โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เปิดกลไก TFFF กองทุนเพื่ออนุรักษ์ป่าฝน เตรียมเปิดตัวที่ COP30

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เจ้าภาพ COP30 อย่างบราซิล ประเทศทั้ง 12 กำลังสรุปการจัดตั้งกองทุนที่มีเป้าหมายระดมเงิน 125,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อการอนุรักษ์ป่าฝนเขตร้อน และเปิดตัวในการประชุมสุดยอดด้านภูมิอากาศเดือนพฤศจิกายนนี้

ย้อนกลับไปในปี 2023 ระหว่างสัปดาห์ภูมิอากาศขององค์การสหประชาชาติ (United Nations Climate Week) ที่นครนิวยอร์ก สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (Wildlife Conservation Society: WCS) ได้เตือนรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของบราซิล เกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤตของป่าไม้โลก โดยระบุว่า 25% ได้ถูกทำลายไปแล้ว

ตัวเลขนี้มาจากงานวิจัยของ WCS ซึ่งเผยแพร่ในวารสาร Nature Communications เมื่อปี 2020 และยังระบุว่า จากพื้นที่ป่าทั้งหมด 4.3 พันล้านเฮกตาร์ที่เหลืออยู่บนโลก มีเพียง 40% หรือ 1.7 พันล้านเฮกตาร์ ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ และน้อยกว่า 30% ของพื้นที่เหล่านี้ได้รับการคุ้มครองอย่างเป็นทางการ

ป่าไม้ในสภาพธรรมชาติ มีบทบาทสำคัญต่อสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และการดำรงชีวิตของผู้คน แต่ก็มีความท้าทายอย่างมากในการป้องกันการเสื่อมโทรมและการตัดไม้ทำลายป่า

การประชุมในปี 2023 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่าง WCS กับรัฐบาลบราซิล ในการจัดตั้งโครงการเงินทุนเชิงนวัตกรรมเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ กองทุน “Tropical Forest Forever Facility” (TFFF)

กองทุน Tropical Forest Forever Facility (TFFF) คืออะไร

กองทุน TFFF มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ป่าฝนเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนในประเทศกำลังพัฒนา โดยรวมแล้วมีพื้นที่สีเขียวประเภทนี้อยู่ประมาณ 1.2 พันล้านเฮกตาร์ กระจายอยู่ใน 76 ประเทศ ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในลุ่มน้ำแอมะซอน ลุ่มน้ำคองโก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การู แบทมาเนียน อธิบดีกรมป่าไม้แห่งชาติบราซิล ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลป่าสาธารณะ และเป็นตัวแทนกระทรวงในการจัดตั้งกองทุนนี้ กล่าวว่า เป้าหมายของ TFFF คือการให้รางวัลแก่ประเทศที่สามารถควบคุมระดับการตัดไม้ทำลายป่าได้แล้ว แต่ยังต้องการเงินลงทุนเพื่อรักษาป่าไว้

นอกจาก WCS และรัฐบาลบราซิลแล้ว ยังมีองค์กรอีกหลายแห่งที่เข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบโครงการนี้ ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในการประชุม COP30 ที่เมืองเบเลง ประเทศบราซิล ในเดือนพฤศจิกายน

อะไรคือความแปลกใหม่ของ TFFF

กลไกคุ้มครองป่าไม้ส่วนใหญ่จ่ายเงินเพื่อการหลีกเลี่ยงการตัดไม้ทำลายป่า โดยพิจารณาจากปริมาณคาร์บอนที่ไม่ถูกปล่อยออกมาเนื่องจากต้นไม้ยังคงอยู่ ตัวอย่างหลักคือโครงการ REDD+ ซึ่งเปิดตัวในการประชุม COP19 ปี 2013

ตามหลักการนี้ หากประเทศใดลดการตัดไม้ได้จนเหลือศูนย์ ก็จะไม่ได้รับเงินสนับสนุนอีกต่อไปเพราะไม่มีการลดการปล่อยคาร์บอนเพิ่มเติม นั่นหมายถึงว่า TFFF ตั้งใจจะแก้ช่องว่างนี้ ด้วยการจ่ายเงินให้ประเทศต่าง ๆ เพื่อการรักษาป่าอย่างต่อเนื่อง

อานี อาเลนคาร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมอเมซอน (IPAM) ซึ่งเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาการจัดตั้ง TFFF กล่าวว่า ประเทศต่าง ๆ มักไม่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการมีป่าไม้ กลไกนี้จึงช่วยเติมมุมมองดังกล่าว เพราะจะส่งเงินโดยตรงไปยังประเทศนั้น ๆ และสร้างแรงจูงใจที่ชัดเจนขึ้น

