่องเอี๊ยมเยี่ยมแดนอีสาน ‘ถ้ำนาคา ป่าคำชะโนด’ และ หินสามวาฬ

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ครั้งแรกในชีวิตกับการได้มาเยี่ยมเยือนดินแดนแห่งศรัทธาอันโด่งดัง ถ้ำนาคา ตำนานพญานาค เมืองลับแล ที่หลายคนตั้งใจว่าจะต้องมาสักครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งร่างกายและจิตใจก็ต้องพร้อมด้วยเช่นกัน

เราเดินทางไปกับแคมเปญ Greencation อีสานเย็นดี Green Season นี้มีดีล โดย KTC ร่วมกับ ททท. โดยมี ธรณัส เรืองศรี เป็นมัคคุเทศก์ในทริปนี้

วันแรกของการเดินทาง จากกรุงเทพฯไปลงที่สนามบิน อุดรธานี นั่งรถตู้ต่อไปจังหวัดบึงกาฬ เพื่อไปชมหินสามวาฬ

  • หินสามวาฬ

ตั้งอยู่บนภูสิงห์ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ เป็นหินทรายแดงที่เกิดจากการกัดเซาะของลมและฝนมานาน 700 ล้านปี จนกลายเป็นรูปทรงคล้ายวาฬ 3 ตัว พ่อวาฬ แม่วาฬ และลูกวาฬ

หินสามวาฬ จ.บึงกาฬ

ถ้าจะถ่ายให้ครบทั้งสามตัว ต้องใช้โดรนถ่ายภาพมุมสูง ด้วยพื้นผิวโค้ง อย่าเดินออกนอกเส้นประเด็ดขาด รู้สึกหวาดเสียวเมื่อเดินไปที่หน้าผา นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายภาพทำท่า ผลัก หัววาฬ

บริเวณใกล้ ๆ กัน มีจุดที่ให้เราแปลงร่างเป็นพ่อมดแม่มด ขี่ไม้กวาด ล่องลอย บนท้องฟ้า

เดินทางต่อไปยัง ประตูสิงห์ แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ที่เป็นช่องเขา มองเห็นวิวทิวทัศน์

ประตูสิงห์

ปิดท้ายวันแรกด้วยการเข้าพักที่ อนันตระปุระ รีสอร์ท บึงโขงหลง สถานที่นี้อยู่ใกล้ถ้ำนาคาที่สุด เหมาะแก่การพักผ่อนเตรียมตัวขึ้นถ้ำนาคา เพราะใช้เวลาเดินทางไม่นาน เป็นวิลล่าส่วนตัว 54 ตร.ม ห้องน้ำใหญ่มีอ่างน้ำ มีระเบียงหน้าห้องมองเห็นสวนสวยและน้ำพุพญาอนันตนาคราช

  • ถ้ำนาคา

ตำนานกล่าวว่า บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของเมืองรัตพานคร มีพระอือลือราชา เป็นผู้ครองนคร มีมเหสีชื่อนางแก้วกัลยา มีพระธิดาชื่อพระนางเขียวคำ อภิเษกสมรสกับพระเจ้าสามพันตา มีพระโอรสชื่อ เจ้าชายฟ้ารุ่ง อภิเษกสมรสกับ นาครินทรานี พระธิดาของพญานาคราชแห่งเมืองบาดาลที่แปลงกายเป็นมนุษย์

อยู่กินกันมา 3 ปี ไม่มีผู้สืบสายสกุล (ธาตุมนุษย์กับนาคต่างกัน) เจ้าหญิงนาครินทรานี เศร้าโศกเสียใจ ล้มป่วย ร่างกายมนุษย์กลายเป็นนาค แม้จะร่ายมนตร์กลับเป็นมนุษย์ พระอือลือราชาก็ไม่พอใจ ขับไล่สู่เมืองบาดาล ให้พญานาคราชมารับตัวกลับไป

