‘รังสิมันต์ โรม’ เผย มี 'นักการเมืองไทย' ซุกเงินในกัมพูชาจริง
คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ของสภาผู้แทนราษฎร นำโดยรังสิมันต์ โรม ประธาน กมธ. เดินทางไปสังเกตการณ์สถานการณ์ที่จุดผ่านแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
โดยก่อนจะมีการประชุม นายรังสิมันต์ โรม ตอบคำถามสื่อมวลชน ยืนยันว่ามีนักการเมืองไทยซุกทรัพย์สินในธนาคารกัมพูชาจริง ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับฮุน เซน ด้วย นอกจากนี้เรายังมีข้อมูลพิกัดศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชากว่า 60 แห่งอีกด้วย
จากนั้นนายรังสิมันต์ให้สัมภาษณ์หลังประชุมว่าเมื่อไทยมีมาตรการควบคุมด่านและกัมพูชาปิดด่าน เรื่องนี้ไม่มีทางออกนอกจากทั้งสองฝ่ายต้องเจรจากัน ตนจะไปพูดคุยกับรัฐบาลว่าจะมีแนวทางอย่างไร เพราะมีปัจจัยทั้งการเมืองในประเทศและเรื่องศาลโลกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
เรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นแต่ยังเป็นคนตัวเล็กตัวน้อย ไม่ได้มีผลต่อโครงสร้างอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งตรงนี้ยังไม่มีการดำเนินการมาก เบื้องต้นได้ให้ข้อมูลกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)
โดยมีกลุ่มเป้าหมาย 7 คนที่เป็นคีย์แมนจัดหานำพาคนไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บางคนเป็นเจ้าของพื้นที่เอกชนให้ความช่วยเหลือแก่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาจต้องใช้กฎหมายฟอกเงินมาจัดการ ทั้งเรื่องเส้นเงิน การยื่นภาษี ฯลฯ
ซึ่งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ต้องยอมรับว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำลายเศรษฐกิจประเทศไทยอย่างรุนแรง
เรื่องการแยกเหยื่อ แยกอาชญากร เรามีการปรับจูนกันทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคม ให้กระบวนการมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ปัจจุบันมีคนไทยติดอยู่ที่ปอยเปตขั้นต่ำประมาณ 1,500-2,000 คน โดยโทษปรับกรณีชาวต่างชาติอยู่ในประเทศเกินกำหนด (overstay) ของกัมพูชาหนักกว่าของไทย แถมมีขบวนการเรียกเก็บเงินจากคนไทยที่ overstay ด้วย
ซึ่งเช้าวันนี้ มีทีมที่นำโดย รอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และ กมธ.ความมั่นคงฯ ได้เก็บภาพและข้อมูลคนที่ลักลอบเข้ามาช่องทางพิเศษซึ่งไม่ใช่แก๊งคอลเซ็นเตอร์
พวกเขาเลือกช่องทางนี้เพราะโดนรีดไถหมดแล้ว ไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ อาจมีคนที่มีปัญหาลักษณะนี้อีกมากที่ติดค้างอยู่ที่ฝั่งกัมพูชา ซึ่งต้องคุยกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป