"แม่ทัพภาค 2" ชี้โอกาสปะทะรอบ 2 ขึ้นอยู่กับฝ่ายตรงข้าม หากเริ่มก่อนไทยพร้อมตอบโต้

อัพเดต 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ภาพไฮไลต์

"แม่ทัพภาคที่ 2" ชี้โอกาสปะทะรอบ 2 ขึ้นอยู่กับฝ่ายตรงข้าม หากเริ่มก่อนไทยพร้อมตอบโต้ พร้อมมองผู้เจรจาต้องทันเกม นึกถึงผลประโยชน์ของชาติ
วันที่ 25 ส.ค. 2568 พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางร่วมงานพบบุคลากรและนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมสนทนาพิเศษหัวข้อ "เรื่องจริงจากชายแดน" ภายหลังจากการบรรยาย ได้มีการตอบคำถามจากนิสิตของมหาวิทยาลัย

เมื่อถามถึงการตัดสินใจรับราชการทหาร พลโทบุญสิน ตอบว่า รับราชการทหาร คือเส้นทางของตัวเองจริงๆ เมื่อจำความได้ตอน ป.4 อยากเป็นทหารตำรวจ เพราะเห็นพ่อเป็นตำรวจชั้นผู้น้อย พ่อเดินผ่านมาก็ได้แต่รูปคำปืนของพ่อ ที่ผ่านมาห้วงหนึ่งเป็นเด็กอาชีวะศึกษา ก็ยังไม่ลดความอยากเป็นทหาร ครั้งหนึ่งก่อนที่จะไปสอบทหาร มีพระธุดงค์มาปรากฏข้างบ้าน จึงให้แม่ไปถามว่าเป็นทหารอะไรตำรวจอะไรดี พระธุดงค์บอกว่า เด็กคนนี้ใส่ชุดลายพรางมาแต่เกิดแล้ว

ถามต่อว่า ภารกิจชายแดนมีความท้าทายอย่างไรนั้น พลโทบุญสิน ระบุว่า ชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นแผ่นดิน ทุกวันนี้ต่างฝ่ายต่างคนคิดว่าแผ่นดินเป็นของตัวเอง หากสองประเทศจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ก็จะนำไปสู่ความขัดแย้ง การประท้วง การใช้อาวุธ แต่อย่างคนยุโรปก็ถือเป็นการใช้การแบ่งปันสันปันส่วน ไม่มีปัญหากัน ยืนยันว่าปัจจุบันก็พร้อมคุย ไม่คุยก็ไม่คุย ส่วนฝ่ายรัฐบาลก็คุยกันไป ตนก็คุยกับแม่ทัพฝั่งกัมพูชา แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเองไม่ได้

ส่วนประเด็นยอดภูมะเขือ ตนไม่โทษอดีตผู้บังคับบัญชา เรื่องการอาศัยของคนกัมพูชา เพราะที่ผ่านมาไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น แต่ในยุคของตนต้องไปเอาคืน เพราะเขาอยู่ในเวลาหลายสิบปีแล้ว ตอนนี้ภูมะเขือบรรยากาศดีแบบในรูป ธงชาติที่เราทำใหม่ก็สวยงาม กลิ่นก็ไม่ค่อยมีแล้ว หน้าหนาวก็ขอเชิญทุกท่านไปวิ่งเทรล วิ่งมาราธอนด้วยกัน

สำหรับภารกิจที่มีแรงกดดัน ต้องรีบตัดสินใจ จะเลือกการรบ การรอ การเจรจา กับการยืดหยุ่น นั้น พลโทบุญสิน กล่าวว่า การรอนี่ถือเป็นความทรมาน แม่ทัพจะถูกด่าอย่างหนักเราต้องคิด เพราะการปะทะเกิดขึ้น ทุกอย่างก็จะกระทบกับภาพรวมของประเทศ ทั้งเศรษฐกิจและสังคม อย่าง 15 นายที่เสียชีวิตไป อาจจะคุ้มกับแผ่นดินประเทศ แต่จะคุ้มกับสิ่งรอบข้างหรือไม่