พญานาคราชขอเครื่องกกุธภัณฑ์ของตระกูลคืน พระอือลือราชาคืนให้ไม่ได้ แปรสภาพไปแล้ว ทำให้พญานาคราชโกรธมาก ทำลายเมืองกลายเป็น บึงหลงของ (บึงโขงหลง) เหลือไว้เพียง 3 วัด คือ วัดดอนแก้ว (วัดแก้วฟ้า) วัดดอนโพธิ์ (วัดโพธิสัตว์) วัดดอนสวรรค์ (วัดแดนสวรรค์) แล้วสาปพระอือลือราชาให้เป็นนาค เฝ้าบึงโขงหลงชั่วนิรันดร์ จนกว่าจะมีเมืองเกิดใหม่ในดินแดนแห่งนี้ จึงจะล้างคำสาปของพระยานาคราชได้

พ.ศ. 2554 มีประกาศจังหวัดใหม่ บึงกาฬ แยกจากจ.หนองคาย ทำให้ทุกคนได้เห็นถ้ำนาคา สร้างความศรัทธามากนำไปสู่การก่อตั้งศาลปู่อือลือขึ้นใหม่

ศาลปู่อือลือ Cr. Kanok Shokjaratkul

  • ภูลังกา-บึงโขงหลง

ตำนานกล่าวว่า เมื่อพระลักษณ์ถูกหอกสลักเพชรปักอก หนุมานก็มาหายา สังกรณีตรีชวา ที่ภูเขาสรรพยา(ภูลังกา) เพื่อนำไปรักษา เมื่อพบแล้ว หนุมานก็เนรมิตให้หางยาวใหญ่โอบรัดภูลังกาแล้วดึงภูลังกาออกไป เกิดเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ (บึงโขงหลง) หลังจากรักษาพระลักษณ์แล้ว ก็นำเอาภูลังกากลับมาคืน แต่ใช้หางเหวี่ยงภูลังกาลงมาไม่ตรงกับจุดเดิม เกิดเป็นภูลังกาในปัจจุบัน อยู่ใกล้กับบึงโขงหลง

  • เมืองลับแล ของชาวบังบด

ตำนานกล่าวว่า บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของเมืองลับแล มีผู้คนอาศัยอยู่ การสร้างเจดีย์บนยอดเขา สร้างโดยคนเมืองลับแล พระธุดงค์ในอดีตก็ได้รับถวายอาหารจากคนเมืองลับแล หากได้กลิ่นหอมใบเตยในบางจุดบนเส้นทาง นั่นเพราะคนเมืองลับแลกำลังทำขนม

Cr. Kanok Shokjaratkul

เช้าวันต่อมา เวลา ตี 5.45 ฝนตกปรอย ๆ เราเดินทางไปยัง ถ้ำนาคา ระหว่างทางแวะสักการะไหว้หลวงปู่อือลือ บอกกล่าว ก่อนขึ้นถ้ำนาคา ที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ (หากปักหมุดใน Google Maps จะนำทางไปยัง วัดถ้ำชัยมงคล ซึ่งเป็นทางขึ้นเก่าไม่สามารถขึ้นถ้ำนาคาได้ ต้องไปขึ้นที่หน้าอุทยานฯเท่านั้น)

การขึ้นถ้ำนาคาต้องจองล่วงหน้าทางออนไลน์ ขึ้นลงวันละ 2 เที่ยว ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เที่ยวสุดท้ายเวลา 11.00 น. หรือ 13.00 น. หากมาเป็นกรุ๊ปเข้าได้เลย แต่ถ้ามา 2 คน ต้องมีไกด์ส่วนตัว หรือไปร่วมกับกลุ่มอื่น

Cr. Kanok Shokjaratkul

ขยะทุกชิ้นที่นำขึ้นไปต้องนำกลับลงมาทั้งหมด ควรพกน้ำไปเอง จิบทีละน้อย หากมีพัดไปด้วยจะช่วยได้มาก บริเวณด้านหน้าอุทยานฯ จะมีร้านค้าจำหน่าย พัด, ร่ม, หมวก, ยาดม, ยาหม่อง, ถุงมือ

