โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

SCB CIO ชี้โอกาสลงทุน ท่ามกลางแรงกดดันศก.โลกจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ แนะหุ้นสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น-จีน

efinanceThai

เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

SCB CIO ชี้โอกาสลงทุน ท่ามกลางแรงกดดันศก.โลกจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ แนะหุ้นสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น-จีน

SCB CIO มองเศรษฐกิจโลกยังเผชิญแรงกดดันจากการขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่หนุนเงินเฟ้อสหรัฐฯ ท่ามกลางตลาดแรงงานของสหรัฐฯที่เริ่มชะลอล เพิ่มความท้าทายการดำเนินนโยบายการเงินของเฟ มีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยได้ 1-2 ครั้งในปีนี้ แนะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนคุณภาพดีของสหรัฐฯ ในระยะสั้นถึงกลาง เลี่ยงลงทุนในพันธบัตรระยะยาวจากปัญหาหนี้สาธารณะ พร้อมเพิ่มพอร์ตหุ้นสหรัฐฯ หุ้นจีน All-Share หุ้นอินเดีย และทองคำ

นายศรชัย สุเนต์ตา, CFA รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth & Investment Product ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากมุมมองการลงทุนที่ SCB CIO แลกเปลี่ยนกับ BlackRock ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนระดับโลก พบว่า ภาพรวมเศรษฐกิจและการค้าโลก มีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันจากการที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับประเทศคู่ค้าต่างๆ ในอัตราตั้งแต่ 10-50% และมีแผนเก็บภาษีนำเข้าตามกลุ่มสินค้า (Section 232) ซึ่งส่งผลให้อัตราภาษีนำเข้าโดยเฉลี่ยของสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น สร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ ท่ามกลางตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง

โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 1.04 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าที่ตลาดคาด เพิ่มความท้าทายต่อการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยมีโอกาสลดดอกเบี้ย 25 bps ในการประชุมเดือน ก.ย. นี้

ในส่วนของ SCB CIO คาดว่า Fed มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1-2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ และอาจผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้น หากตลาดแรงงานเริ่มส่งสัญญาณที่ชะลอลงชัดเจน แต่การปรับนโยบายอาจไม่รวดเร็วหรือยืดหยุ่นเท่าที่ควร โดยเฉพาะหากเงินเฟ้อยังสูง และยังมีแรงหนุนจากค่าแรงที่เติบโตต่อเนื่อง อีกทั้ง ยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนด้านภาษีนำเข้าสหรัฐฯอยู่

ขณะที่ คาดว่า ประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น มีแนวโน้มออกมาตรการกระตุ้นทางการคลัง และขาดดุลงบประมาณเพิ่มสูงขึ้น โดยในส่วนของสหรัฐฯ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในกฎหมาย One Big Beautiful Bill (OBBBA) ซึ่งมีสาระสำคัญ ได้แก่ การขยายการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมสำหรับประกันสังคม เพิ่มเพดานการหักลดหย่อนภาษีมลรัฐและท้องถิ่น (SALT) ให้สิทธิประโยชน์ภาษีสำหรับทิปและค่าล่วงเวลา และเพิ่มข้อกำหนดการใช้จ่ายด้าน Medicaid เป็นต้น

ซึ่งสำนักงานงบประมาณรัฐสภา (CBO) คาดว่า OBBBA จะเพิ่มหนี้สาธารณะอีก 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. ใน 10 ปีข้างหน้า จากเดิมมีหนี้สะสม 36 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. ขณะที่ ภาระดอกเบี้ยจ่ายรายเดือนของรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ.ตั้งแต่ต้นปี ทั้งนี้ OBBBA ยังรวมถึงการเพิ่มเพดานหนี้อีก 5 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งอาจเพิ่มความสามารถในการก่อหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ไปอีกกว่า 2 ปี

ส่วนอีกประเด็นที่น่าสนใจ คือ กรณีที่ ประธานาธิบดี ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้กฎหมาย GENIUS Act รับรองให้ stablecoin ใช้ชำระราคาได้ โดยมีเงื่อนไข คือ ผู้ออก stablecoin ต้องถือสินทรัพย์สำรอง 100% ในรูปสินทรัพย์สภาพคล่องดอลลาร์ สรอ. ที่คุณภาพสูง ซึ่งรวมถึง พันธบัตรสหรัฐฯ อายุไม่เกิน 93 วัน (T-bills) โดยคาดว่า หาก stablecoin ถูกใช้ในวงกว้าง จะหนุนการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ และอุปทานบน T-bill ซึ่งผลโดยสุทธิ คาดช่วยกดดัน UST yield ตัวสั้น และช่วยบรรเทาปัญหาขาดดุลงบประมาณในสหรัฐฯ แม้ว่า ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น อาจเพิ่มขึ้น ก็ตาม

ส่วนประเด็นการคลังในยุโรปนั้น คณะรัฐมนตรีเยอรมนีได้อนุมัติร่างงบประมาณปี 2569 ภายใต้กรอบการคลังถึงปี 2572 โดยตั้งเป้าการลงทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ควบคู่กับแผนกู้ยืมเพิ่มเป็น 3.8% ของ GDP เพื่อขับเคลื่อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน และเสริมศักยภาพกลาโหม วงเงินใช้จ่ายรวม 520.5 พันล้านยูโร โดยเพิ่มการลงทุน 10% จากปี 2568 และ 55% จากปี 2567 โดย SCB CIO คาดการใช้จ่ายการคลังของเยอรมนีที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจยุโรป แม้อาจทำให้อัตราผลตอบพันธบัตรเยอรมนีระยะยาวเพิ่มสูงขึ้นจากการขาดดุลการคลัง