ที่ผ่านมา เกิดการปะทะตนว่าเหมาะสมแล้ว เพราะเขายิงเราก่อน วันที่ปิดตาเมือนธม เป็นวันที่ลำบากใจ หากปิดจริงอย่างไรก็เกิดการปะทะกันแน่นอน เพราะกัมพูชาไม่ให้ปิด เขาบอกว่าหากคนไทยกลัวความปลอดภัยก็ไม่ต้องมา กัมพูชาจะเที่ยวเอง จากนั้นเมื่อสั่งปิด 02:00 น. เช้ารุ่งขึ้นเขาก็ยิงเข้ามา จนผ่านไป 4 คืน 5 วัน ย้ำว่าแม่ทัพไม่ได้ใช้อารมณ์

สำหรับเรื่องการรอ หากเป็นสภาพแวดล้อมเพื่อผลประโยชน์ของชาติก็ต้องทำ เราก็ต้องอดทน เมื่อถึงเวลาทำตามแผนก็ต้องทำ วันนี้ทหารแนวหน้าก็พร้อมทั้งสู้ต่อ และถอนกำลัง ส่วนการเจรจาถ้าทำแล้วเสียผลประโยชน์ เราก็ยืนหยัดว่าจะไม่เจรจา ย้ำว่าผู้เจรจาต้องทันเกม รู้ว่าอะไรทำให้เกิดประโยชน์ของชาติ อย่าง 3 ประสาท 1 พื้นที่ที่กัมพูชา จะนำไปศาลโลกเราก็เพียงไม่ยอมรับก็ไม่มีอะไร

ถามต่อว่าเคยพบเหตุที่ต้องออกคำสั่ง แต่ลำบากใจ และผ่านไปอย่างไรนั้น พลโทบุญสิน ระบุว่า เป็นปกติของผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบสูงสุดในพื้นที่ ยกตัวอย่างการปิดตาเมือนธม ถือเป็นความลำบากใจที่สุด เพราะรู้อยู่แล้วว่าปิดต้องเกิดสงคราม แต่ก็สั่งให้ปิด แล้วแม่ทัพเป็นผู้รับผิดชอบ "ปิด" คำนี้ถือว่ายากที่สุด ถึงทุกวันนี้ก็ต้องรับผิดชอบลูกน้องทั้ง 15 นาย และคนที่บาดเจ็บ แต่มันสะท้อนเอกภาพ ศักดิ์ศรีของประเทศไทย

สำหรับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับชุมชน พลโทบุญสิน ระบุก่อนว่า เคยมีคนถามว่ามีทหารไว้ทำไม ตนมองว่าเป็นคำถามที่ทำให้อาหารน้อยใจ เสียใจ ถึงกับไปร้องไห้กับกกเสา บางคนบอกให้ฝึกสองวันแล้วก็ประจำการรบได้แล้ว แต่ตนอยากจะบอกว่ามันมีกระบวนการที่ต้องฝึกหลายรูปแบบ ทั้งการใช้อาวุธ ความอดทน ใช้ความเงียบเข้าไปหาข้าศึก มันฝึกสองวันไม่ได้ ห้วงที่ไม่มีการรบ ส่วนหนึ่งฝึก ส่วนหนึ่งก็ไปช่วยชาวบ้าน ทั้งน้ำท่วม ไฟไหม้ ปราบยาเสพติด มีจิตอาสาช่วยเหลือ ในยามสงบเราช่วยพัฒนาประเทศ เข้าหาชาวบ้านด้วยความสุจริต ไม่มีผลประโยชน์

ถามต่อในช่วงท้ายว่า จะปะทะกันอีก มีโอกาสที่ไทยจะยึดพื้นที่อย่างประสาทตาควายกลับมาได้หรือไม่ พลโทบุญสิน ระบุว่า มองเป็นคำถามที่ดีมาก ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้นำประเทศของคู่ขัดแย้งเรา และท่าทีของทหารเขมรที่อยู่ตามแนวชายแดน ว่าก้าวร้าว กวนเรา เริ่มก่อนหรือไม่ หากเริ่มก่อนเราก็มีสิทธิ์ตอบโต้ ก็คงเป็นเมื่อนั้นที่จะพวกเราจะต้องทำหน้าที่ต่อในห้วงเวลาที่เหลือ ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ดีที่สุดจนถึงวันที่ 30 กันยายน ซึ่งบางครั้งตนก็ทำจนลืมว่าจะเกษียณ.

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : "แม่ทัพภาค 2" ชี้โอกาสปะทะรอบ 2 ขึ้นอยู่กับฝ่ายตรงข้าม หากเริ่มก่อนไทยพร้อมตอบโต้