ปัจจุบันมีการจัดการที่ดี มีบันไดและปรับปรุงเส้นทาง 7 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง

ควรเดินทางเป็นกลุ่มและไม่ควรเดินโดดเดี่ยว หากแยกไปถ่ายรูปหรือพัก ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ ที่นี่มีหน่วยฉุกเฉิน พร้อมให้ความช่วยเหลือในกรณีเกิดเหตุ เป็นตะคริว เหน็บชา หรือบาดเจ็บ ไม่สามารถเดินต่อได้

Cr. Kanok Shokjaratkul

  • เส้นทางการเดินมีทั้งหมด 12 จุด

A-L จากจุด A ไปจุด E มี ความกดอากาศต่ำเล็กน้อย เรียกว่า ช่วงบันไดวัดใจ หลายคนเหนื่อยล้า หน้ามืด ทั้งที่ยังไม่ถึงครึ่งของเส้นทาง เพราะร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนคิดว่าออกกำลังกายมาดี แต่เดินอย่างเร่งรีบก็หมดแรงได้

การเดินไปอย่างช้า ๆ เป็นสิ่งจำเป็น เราได้พบกับคุณยายวัย 82 ปี จากจ.นครศรีธรรมราช กำลังนั่งพักตรงจุด C คุณยายเดินไปถึงถ้ำนาคาได้สำเร็จแม้ฝนจะตกปรอย ๆ

Cr. Kanok Shokjaratkul

จุด E ไป F จะมีทางแยก ทางขึ้นกับทางลง เราไปทางซ้าย จากจุด F ไป จะเป็นเขตดินแดนของเมืองลับแล บางคนได้กลิ่นธูป บางคนได้ยินเสียงสวดมนต์ ซึ่งคนอื่นอาจจะไม่ได้ยิน เป็นทางชันขึ้นเกือบ 90 องศา สูง 72 ขั้น พบกับ ช่องภูเขาหนีบ เย็นเหมือนอยู่ในตู้เย็น มีหิน หน้าผาหนุมาน

จุด G เป็น จุดชมวิว จุด L เป็น ลานผู้พิชิตถ้ำนาคา เรารอคิวลงถ้ำ เขาไม่ให้คนเข้าไปออมากเกินไป เป็นหินสองก้อนชิดกัน มีช่องแคบ ๆ เดินลงไปบริเวณท้องของพญานาค ในถ้ำจะมีแสงส่องลงมา เป็น จุดรับพลังแสง

มี จุดครอบเศียรปู่ เป็นโพรงธรรมชาติ เมื่อเราเอาหัวเข้าไปแล้วอธิษฐานจะได้ยินเสียงตัวเองดังก้องมาก แต่คนข้างนอกไม่ได้ยิน มี หัวใจนาคา เป็นหินรูปหัวใจ ให้ขอพรเรื่องสุขภาพร่างกาย มี พระนาคปรก องค์พระเปลี่ยนสีตามฤดูกาล บางครั้งเป็นสีรุ้ง ให้ขอโชคลาภจากเมืองลับแล มี บ่อน้ำมนต์ หรือ ดวงตาพญานาค หลวงปู่สิมเคยมาอยู่และใช้น้ำจากบ่อนี้ทำน้ำมนต์ ให้ขอพรเรื่องสุขภาพ

มี เจดีย์ 3 องค์ ประกอบด้วย เจดีย์หลวงปู่เสาร์, เจดีย์หลวงปู่วัง, เจดีย์กองข้าวศรีบุญเนา (อยู่คนละฝั่ง เดินไปไม่ถึงภายในวันเดียว) ถ้ำปู่วัง เป็นจุดขอพรเปิดทรัพย์ ให้นำมือถือหรือของมีค่ามาวางรวมกัน แล้วกล่าวขอเปิดทรัพย์จากเมืองบาดาล จากนั้นเวียน 3 รอบ แล้วกวาดมือดึงทรัพย์เข้าตัว

มี เศียรที่ 1 อยู่บริเวณทางลง ให้ขอพร กระซิบที่หู บอกกล่าวสิ่งที่ต้องการ ขอให้สำเร็จ

มี เศียรที่ 3 มีตา บางมุมมองแล้วเหมือนมีพญานาค 2 เศียร

ไกด์บอกว่า จากที่เคยพบมา บางคน ขึ้นไปไม่ได้ ไม่มีสาเหตุทางกายภาพ แต่เหมือนมีอะไรมาขัดขวาง รู้สึก หายใจไม่ออก ตัวหนักมาก สอบถามภายหลังพบว่า มีครุฑ อยู่ในตัว ครุฑกับพญานาคไม่ถูกกัน แล้วมีคนหนึ่งมาถึงตรงจุดครอบเศียรก็ร้องไห้และเลื้อยเป็นงู ส่วนอีกคนหนึ่งไปเขียนบนหิน กลับลงมาอาเจียน แล้วนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้น นี่คือสิ่งที่ท่านแสดงให้เห็นว่ามีอยู่จริง

สิ่งสำคัญคือ อย่าสงสัยในใจ ต้องเปิดใจให้กว้าง และการขอพรให้ขอเพื่อนำไปทำบุญหรือช่วยเหลือผู้อื่น จะสำเร็จง่ายกว่าการบนบาน

ถ้ำนาคาเป็นเส้นทางแห่งการผจญภัย การสัมผัสกับพลังศรัทธาและธรรมชาติอย่างแท้จริง

  • ตำนานพญานาค กำเนิดแม่น้ำโขง

ตำนานกล่าวว่า สองพญานาคผู้ยิ่งใหญ่ คือ ท้าวศรีสุทโธ และ ท้าวสุวรรณนาค อาศัยอยู่ในหนองคันแทเสือน้ำ ทั้งสองตกลงกันว่าจะผลัดกันออกหาอาหารและแบ่งปันกันอย่างยุติธรรม มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท้าวสุวรรณนาค นำ เม่น ที่ล่ามาได้มาแบ่งให้ท้าวศรีสุทโธ ท้าวศรีสุทโธสังเกตเห็นว่า ขน หนัง กระดูก แตกต่างไปจากที่เคยเป็น (เคยแบ่งช้างให้ แต่นี่เป็นเม่น ขนมันใหญ่ขนาดนี้ ตัวมันจะขนาดไหน) เกิดความโกรธคิดว่าเพื่อนไม่ซื่อสัตย์ เกิดการต่อสู้รุนแรงจนหนองน้ำพังทลาย สัตว์เล็กสัตว์น้อยล้มตาย

เทพผู้เป็นใหญ่ได้มาสั่งให้พญานาคทั้งสองสร้างสายน้ำแข่งกัน ผู้ที่สร้างเสร็จก่อนจะได้รับของวิเศษ 2 อย่าง ท้าวศรีสุทโธ ใจร้อนไม่ยอมตัดทาง เจอภูเขาก็เลื้อยอ้อมไป เกิดเป็นทางน้ำคดเคี้ยวไปมา เรียกว่า แม่น้ำโค้ง (แม่น้ำโขง) และได้รับของวิเศษ 2 อย่าง

1.ปลาบึก เป็นปลาธรรมชาติอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขงเท่านั้น มีขนาดใหญ่มาก (300-500 กิโลกรัม) กินตะไคร่น้ำเป็นอาหาร ไม่กินสัตว์เล็ก การจับปลาบึกในแต่ละปีจะมีการทำพิธีโดยหมอผี

2.ต้นชะโนด ต้นไม้ลักษณะพิเศษ มี 3 ชนิดอยู่ในต้นเดียวกัน พบได้ที่คำชะโนดแห่งเดียวเท่านั้น ลำต้นเป็นข้อเหมือนมะพร้าว ใบเหมือนใบตาล ลูกเป็นพวงเหมือนหมาก ลำต้นสูง 20-40 เมตร ท้าวศรีสุทโธยังได้ขอพรอีกหนึ่งอย่างคือ ทางขึ้นสู่พรหมประกายโลก เป็น บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์

