โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

คำต่อคำ: "แสนสิริ" ในวันที่ต้องตัดสินใจ ปูพรมแบรนด์ฝ่าวิกฤติอสังหาฯ

PostToday

อัพเดต 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิกฤติอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไร้แสงสว่างปลายอุโมงค์ แม้ดอกเบี้ยขาลงช่วยหนุนกำลังซื้อ แต่เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง ความเชื่อมั่นหดหาย ใครจะกล้าซื้อ! สิ่งที่ผู้พัฒนาโครงการทำได้คือ ทุนหนา เงินแน่น โครงการรอขายต้องมี และปรับเกมตลอดเวลา เพื่อ "บุกได้ทุกสภาวะตลาด"

หนึ่งในแบรนด์ที่แข็งแกร่งในตลาดอสังหาฯที่สู้ศึกหนักไม่แพ้ใครก็คือ "บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI" ที่วันนี้ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

คำถาม คือ โอกาสการเติบโตของแสนสิริในอนาคตยังมีมากน้อยแค่ไหน ?

"อุทัย อุทัยแสงสุข" กรรมการผู้จัดการใหญ่ SIRI ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2568 ถือว่าสดใส ด้วยสถานการณ์ต่างๆยังไม่มีอะไรที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกปี 2568 แต่ปัจจัยโดยรวมถูกซึบซับไว้ทั้งหมด ยอดโอนคอนโดสูงกว่าครึ่งปีแรก ยอดพรีเซล 46,000 ล้านบาทมั่นใจว่าทำได้ตามเป้าหมาย

อีกทั้งยังรับรู้ "ธุรกิจพรีคาสก์" ซึ่งเป็นธุรกิจที่ใช้ในแง่การผลิตเพื่อสร้างบ้านของกลุ่มบริษัท แต่ด้วยความต้องการเข้ามาเพิ่มเลยขยายกลุ่มผู้ประกอบการรายเล็กเพื่อสร้างบ้านให้กลุ่มลูกค้ารายเล็กและมีบ้านต้นแบบรองรับลูกค้าที่ต้องการมีบ้าน หรือบ้านตัวอย่าง 80-90 แบบ บ้านแฝด-บ้านเดี่ยวตั้งแต่ไซส์เล็กถึงใหญ่ คาดสิ้นปีนี้มีรายได้ 200 ล้านบาท

ถามว่า แสนสิริได้รับผลกระทบจากแรงงานกัมพูชาย้ายออกหรือไม่ อย่างไร ?

แรงงานต่างชาติส่วนใหญ่ คือ พม่า จึงไม่มีปัญหา อีกทั้งเราใช้เอาท์ซอสบริษัทข้างนอก ดังนั้นบริษัทที่รับงานของเราต้องแก้ปัญหา ขณะที่ระบบที่ใช้ในโรงงานแบบออโตเมติกส์จึงมีพนักงานเพียง 200 คน อาจต้องหาเพิ่มราว 30 คน

ทำไมถึงตัดสินใจขาย "เดอะสแตนดาร์ด"

สาเหตุที่ขายเดอะสแตนดาร์ด เป็นแบรนด์ที่ลงทุน 7-8 ปีก่อนหน้านี้ จำนวนที่บริหาร 5 โรงแรม พอเราเข้าไปบริหารสามารถขยายการบริหารโรงแรมอีก 20 แห่ง จากขาดทุนจนเริ่มดีขึ้น ทางไฮแอทจึงติดต่อเข้ามาซื้อและเราได้มูลค่าที่สมเหตุผล มีกำไร

การลงทุนอื่นๆ แสนสิริขยายธุรกิจทั้งบ้านต้นแบบ พรีคาสก์รับสร้างบ้านให้ผู้ประกอบการ ลิฟท์24 และโครงการใหม่ๆ การมองธุรกิจที่ขยายยังมีอยู่ เรามีเงินลงทุนกว่า 100 ล้านเหรียญฯที่อยู่ในต่างประเทศที่ยังไม่มีนำเข้ามา

ประเด็นการเมืองส่งผลกระทบแค่ไหน ?

ผมว่าทุกวันนี้เรื่องปัจจัยต่างๆมีผลกระทบตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบทั้งหมดและอยู่ในมุมมอง ซึ่งธุรกิจอสังหาฯคงเลี่ยงไม่พ้นสิ่งเหล่านี้

เราหวังว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะเดินต่อไป แม้ GDP จะเติบโตกว่า 2% แต่ด้วยแบรนด์แสนสิริเรามียอดขายในครึ่งปีแรกใกล้เป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้นครึ่งปีหลังยังอยู่ในเป้าที่ท้าทายและเราสามารถไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้

จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงกระทบยอดขายต่างชาติแค่ไหน ?

เรื่องยอดขายเห็นในช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. ยอดขายต่างชาติลดลง แต่ภูเก็ตเพิ่มขึ้น โดยรวมคาดว่ายอดขายต่างชาติเป้า 7,000 ล้านบาท ใกล้เคียงปีที่ผ่านมา ตอนนี้มียอดขายแล้ว 4,000 ล้านบาท และอีก 3,000 ล้านในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะทำได้

ดอกเบี้ยลดลงส่งผลอย่างไร ?

