บุหรี่เถื่อนเหิม ฮุบส่วนแบ่ง 28% ของทั้งตลาด ภาษีวูบ 3 หมื่นล้าน ชาวไร่ คนขายท้อเลิกไปเยอะ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในงานเสวนา ปัญหาบุหรี่ผิดกฎหมายในประเทศไทยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาบุหรี่ผิดกฎหมายอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเห็นผลเป็นรูปธรรม จากเดิมมีร้านค้าวางขายเกลื่อนกว่า 1 พันแห่งแต่ปัจจุบันปิดไปหมด และแม้พยายามหลบเลี่ยงขายผ่านออนไลน์แต่รัฐบาลก็ตามปราบปรามจริงจัง จนภาพรวมเหลือไม่ถึง 20% และรัฐบาลยังขอความร่วมมือฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้านช่วยสอดส่อง ตลอดจนเพิ่มเครื่องมือตรวจจับการลักลอบตามแนวชายแดน ทั้งเพิ่มเครื่องเอกซเรย์ของกรมศุลกากร และใช้ระบบอีเกิลอายอีกด้วย
ด้าน พล.ต.ท.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลบริหารการป้องกันและปราบปรามบุหรี่ผิดกฎหมาย กล่าวว่า ปัญหาบุหรี่เถื่อนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากก่อนปรับโครงสร้างภาษีปี 60 มีเพียง 2% แต่ล่าสุดปี 68 เพิ่มเป็น 28.1% โดยมีทั้งบุหรี่ปลอม บุหรี่หนีภาษี และพบปัญหาใหม่เป็นบุหรี่ผ่านแดนและวนกลับเข้ามาขายในไทย ส่วนใหญ่เป็นการลักลอบจากชายแดน สร้างความสูญเสียค่อนข้างเยอะ แม้กรมสรรพสามิต ฝ่ายความมั่นคงจะช่วยกันจับกุม แต่ปัญหาก็ยังมีสูงเนื่องจากมีกำไรดีจูงใจต่อการกระทำผิด
นายภูมิจิตต์ พงษ์พันธุ์งาม ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมีคนบอกว่า ขายบุหรี่เถื่อนกำไรดีกว่ายาเสพติด ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความเสียหายหลายมิติ ทั้งรายได้ภาษีเสียไปกว่าปีละ 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ภาคสังคมชาวไร่ ผู้ผลิต ร้านค้า เดือดร้อนขายใบยา และยาสูบได้น้อยลง ที่สำคัญประชาชนยังมีความเสี่ยงจากบุหรี่เถื่อนที่มีส่วนผสมอันตราย รวมถึงเป็นบ่อเกิดของธุรกิจสีเทา อาชญากรข้ามชาติ ขณะที่ผลกระทบต่อการยาสูบฯ ได้มีกำไรหายไปเยอะ จากปี 60 เคยกำไรกว่า 8 พันล้านบาท จนปี 65 เหลือเพียง 122 ล้านบาท เท่านั้น ซึ่งการยาสูบพยายามปรับตัวหารายได้ ด้วยการหันส่งออกใบยา และออกผลิตภัณฑ์ใหม่
นายปรียวิศว์ พริ้งศุลกะ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาและกำกับดูแลการจัดเก็บภาษี กรมสรรพสามิต กล่าวยอมรับว่า ที่ผ่านมากรมเคยเก็บภาษียาสูบสูงถึง 6-7 หมื่นล้านบาท แต่หลังจากการปรับโครงสร้างภาษีทำให้รายได้ลดลงไป 1.8 หมื่นล้าน หายไป 20-30% อย่างไรก็ตาม กรมพยายามปราบปรามบุหรี่เถื่อนอย่างจริงจัง เห็นได้จากยอดจับกุมจาก 9,000 กว่าคดี เพิ่มเป็น 12,000 คดี
น.ส.ธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ค้ายาสูบได้เลิกขาย และทยอยคืนใบอนุญาตไปเยอะแล้ว จาก 5 แสนราย เหลือ 4 แสนราย เนื่องจากโดนบุหรี่เถื่อนตีตลาดขายเพียงซอง 20-30 บาท ขณะที่บุหรี่ถูกกฎหมายขายซอง 70-100 บาท ด้านนายธานินทร์ หิรัญโชติ นายกสมาคมการค้าผู้ขายส่งยาสูบ กล่าวว่า เสนอแนวทางให้รัฐบาลแก้ปัญหาบุหรี่เถื่อน โดยเร่งปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ให้เป็นธรรม ตลอดจนเร่งจับกุม เพิ่มโทษสำหรับคนขายบุหรี่เถื่อน ทั้งการเพิ่มโทษปรับ จำคุก จนถึงยึดทรัพย์ ตลอดจนจับกุมคนสูบด้วย
นายกิตติทัศน์ ผาทอง ผู้แทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผลกระทบจากบุหรี่เถื่อนทำให้โควตารับซื้อใบยาลดลงจาก 20 ล้านกก. เหลือเพียง 10 ล้านกก. และชาวไร่ก็เลิกปลูกยาสูบไปเยอะจากเคยมีกว่า 40,000 ครัวเรือน เหลือเพียง 20,000 ครัวเรือน ด้านนายกมล ชวาลวิทย์ ตัวแทนสื่อมวลชน กล่าวว่า ยอมรับว่าปัญหาบุหรี่เถื่อนแก้ไขยากเพราะราคาบุหรี่เถื่อนจูงใจกำไรดี และสิ่งที่น่ากลัวคือ ตอนนี้มีตัวเลขการนำเข้าและส่งออกบุหรี่ค่อนข้างเยอะผิดสังเกต ซึ่งไม่แน่ใจว่ามาจากอะไร ที่สำคัญยังมีผลิตภัณฑ์ทางเลือกทดแทนบุหรี่เยอะ ทั้งกัญชา บุหรี่ไฟฟ้า บุหรี่แต่งกลิ่นทำให้คนสูบบุหรี่มวนลดลง