ต้นคำชะโนด Cr. Kanok Shokjaratkul

  • คำชะโนด วังนาคินทร์

ตั้งอยู่ที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์และเส้นทางเชื่อมภพ ที่พญานาคสามารถขึ้นมาบนโลกมนุษย์ หรือลงไปในบาดาลได้ ผู้ที่อยู่ในชั้นพรหมประกายโลก บางท่านยังมีกิเลสหรือความผูกพันกับโลกมนุษย์ ก็จะมาใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ผ่านเส้นทางนี้ และกลายเป็นบริวารของพ่อปู่ศรีสุทโธ

คำชะโนด ไม่มีรากแก้ว รากของต้นไม้เกาะกันเป็นผืนคล้ายโฟม น้ำไม่ท่วม เพราะเป็นเกาะลอยอยู่

ช่วงเวลาที่มีผู้คนหนาแน่น จะเป็นช่วงก่อนหวยออกหนึ่งสัปดาห์ และหลังหวยออก 15 วัน

เมื่อเดินทางมาถึง ต้องถอดรองเท้าวางไว้ในจุดที่จัดเตรียมไว้ แล้วเดินเท้าเข้าไป เดิมเป็นสะพานไม้ ปัจจุบันเป็นสะพานปูน เดินไป 50 เมตร จะเห็นจุดรอยร้าว แม้จะซ่อมแซมหลายครั้ง ก็ไม่สามารถเชื่อมต่อกันเป็นผืนเดียวได้ ทำให้มีช่องว่าง เป็นรอยต่อระหว่างเมืองบาดาลกับเมืองมนุษย์

รอยต่อระหว่างเมืองบาดาลกับเมืองมนุษย์ Cr. Kanok Shokjaratkul

ภายในป่าคำชะโนด อากาศเย็นสบาย มีความรู้สึกเชื่อมโยงกับเมืองบาดาล ปัจจุบันมีการทำถนนรอบศาลพ่อปู่ศรีสุทโธและแม่ย่าศรีปทุมมา ภายในศาลมีพ่อปู่ศรีสุทโธในหลากหลายกายภาพ ไม่ว่าฤาษี นักบวช กายมนุษย์ กายนาค หรืองู ผู้ที่ต้องการบวงสรวงหรือถวายเครื่องบูชา ต้องทำพิธีที่ด้านหน้าก่อนเข้าสู่ภายใน และห้ามร่างทรงเข้ามาทำพิธีในบริเวณด้านใน

เดินข้ามสะพานมาแล้ว เลี้ยวขวา ไปสักการะพ่อปู่ศรีสุทโธ-แม่ย่าศรีปทุมมา เป็นพิธีเปิดดวง วาสนา บารมี เปิดโชค เปิดลาภ เปิดหน้าที่การงาน เปิดความมั่งคั่ง เปิดความร่มเย็นเป็นสุข

สักการะพ่อปู่ศรีสุทโธ-แม่ย่าศรีปทุมมา Cr. Kanok Shokjaratkul

ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ที่เหลือเพียงต้นเดียว Cr. Kanok Shokjaratkul

เดินต่อไปพบกับ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เดิมมีสองต้น ล้มไปแล้วหนึ่งต้นเพราะพฤติกรรมชาวบ้านที่นำแป้งไปถูต้นไม้ ปัจจุบันเหลือเพียงต้นเดียว เชื่อกันว่า ต้นไม้นี้เป็นแหล่งพลังสมบัติของเมืองบาดาล ผู้คนจึงหลั่งไหลมาขอโชคลาภและทรัพย์สมบัติ ณ จุดนี้ เป็นการเบิกทรัพย์หลังจากที่ได้ทำบุญไปแล้ว

เดินต่อไปยัง บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ จะมีน้ำมนต์อยู่ในโอ่งเล็ก ๆ ใช้ประพรมได้ จัดไว้สำหรับตั้งจิตสมาธิ เสริมพลังบารมี

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ Cr. Kanok Shokjaratkul

ตำนานกล่าวว่า บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ หรือ บ่อน้ำพญานาค เป็นประตูเชื่อมโยงระหว่างเมืองมนุษย์และเมืองบาดาล มีความลึกมาก เชื่อมต่อกับอีกมิติหนึ่ง และเชื่อมไปถึงแม่น้ำโขง ในหน้าแล้ง น้ำในบ่อก็ไม่แห้ง ผู้คนนิยมมาตั้งเหรียญ เพื่อร่วมทำบุญ และทดสอบความนิ่งของจิตใจ

เย็นนี้เราเข้าพักที่MOCO Hotel ใจกลางเมืองจังหวัดอุดรธานี ทำเลดีมากอยู่ใกล้กับตลาดและแหล่งชอปปิงหลายแห่ง สามารถท่องเที่ยวยามค่ำคืนได้อย่างสะดวกสบาย

ผู้มาแก้บน จ้างนางรำมารำถวาย Cr. Kanok Shokjaratkul

  • บ้านเชียง มรดกโลก

เช้าวันต่อมา เดินทางไปยัง ชุมชนบ้านเชียง ที่มีกลุ่มลาวพวนอพยพมาจากเชียงขวาง ประเทศลาว เมื่อ 200 ปีที่แล้ว มีความสามารถทำลวดลายผ้าและปั้นหม้อ และยังคงอนุรักษ์ไว้

การค้นพบ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2509 (ค.ศ.1966) โดย สตีเฟน ยัง (Stephen Young) นักศึกษาโบราณคดีที่กำลังทำวิทยานิพนธ์ได้พบเห็นเด็ก ๆ ในหมู่บ้านเล่นเศษภาชนะดินเผา ก็หยิบขึ้นมาดูพบว่ามีอายุหลายพันปี นำมาสู่การขุดค้นอย่างจริงจัง ทำให้พบภาชนะดินเผาจาก 3 ยุคสมัย

Cr. Kanok Shokjaratkul

Cr. Kanok Shokjaratkul

ยุคต้น (5,600 – 3,000 ปีที่แล้ว) ภาชนะสีดำ ลวดลายเกิดจากการขีดไม้หรือกดเชือก ไม่มีสีสัน เน้นการใช้งาน

ยุคกลาง (3,000 – 2,300 ปีที่แล้ว) มีการเขียนสี ส่วนใหญ่เป็นสีขาวนวล ภาชนะแตกหักมาก จากความเชื่อในการทุบภาชนะดินเผาฝังไปพร้อมกับผู้เสียชีวิต เหลือไว้ไม่กี่ชิ้นสำหรับใช้ในภพหน้า

ยุคปลาย (2,300 – 1,800 ปีที่แล้ว) มีความสวยงามและสีสันมากขึ้น ลวดลายรูปปลา ใบไม้ ก้นหอย

Cr. Kanok Shokjaratkul

Cr. Kanok Shokjaratkul

บ้านเชียง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก ในปี พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) เป็นแหล่งโบราณคดีแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับเกียรตินี้ เพราะมีความสมบูรณ์ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และวัฒนธรรม นอกจากนี้ คนในพื้นที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตและประเพณีดั้งเดิม

ปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง เปิดให้เข้าชมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และการจำลองการขุดค้นที่วัดโพธิ์สีใน มีการจัดแสดงโครงกระดูกสุนัขพันธุ์ไทยโบราณ