ประเทศในเขตร้อนที่สามารถรักษาหรือชะลอการตัดไม้ทำล่าได้ จะมีสิทธิได้รับเงินปีละ 4 ดอลลาร์สหรัฐต่อเฮกตาร์ของพื้นที่ป่าที่ได้รับการอนุรักษ์ อย่างไรก็ตาม จะมีการหักเงินในอัตรา 400-800 ดอลลาร์ต่อเฮกตาร์ สำหรับพื้นที่ที่ถูกตัดไม้ในแต่ละปี และจะหักอีก 100 ดอลลาร์ต่อเฮกตาร์สำหรับพื้นที่ที่เสื่อมโทรม เช่น พื้นที่ที่มีระบบนิเวศถูกทำลาย มีการแบ่งแยก หรือใช้แนวทางที่ไม่ยั่งยืนการหักเงินเหล่านี้ เป็นแรงจูงใจให้ประเทศที่มีอัตราการตัดไม้ต่ำอยู่แล้ว ยังคงเดินหน้าสู่เป้าหมายการตัดไม้เป็นศูนย์

TFFF ยังแตกต่างจากโครงการอนุรักษ์อื่น ๆ ในวิธีการคำนวณพื้นที่ป่า

โดยหลีกเลี่ยงการรวมคาร์บอนทั้งหมดจากประเทศเขตร้อน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง แต่จะใช้การตรวจสอบด้วยดาวเทียมและระบบรับรู้ระยะไกล ซึ่งเข้าถึงง่ายกว่า

หากประเทศใดไม่มีระบบเหล่านี้ ก็สามารถใช้แพลตฟอร์มระดับโลกในการคำนวณได้ ลีโอนาร์โด โซบราล ผู้อำนวยการด้านป่าของ Imaflora องค์กรภาคประชาสังคมของบราซิลอีกแห่งที่เข้าร่วมโครงการนี้อธิบาย MapBiomas ติดตามการปกคลุมของป่าทั่วอเมริกาใต้และอินโดนีเซีย และมีแผนจะขยายไปยังแอฟริกา

ใครมีส่วนร่วมในกองทุนนี้บ้าง

แนวคิดของกองทุนนี้ถูกเสนอโดยรัฐบาลบราซิลในปี 2023 ระหว่างการประชุม COP28 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาโดยรัฐบาลบราซิลร่วมกับการสนับสนุนด้านเทคนิคจากองค์กรอนุรักษ์ระหว่างประเทศ องค์กรระหว่างรัฐบาล สถาบันการเงิน และกลุ่มคลังสมอง (think-tank) หลายแห่ง

เดือนมีนาคม 2025 คณะกรรมการกำหนดทิศทาง (steering committee) ได้ประชุมกันที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เพื่อสรุปรูปแบบของ TFFF โดยมีแผนจะเผยแพร่เอกสารแนวคิดฉบับที่ 2 (concept note 2.0) ในเดือนเมษายน จากนั้นจะมีการหารือกับประเทศต่าง ๆ นักลงทุนที่มีศักยภาพ และภาคประชาสังคม คาดว่าเวอร์ชันสุดท้ายจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม คณะกรรมการชุดนี้ประกอบด้วยผู้แทนจาก 12 ประเทศ โดยครึ่งหนึ่งเป็นประเทศที่มีป่าฝนเขตร้อน รวมถึงบราซิล และอีกครึ่งเป็นประเทศพัฒนาแล้วซึ่งมีศักยภาพในการลงทุนในกองทุนนี้

ยกเว้นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศที่เหลือโดยทั่วไปมีส่วนร่วมในการให้ทุนเพื่อการอนุรักษ์ เช่น นอร์เวย์ เยอรมนี ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร ซึ่งรวมกันเป็น 60% ของคำมั่นสัญญา 9.3 พันล้านดอลลาร์ที่ให้ไว้กับกองทุน Green Climate Fund และนอกจากฝรั่งเศสแล้ว ทุกประเทศเหล่านี้ยังเป็นนักลงทุนหลักในกองทุน Amazon Fund

รูปแบบการดำเนินงานของ TFFF

กองทุนนี้จะอยู่ภายใต้การบริหารขององค์กรพหุภาคี ซึ่งจะได้รับการแต่งตั้งเมื่อรูปแบบของกองทุนเสร็จสมบูรณ์ โดยหนึ่งในตัวเลือกคือ ธนาคารโลก ซึ่งได้ติดตามการหารือในประเด็นนี้อยู่

ก่อนจะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน TFFF มีแผนจะขอ "shadow rating" หรืออันดับเครดิตไม่เป็นทางการจากสถาบันจัดอันดับเครดิต เพื่อรับรองว่ามีความเสี่ยงในการลงทุนน้อย หลังจากนั้นจะออกพันธบัตรเพื่อระดมเงินจำนวน 125,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าสู่กองทุน