สำหรับคำแนะนำการลงทุนในเดือน ส.ค. 2568 ในส่วนของตราสารหนี้นั้น SCB CIO แนะนำลงทุนบนพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนคุณภาพดี ระยะสั้นถึงกลาง ของสหรัฐฯ ซึ่งยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีและช่วยลดความผันผวนของพอร์ตได้ แต่หลีกเลี่ยงพันธบัตรระยะยาว เนื่องจาก ส่วนชดเชยความเสี่ยงจากการลงทุนในพันธบัตรระยะยาว (Term premium) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามปัญหาหนี้สาธารณะ และการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ ที่หนุนให้ UST Yield ตัวยาวเพิ่มขึ้น

ในส่วนของตลาดหุ้น แนะนำลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในพอร์ตหลัก จากการที่คาดว่า กำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทจดทะเบียนบน S&P500 ในปี 2568-2569 มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น ตามการเติบโตของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด 7 แห่งในตลาด (Mag 7) การผ่อนคลายกฎระเบียบ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ขณะที่ หากรับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างสูง แนะนำลงทุนเพิ่มเติม ดัชนี Nasdaq 100 และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโลก ในพอร์ตเสริมระยะสั้น เนื่องจาก มีหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับ AI ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากการที่สหรัฐฯ ออก AI Action Plan เน้นการลดข้อจำกัดทางกฎระเบียบเพื่อเร่งการพัฒนา AI ของสหรัฐฯ ประกอบกับผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลรายใหญ่ในสหรัฐฯ (Hyperscalers) เช่น Meta, Microsoft, Alphabet และ Amazon ยังเพิ่มงบลงทุนบน AI อย่างต่อเนื่อง ส่วนผลประกอบการของบริษัทผู้ผลิตชิป เช่น TSMC และ SK Hynix ก็บ่งชี้ให้เห็นถึงการเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน AI อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ SCB CIO ยังแนะนำลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น จากอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ลดลงจากก่อนหน้า นโยบายการคลังที่ผ่อนคลายขึ้น และการปฏิรูปบรรษัทภิบาลที่คืบหน้า ตลาดหุ้นจีน All-share จากความหวังข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นอินเดีย เนื่องจากได้รับผลกระทบต่อเศรษฐกิจจำกัดจากนโยบายภาษีนำเข้าสหรัฐฯ บนพอร์ตหลัก รวมทั้ง แนะนำลงทุนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เนื่องจากมูลค่าที่ไม่แพง และคาดว่า EPS มีโอกาสเติบโต 16.6% ในปีนี้ และตลาดหุ้นจีน H-share จากความคืบหน้าของกระแส AI ในจีน บนพอร์ตเสริม

ส่วนตลาดหุ้นไทย มองว่า ความน่าสนใจในการลงทุนน้อยกว่าตลาดหุ้นประเทศอื่น เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากผลกระทบด้านภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น ส่วนผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย ยังมีแนวโน้มถูกปรับประมาณลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในปีนี้อีก 1 ครั้ง เป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกัน แนะนำให้ถือทองคำในพอร์ตหลัก เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษ

เรียบเรียง โดย จารุวรรณ เอี่ยมยิ่งพานิช
อีเมล์. charuwan@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก efinanceThai

เวียดนามเตรียมเปิดกระดานเทรดสตาร์ทอัพ เพิ่มช่องระดมทุน-เสริมแกร่งนวัตกรรมประเทศ

38 นาทีที่แล้ว

เปิด 9 บจ.ใน SET100 ปันผลสูงกว่า 5% ต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อกัน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

Sony ขึ้นราคาจำหน่าย PlayStation 5 ในสหรัฐฯ 50 ดอลล์ ภาษีทรัมป์กดดันนำเข้า

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กรรมการเฟดรับกังวลความเสี่ยงเงินเฟ้อมากกว่าตลาดแรงงาน หลังรายงานประชุมชี้กรรมการเสียงแตก

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

‘รมว.คลัง’ รับข้อเสนอ ‘หอการค้าไทย’ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา

The Bangkok Insight

TEKA เผย Backlog แตะ 3,376 ล้านบาท รับอานิสงส์โครงการใหญ่ครึ่งปีหลัง 68

StockRadars

ปตท. คว้าอันดับ 1 มูลค่าแบรนด์สูงสุดในไทย 5 ปีซ้อน

The Bangkok Insight

เวียดนามเตรียมเปิดกระดานเทรดสตาร์ทอัพ เพิ่มช่องระดมทุน-เสริมแกร่งนวัตกรรมประเทศ

efinanceThai

SGC เติมพลังแห่งการให้ที่งดงาม ชวนทุกคนมาร่วมแบ่งปัน ในกิจกรรม “Give Glam Glow - Beauty and Sharing”

Wealthy Thai

หัวเว่ย ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำด้าน Magic Quadrant สำหรับการจัดการคอนเทนเนอร์ของ Gartner®

WeR NEWS

รฟท.ย้ำคำพิพากษาศาลปกครองคดีที่ดิน 'เขากระโดง' ถือเป็นที่สิ้นสุด

กรุงเทพธุรกิจ

บอร์ด ธ.ก.ส.จ่ออนุมัติโอนไร่ละ 1,000 บาท เริ่ม 1 ก.ย. อุ้มเกษตรกรนาปี-นาปรัง

กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

เปิดสูตรความสำเร็จ THE KLINIQUE ธุรกิจความงามบนเวทีตลาดหุ้น

efinanceThai

Cell Broadcast สัญญาณเตือนชีวิตคนไทย ระบบเตือนภัยพันล้านจะพร้อมเมื่อไหร่?

efinanceThai
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...