แน่นอนว่า ดอกเบี้ยที่ลดลง ต้นทุนก็ลดลงมีผลต่อราคาขาย ส่วนลูกค้า 70%มีการกู้ขอสินเชื่อ ดังนั้นถ้าดอกเบี้ยลดลง 1% จะช่วยให้ความสามารถในการกู้เพิ่มขึ้น 8%

แต่ด้วยปัจจัยหนี้ครัวงเรือนที่ค่อนข้างสูงทำให้ธนาคารระมัดระวังในการปล่อยกู้ แต่แสนสิริมีพันธมิตร อย่าง SCB, KBANK, TTB, BBL จึงไม่มีปัญหา

"การลดดอกเบี้ยมีผลดีอยู่แล้ว แต่จะมีผลมากทำให้สถานการณ์กลับมาเหมือนก่อนช่วงโควิด-19 ก็คงไม่ใช่ เพราะเศรษฐกิจยังไม่ได้สดใสนัก"

ตลาดแนวราบและคอนโดจะฟื้นเมื่อไหร่ ?

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาผู้พัฒนาอสังหาฯลดจำนวนโครงการคอนโดลง จังหวะนั้นคือโอกาสที่เราเข้าไปทำ โดยการเจาะบางพื้นที่ เพราะด้วยปัจจัยการขอ EIA ไม่ง่ายเลย อย่างในพื้นที่ กทม. ใช้เวลาขอราว 16-18 เดือนถึงจะเริ่มก่อสร้างอีก 2 เดือน โดยรวมการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม 1 แห่งต้องใช้เวลาพัฒนาอย่างน้อย 3 ปี ดังนั้นผู้พัฒนาโครงการจึงต้องมีการเงินแข็งแกร่ง

ส่วนบ้านเดี่ยวมีดีมานด์ที่ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจดีความมั่นใจจะกลับมา กำลังซื้อจะกลับมา ที่ผ่านมาฝ่ายการตลาดพยายามปรับกลยุทธ์และเข้าไปช่วยลูกค้าในทุกมิติ ทำให้ยอดขายกระเตื้องขึ้นมา

อสังหาฯครึ่งปีหลังฝากความหวังกับปัจจัยใดบ้าง ?

ผมเชื่อมั่นว่าที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยสี่ สุดท้ายคนต้องการความมั่นคงก็ต้องซื้อบ้าน ดังนั้นภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังจึงไม่ต่างจากครึ่งปีแรก โครงการแนวราบยังทรงตัว

ส่วนคอนโดฯในหัวเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตและพัทยายังได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่ขอนแก่นยังมีแนวโน้มดี ในช่วงปลายปีนี้จะมีคอนโดฯ ในภูเก็ตเสร็จพร้อมโอน และโครงการแนวราบ จะสร้างยอดโอนขั้นต่ำอีก 500 ล้านบาท

นอกจากนี้เตรียมเปิด 12 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 33,000 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3/68 เปิด 5 โครงการ มูลค่า 14,900 ล้านบาท และเปิดอีก 7 โครงการ มูลค่า 18,360 ล้านบาท ในไตรมาส 4/68

ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 18,627 ล้านบาท คาดโอนปีนี้ 6,404 ล้านบาท ส่วนโครงการร่วมทุน (JV) มีแบ็กล็อก 3,331 ล้านบาท คาดโอนปีนี้ 1,205 ล้านบาท

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก PostToday

หุ้น IPO จ่อคิวเข้าเทรดเพียบ ลุ้นตลาดหุ้นไทยดีขึ้นระยะกลาง-ยาว

49 นาทีที่แล้ว

ชนินทร์–ตฤณ แก่นหิรัญจากคดีบุรีรัมย์โผล่วงไต่สวนคลิปเสียงแพทองธาร

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ธ.ก.ส. เตรียมโอนเงินไร่ละ 1,000 ช่วยชาวนา ล็อตแรก 1 ก.ย.นี้

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"Spa Day, Mom's Way" เมื่อศาสตร์การนวด บรรจบกับศิลปะแห่งรสชาติ

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ยกระดับสู่ “Smart Hospital” ผู้นำนวัตกรรมการรักษาสัตว์เลี้ยง ด้วยแนวคิด “The Best Outcome”

Positioningmag

รมว. คลัง รับ 4 ข้อเสนอหอการค้าฯ เยียวยาผู้ประกอบการ 7 จ. ชายแดนไทย-กัมพูชา

การเงินธนาคาร

ธอส. ขายบ้านมือสอง ลดสูงสุด 50% ขายต่ำสุด 305,000 บาท

สยามนิวส์

Qfresh ชูกลยุทธ์จับมือพันธมิตร ตั้งเป้า 3 ปี เติบโตสู่ 500 ล้านบาท ฉลองครบรอบ 8 ปี เสิร์ฟความอร่อย พร้อมส่งโปรโมชั่นสุดปังชิงกำลังซื้อ

Positioningmag

เนสท์เล่ เดินหน้าขับเคลื่อนการกินอยู่อย่างสมดุล ส่งแคมเปญชวนคนไทย “กินได้ กินดี” อร่อยและบาลานซ์ แข็งแรงอย่างยั่งยืน

Positioningmag

มูลนิธิดำรงชัยธรรม เดินหน้าสร้างโอกาสทางการศึกษา ส่งต่อพลังแห่งการให้ สร้างบุคลากรคุณภาพคืนสู่สังคม

Manager Online

เปิด 10 อันดับประเทศร่ำรวยที่สุดในปี 2025 ชาติไหนครองบัลลังก์

SMART SME

MEILINDA เครื่องสำอางไทยวัย 25 ปี กับโจทย์หินที่คนคิดว่าเป็นแบรนด์จีน - แบรนด์ตลาดนัด

Positioningmag

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...