บัณฑิตกฎหมาย วัย 22 ดับสลดหลังทำ CT สแกน แพทย์ชี้เคสหายาก 1 ใน 10000
สลด บัณฑิตสาวอนาคตไกลวัย 22 เสียชีวิต หลังแพ้สารทึบรังสีระหว่างทำ CT สแกนตรวจนิ่วในไต-แพทย์ชี้เป็นเคสที่เกิดขึ้นได้ยาก สถิติพบ 1 ใน 10,000
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานโศกนาฏกรรมสลดใจ กรณีของ ‘เลติเซีย พอล’ (Leticia Paul) บัณฑิตสาวเกียรตินิยมด้านกฎหมายวัย 22 ปี ชาวบราซิล เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน หลังจากเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงระหว่างการเข้าตรวจ CT สแกน ซึ่งเป็นเพียงการตรวจสุขภาพตามปกติ
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ณ โรงพยาบาล Alto Vale Regional ซึ่งบัณฑิตสาวเข้ารับการตรวจ CT สแกนแบบฉีดสารทึบรังสี เพื่อติดตามอาการโรคนิ่วในไตที่เธอเป็นอยู่ แต่หลังจากที่แพทย์ได้ฉีดสารทึบรังสีเข้าสู่ร่างกาย เธอก็เกิดภาวะแอนาฟิแล็กซิส หรือ ภาวะช็อกจากการแพ้อย่างรุนแรงเฉียบพลัน
แม้ทีมแพทย์จะรีบนำตัวเธอส่งห้องฉุกเฉินทันที แต่เธอก็ได้เสียชีวิตลงในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงต่อมา ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัวและเพื่อนฝูง
สำหรับ เลติเซีย พอล เป็นบัณฑิตสาวที่มีอนาคตสดใส เพิ่งสำเร็จการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์และกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาโทด้านกฎหมายและอสังหาริมทรัพย์ ทางสถาบันการศึกษาของเธอได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียบุคลากรที่มีคุณภาพไป
ภายหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โรงพยาบาลได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจและยืนยันต่อครอบครัวว่า “โรงพยาบาลได้ปฏิบัติตามขั้นตอนและระเบียบการทางคลินิกที่แนะนำไว้อย่างเคร่งครัด” โดยยึดมั่นในจริยธรรม, ความโปร่งใส และความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนเกิดความกังวลต่อความปลอดภัยในการทำ CT สแกน มีข้อมูลเปิดเผยว่าสารทึบรังสี คือ สารประกอบไอโอดีนที่แพทย์ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ เพื่อช่วยให้ภาพจากการตรวจ CT สแกน, MRI หรือ X-ray มีความคมชัดยิ่งขึ้น ทำให้สามารถวินิจฉัยอวัยวะและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ ทั่วไปถือว่ามีความปลอดภัยสูง แต่อาการแพ้รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นน้อย มีสถิติอยู่ที่ประมาณ 1 ใน 5,000 ถึง 10,000 คน
ภาวะแพ้รุนแรงเฉียบพลันที่เลติเซีย พอลเผชิญเป็นอันตรายถึงชีวิต ทำให้ทางเดินหายใจตีบตัน, คอบวม, ความดันโลหิตตกอย่างรวดเร็วและจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนที่สุด ส่วนอาการอื่น ๆ ที่สามารถพบได้หลังฉีดสารทึบรังสีมักไม่รุนแรง เช่น รู้สึกร้อนวูบวาบ, คลื่นไส้เล็กน้อย หรือมีอาการคัน
ข้อมูลจาก : nypost
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง