“ปณท”เผยยอดส่งพัสดุไปจีนโต 3% เร่งพัฒนาช่องทางขนส่งช่วยธุรกิจไทย
นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาความร่วมมือด้านการติดต่อสื่อสารและการเชื่อมเศรษฐกิจระหว่างไทย – จีน ผ่านเส้นทางไปรษณีย์ถือเป็นกลไกสำคัญช่วยขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งในมิติเศรษฐกิจ ประชาชน ภาคธุรกิจ และกลุ่ม ผู้ประกอบการ โดยในช่วงปีที่ผ่านมาการขนส่งพัสดุจากไทยไปจีนเติบโตเฉลี่ยกว่า 3% สะท้อนบทบาทของไปรษณีย์ไทยในฐานะโครงสร้างพื้นฐานหลักที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจไร้พรมแดนได้อย่างเป็นรูปธรรม
โดยกลุ่มบริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ ไปรษณียภัณฑ์ ส่งด่วนระหว่างประเทศ อีเอ็มเอส เวิลด์ และพัสดุ ซึ่งไทยและจีนมีเส้นทางด้านการขนส่งที่สำคัญได้แก่ ระบบขนส่งทางอากาศ ทางเรือ และทางภาคพื้นโดยทุกเส้นทางล้วนมีศักยภาพในการช่วยเพิ่มความสามารถการแข่งขันให้กับภาคธุรกิจไทยในตลาดจีนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสิ่งของที่ได้รับความนิยมในการส่งผ่านไปรษณีย์จากไทยไปปลายทางประเทศจีน คือ เอกสาร ของเล่น เสื้อผ้าคอตตอน อาหารเสริม และเครื่องรางของขลัง
นายดนันท์ กล่าวต่อว่า ปณท มีแผนในการพัฒนาการขนส่งทางบกจากต้นทางจีนเพื่อให้บริการสำหรับลูกค้ากลุ่ม บีทูบี และกลุ่ม บีทูซี โดยใช้การขนส่งในช่องทางพาณิชย์ เพื่อช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในการลดต้นทุนค่าขนส่ง สามารถขนส่งได้ในปริมาณมากขึ้นเมื่อเทียบกับการขนส่งทางอากาศ และยังเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าทั้งต้นทางและปลายทางได้มากขึ้น เช่น มีบริการดำเนินพิธีการภาษีศุลกากรทั้งที่ต้นทางและปลายทาง นอกจากนี้ไปรษณีย์ไทยยังอยู่ระหว่างศึกษาการใช้ประโยชน์จากช่องทางการขนส่งทั้งทางรถและทางราง ไปปลายทางจีน และพร้อมเป็นจุดกระจายสินค้าเข้าไทย โดยใช้เครือข่ายในประเทศและส่งต่อไปทั่วโลก ทั้งทางอากาศและทางภาคพื้น ล่าสุได้ จึง ร่วมกับสมาคมนักสะสมตราไปรษณียากรแห่งประเทศไทยฯ เตรียมจัดงานแสดงตราไปรษณียากรภาคพื้นเอเชีย 2568 "จดหมายแห่งมิตรภาพ From Bangkok to Bejing" เพื่อแสดงบทบาทของแสตมป์ จดหมาย และระบบสื่อสารการขนส่งของไปรษณีย์ในฐานะเครื่องมือทางการทูตเขิงวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยกับคนจีนด้วย
“กิจกรรมครั้งนี้จะถ่ายทอดเรื่องราวของความทรงจำในรูปแบบของนิทรรศการแสตมป์ จดหมาย และกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมร่วมสมัย ช่วยเชื่อมโยงประสบการณ์ไทย-จีน ทั้งงานศิลปะงานหัตถกรรม งานเขียน ฯลฯ ที่ล้วนสะท้อนคุณค่าในหลากหลายมิติ โดยมุ่งหวังให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสกับพลังของวัฒนธรรมเชิงสื่อสาร ที่เชื่อมโยงระหว่าง Soft Power กับเส้นทางเศรษฐกิจ และเปิดมุมใหม่ให้เห็นว่า ไปรษณีย์ไทย ยังเป็นจุดเชื่อมสำคัญของภูมิภาคในยุคเศรษฐกิจไร้พรมแดน”
ศาสตราจารย์ ดร.สิทธิพล เครือรัฐติกาล อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ และประธานสภาอาจารย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นว่า พัฒนาการของมิตรภาพระหว่างไทย-จีนไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในมิติทางเศรษฐกิจหรือการเมือง หากแต่ค่อย ๆ ถักทอสู่การเป็น "หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์" ที่เติบโตไปพร้อมกัน และความเจริญก้าวหน้าของจีนในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ได้ส่งอิทธิพลต่อการพัฒนาของไทยอย่างแยกไม่ออก ไทยจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ ปรับตัว และแสวงหาจุดร่วมกับจีนอย่างสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญของความสัมพันธ์คือความเข้าใจซึ่งกันและกันการสร้างบทสนทนาทางวัฒนธรรมที่จริงใจจึงเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และในจุดนี้หน่วยงานอย่างไปรษณีย์ไทย พร้อมทำหน้าที่เป็น "ทูตวัฒนธรรม" โดยอ้อมมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านตราไปรษณียากร ที่บันทึกเรื่องราว และภาพจำร่วมกันระหว่างไทย-จีน ส่งเสริมและร้อยเรียงความเข้าใจของทั้งสองประเทศได้อย่างแนบเนียน
"การสร้างความเข้าใจระหว่างกันคือรากฐานที่ยั่งยืนของมิตรภาพระหว่างชาติ หากสามารถพัฒนาให้ทั้งสองประเทศรู้จักกันอย่าง "รู้ใจ" ก็จะนำไปสู่ความร่วมมือที่แน่นแฟ้น สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างแข็งแรง และช่วยกันประคับประคองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้มั่นคงยิ่งขึ้นในระยะยาวโดยทุกภาคส่วนล้วนมีบทบาท แม้แต่กระทั่งดวงแสตมป์เล็ก ๆ บนซองจดหมายก็มีพลังในการเชื่อมโยงหัวใจคนจากสองแผ่นดินได้อย่างทรงคุณค่าและงดงาม"