เป้าหมายคือระดมคำมั่นสัญญามูลค่า 25,000 ล้านดอลลาร์ให้ได้ภายในงาน COP30 และใช้เงินก้อนนี้เป็นแรงผลักดันเพื่อดึงดูดเงินอีก 100,000 ล้านดอลลาร์จากตลาดการเงิน มีการคาดการณ์ว่า จะดึงดูดกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติและกองทุนบำเหน็จบำนาญ ซึ่งต้องการการลงทุนระยะยาวที่มีความเสี่ยงต่ำ ด้านมูลนิธิการกุศลก็ถือเป็นเป้าหมายสำคัญเช่นกัน

เงินทุนจาก TFFF จะถูกนำไปลงทุนต่อในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ประเภทอื่น ๆ โดยทุก ๆ เงิน 1 แสนล้านดอลลาร์ จะสามารถนำมาลงทุนในป่าไม้ได้ประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์ต่อปี

วิธีเข้าร่วมและใช้ประโยชน์จากกองทุน

ประเทศเขตร้อนจะต้องมีอัตราการตัดไม้ประจำปีไม่เกิน 0.5% ของพื้นที่ป่าทั้งหมด และแสดงแนวโน้มการลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับเฉลี่ยของโลกตามการคำนวณของคณะกรรมการ

ตามเกณฑ์นี้ บราซิลมีคุณสมบัติผ่านการเข้าร่วม TFFF โดยจากการวิเคราะห์ของ Dialogue Earth ซึ่งอิงข้อมูลอย่างเป็นทางการจากสถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติ (INPE) และกรมป่าไม้แห่งชาติบราซิล พบว่าในปี 2023 พื้นที่ป่าแอมะซอนและแอตแลนติกของบราซิลสูญเสียพืชพรรณพื้นเมืองไปเพียง 0.25% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ในการสมัครเข้าร่วม ประเทศจะต้องแสดงระบบติดตามป่าไม้ และแผนการใช้ทรัพยากรที่ได้รับ โดยต้องจัดสรรเงินทุนเพื่อโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูในระดับสาธารณะ อย่างน้อย 20% ของกองทุนจะต้องถูกจัดสรรให้กับโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อชนพื้นเมืองและชุมชนดั้งเดิม แบทมาเนียนกล่าว

เมื่อสิ้นปีแต่ละปี ประเทศจะต้องเผยแพร่รายงานการติดตามและส่งให้ TFFF เพื่อขอรับเงิน โดยอัตราการตัดไม้ต้องคงที่หรือมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาปัจจัยอย่างภัยธรรมชาติที่อาจทำลายป่า เช่น เฮอริเคนในแคริบเบียน หรือการระเบิดของภูเขาไฟในอินโดนีเซีย โดยในกรณีเหล่านี้ แบทมาเนียนระบุว่า กองทุนจะยอมให้มีความคลาดเคลื่อนได้สูงสุด 0.1%

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

โกลด์ มิ้นท์ฯ-พันธมิตรเจาะกลุ่มเยาวชนยกระดับความปลอดภัยบนถนน

9 นาทีที่แล้ว

ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ผนึก เซ็นทรัลพัฒนา ดันไทยสู่ Pride Landmark ระดับโลก

20 นาทีที่แล้ว

“ทรัมป์” ขู่เก็บภาษีเพิ่ม 10% ชาติหนุนกลุ่ม BRICS ต่อต้านอเมริกา

44 นาทีที่แล้ว

รัฐบาลจ่อเปิดตลาดสินค้าเกษตร แลกเจรจาสหรัฐฯลดภาษี - ตั้งงบเยียวยา1หมื่นล้าน

46 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่นๆ

ภัยโลกร้อนและวานิลลา รสชาติที่อาจสูญหายในอนาคต

TNN ช่อง16

รมช.สธ.ป้ายแดง แจงวุฒิสภา เล็งทำ MOU สถานศึกษา แจกถุงยาง-ให้ความรู้เพศสัมพันธ์ ป้องกัน HIV

ไทยโพสต์

โกลด์ มิ้นท์ฯ-พันธมิตรเจาะกลุ่มเยาวชนยกระดับความปลอดภัยบนถนน

ฐานเศรษฐกิจ

ลามไม่หยุด! ไฟไหม้โรงงานสมุทรสาคร อาคารเริ่มทรุดตัว เกิดเสียงดังสนั่นเป็นระยะ

มุมข่าว

สัมผัสเสน่ห์แกงไทยหายาก มรดกวัฒนธรรม

ไทยโพสต์

“โรม” รู้ทัน “กัมพูชา” คิดอะไรอยู่ ยั่วยุคนไทยจนหลายคนไม่พอใจ

สำนักข่าวไทย Online

Labubu บุกวงการฟุตบอล เทรนด์ใหม่ที่นักเตะกำลังหลงรัก

THE STANDARD

กรมพัฒนาสังคมฯ แจ้งจับ “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำเขตนิคมฯ แถมข่มขู่เจ้าหน้าที่

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...