โครงกระดูกสุนัขพันธุ์ไทยโบราณ Cr. Kanok Shokjaratkul

เส้นทางเดินชม เป็นอาคาร 3 หลังยาวต่อเนื่องกัน เริ่มจาก ห้องมรดกโลก รวบรวมโบราณวัตถุที่ได้จากการค้นพบที่บ้านเชียง แบ่งเป็น 3 สมัย ยุคต้น ภาชนะที่ใหญ่ที่สุดใช้บรรจุศพเด็กที่เสียชีวิตแล้วนำไปฝัง ป้องกันสัตว์มารบกวนศพ ฝังไว้ใต้บ้าน ยุคกลาง เริ่มมีการเขียนสีแดง มาจากดินเทศผสมกับยางไม้ ภาชนะในยุคนี้ ตั้งเองไม่ได้ ต้องมีตัวรองรับ

เราเดินทางต่อไปชม สถานที่ขุดค้นของจริง ซึ่งบริเวณทั้งหมด การขุดค้นยังไม่ถึง 50% เลย แต่ค้นพบไปแล้ว 250 รายการ

Cr. Kanok Shokjaratkul

  • เขียนสี ปั้นหม้อ ที่ชุมชนบ้านเชียง

เราเดินทางต่อไปที่ ศูนย์การเรียนรู้ กลุ่มปั้นหม้อเขียนสี ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี โดยมี ชาตรี ตะโจประรัง ประธานวิสาหกิจชุมชน เป็นผู้นำชม และทำกิจกรรม

"เรายังรักษาเอกลักษณ์ของเราไว้อย่างมั่นคง ไม่ว่า การแต่งกาย เสื้อผ้า ผ้าทอซึ่งมีลวดลายเฉพาะตัว สำเนียงการพูด แม้เด็ก ๆ จะเรียนหนังสือและพูดภาษากลางได้ ก็ยังไม่ทิ้งภาษา พวนประยุกต์

ชาตรี ตะโจประรัง ประธานวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเขียนสีปั้นหม้อ Cr. Kanok Shokjaratkul

ผลิตภัณฑ์ที่เราทำขึ้นมาเป็นการจำลองแบบของโบราณที่เห็นในพิพิธภัณฑ์ ยุคต้น สีดำ มีลายขูดขีด ลายทาบเชือก สีดำได้มาจาก แกลบหรือขี้เลื่อย นำมาเผาให้แดง แล้วใช้ขี้เลื่อยกลบ ทำให้มันไหม้คล้ายถ่าน ทำให้ดูเก่าโดยนำไปคลุกขี้เถ้า ขี้โคลน ดินขี้ไส้เดือน เครื่องมือบางอย่างมาจากภูมิปัญญา เช่น ใยบวบ เปลือกผลไม้ที่มีหนาม นำมาแตะเพื่อสร้างลวดลาย

ศูนย์เรียนรู้ของเรา มีกิจกรรมให้ลองปั้นดิน ลองทำลวดลายต่าง ๆ ด้วยตัวเอง

หลังฤดูเก็บเกี่ยว เดือนมีนาคม-เมษายน เรามีกิจกรรม กินดำ ประเพณีการปั้นดิน และ กินดำบ้านเย็น ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร

Cr. Kanok Shokjaratkul

Cr. Kanok Shokjaratkul

ที่นี่เป็นศูนย์รวมองค์ความรู้ด้านหัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผาที่สืบทอดจากอดีตสู่ปัจจุบัน และก้าวสู่อนาคต มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งกระบวนการผลิต การสร้างสรรค์ และการส่งต่อ

สีที่ใช้ในการเขียนลาย ในอดีตใช้ดินแดงผสมกับยางไม้ แล้วนำไปเผา ทำให้สีและเนื้อภาชนะเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่หลุดลอก แม้อยู่มาเป็นพันปี แต่ปัจจุบัน ต้องเผาก่อน แล้วทาสี เขียนลาย

ดินที่ใช้ในการปั้นเป็นดินแหล่งเดียวกับที่ใช้ในหลุมขุดค้นเมื่อ 5,600 ปีที่แล้ว ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้สัมผัสกับมรดกทางประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง ยังมีกิจกรรม ร้อยลูกปัด อีกด้วย"

ศาลหลักเมือง อุดรธานี Cr. Kanok Shokjaratkul

  • ศาลหลักเมือง อุดรธานี

ก่อนกลับแวะไปสักการะศาลหลักเมือง ภายในมีสองเสา เสาหลักเมืองต้นแรกสร้างขึ้นปี พ.ศ. 2502 พร้อมกับการตั้ง องค์ปู่ท้าวเวสสุวรรณ เพื่ออัญเชิญดวงวิญญาณของ พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้สร้างเมืองอุดร พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112)

Cr. Kanok Shokjaratkul

มีความสูง 8 เมตร มีส่วนที่ฝังลงใต้ดิน 3 เมตร สร้างจาก ต้นคูณ (ราชพฤกษ์) ต้นไม้ประจำพระองค์รัชกาลที่ 9 ได้ทรงเจิมเสาหลักเมืองนี้ที่วัง แล้วอัญเชิญมาประดิษฐาน

เสาหลักเมืองต้นที่สอง สร้างขึ้นและทำพิธีเปิด พ.ศ. 2542 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิด ทำให้ศาลหลักเมืองอุดรธานีมีเสาหลักเมืองคู่กันถึง 2 ต้น

องค์ศรีสุขคเณศ Cr. Kanok Shokjaratkul

  • ศาลพระพิฆเนศ

ที่จังหวัดอุดรธานีมีความพิเศษ มีชื่อว่า องค์ศรีสุขคเณศ เป็นพระพิฆเนศที่มีเศียรเป็นนาคปรก 9 เศียร และ มีพระหัตถ์ 8 กร แนวคิดมาจากความเชื่อและศรัทธาในพ่อปู่ศรีสุทโธ และความเชื่อว่า พระพรหมเป็นผู้สร้างโลก ผู้คนมักมากราบไหว้ขอพรให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจ

หินสามวาฬ Cr. Kanok Shokjaratkul

แปลงกายเป็นพ่อมด แม่มด Cr. Kanok Shokjaratkul

.

.

.

หินสามวาฬ จ.บึงกาฬ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

Tesla สู่จุด ‘ตะวันตกดิน’ ในจีน? ชาวจีนมองรถเชย ไม่ล้ำสมัยเท่าค่ายจีน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิกฤติส่งออก ส.อ.ท. ชี้ภาษีทรัมป์ 36% ทำไทยเสียเปรียบหนัก ชงคลังเร่งเจรจา

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

'เด็จพี่' ซัดพวกอคติ ตั้งแง่ 'ทักษิณ' ถกรับมือ 'ภาษีทรัมป์'

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

'ธรรมนัส' แจงถก 'ทักษิณ' ที่บ้านพิษณุโลก คุยรับมือ 'ภาษีทรัมป์'

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

อร่อยลงตัว "เนื้อวากิวใบพายย่าง" เมนูพิเศษประจำเดือนนี้ ที่ ห้องอาหารเพลท

Manager Online

เผยวิธีเลือกกินเนยถั่วให้สุขภาพดี ต้องดูอะไรบ้าง

sanook.com

Robert Downey Jr. เผยว่า Pedro Pascal ทำให้เขากลับมามีศรัทธาในวงการภาพยนตร์อีกครั้ง

THE STANDARD

KAWS เตรียมเทกโอเวอร์ New York Botanical Garden ช่วงซัมเมอร์ปี 2027

THE STANDARD

JIMMY CHOO x THE RITZ-CARLTON งานโชว์เคส The Crystal Dream Wedding

THE STANDARD

คอนเสิร์ต BLACKPINK จุดกระแสอีเวนต์ไร้ขยะด้วยน้ำดื่มรักษ์โลก

PostToday
18
+

5 ปัญหาทางเพศกับบทบาทเซ็กส์ที่หนุ่มๆ กลุ้มใจ พร้อมวิธีแก้ไขที่ต้องรู้ !

sanook.com

ตัวละครของ Anne Hathaway ใน Mother Mary เหมือน Lady Gaga ผสมกับ Taylor Swift

THE STANDARD

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...