ลุยพื้นที่เร่งเยียวยาซ่อมแซมบ้านเรือน
โปรดเกล้าฯ รอง ผวจ.อุบลฯ เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานมอบแก่กำลังพลที่บาดเจ็บจากเหตุปะทะในพื้นที่ชายแดน "ภูมิธรรม" ส่ง "ทวี-ธีรรัตน์" ลงอุบลฯ มอบบ้าน 11 หลังให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ "มท.2" กำชับทุกจังหวัดเร่งเยียวยาและซ่อมแซมบ้านเรือน พ่อเมืองบุรีรัมย์-กาชาดและปศุสัตว์ รุดจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกรที่โค สุกร โดน BM-21 ตาย 8 ตัว พร้อมมอบอาหารเม็ดช่วยสุนัขและแมว
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2568 เวลา 09.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายภพ ภูสมปอง รองผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่จ่าสิบเอก ธานี พาหา, พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ และพลทหาร ธนันชัย ไกยวงศ์ กำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา และเข้ารับการรักษาพยาบาล ณ โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ทรงรับผู้บาดเจ็บทั้งหมดไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาในครั้งนี้ ยังความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่กำลังพลและครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้
เมื่อเวลา 10.00 น. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย เป็นประธานประชุมติดตามการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่รัฐ กรณีกองกำลังจากภายนอกประเทศ โดยมีนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม คณะที่ปรึกษา รมช.มหาดไทย, นายนพพร บุญแก้ว รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี, นายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, นายพรรณรบ เตชะมงคลาภิวัฒน์ รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง, นายธนนท์ พรรพีภาส รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ, สุรินทร์, บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ร่วมประชุมผ่านระบบ Video Conference
น.ส.ธีรรัตน์กล่าวว่า ในขณะนี้พี่น้องประชาชนที่พักอาศัยในศูนย์อพยพทุกพื้นที่ได้เดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่จังหวัดและอำเภอจะต้องเร่งดำเนินการคือ การเยียวยาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งในด้านการดำรงชีวิต การซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนที่อยู่อาศัย การชดเชยการดำรงชีพของแต่ละครัวเรือน โดยขอให้วางกรอบเวลาการทำงานที่รวดเร็ว ถูกต้อง เพื่อให้มีข้อมูลการทำงานที่ชัดเจน
"ในด้านการดำรงชีพ ให้สำรวจว่าประชาชนครัวเรือนที่กลับไปแล้วและขาดสิ่งของอุปโภคบริโภคใด ให้นำถุงยังชีพไปแจกจ่ายบรรเทาความเดือดร้อน โดยสิ่งที่บรรจุในถุงให้เป็นไปตามความเหมาะสม สอดคล้องกับสิ่งที่ประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อน รวมถึงการซ่อมบ้านและรถรายานพาหนะ ให้ระดมช่างจากภาคส่วนต่างๆ ไปช่วยเหลือ และในส่วนของค่าน้ำ ค่าไฟ ที่ขณะนี้ได้มีมาตรการงดการจ่ายค่าน้ำค่าไฟศูนย์พักพิง 780 แห่งที่จังหวัด/อำเภอดำเนินการ รวมถึงบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2 เดือน หากประชาชนครัวเรือนใดได้จ่ายไปแล้ว ทางการไฟฟ้าและการประปาก็จะนำยอดไปหักในเดือนต่อไป"
น.ส.ธีรรัตน์กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งสำคัญคือทางจังหวัดและอำเภอจะต้องร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สร้างการรับรู้ความเข้าใจประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้ว่า ในขณะนี้ภาครัฐกำลังเร่งดำเนินการช่วยเหลือทั้งการซ่อมแซมบ้าน การซ่อมแซมยานพาหนะ มาตรการบรรเทาความเดือดร้อนต่างๆ รวมถึงนำทีมบุคลากรทางการแพทย์ไปให้คำปรึกษา และดูแลสภาพร่างกายและสภาพจิตใจของประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีกำลังใจและมีความเชื่อมั่นในการช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน
"หากส่วนใดที่สามารถช่วยเหลือได้ตามระเบียบกฎหมาย ขอให้เร่งดำเนินการตามอำนาจเพื่อพี่น้องประชาชนชายแดนไทย-กัมพูชาได้รับการดูแลอย่างเต็มกำลัง แต่หากสิ่งใดที่ต้องให้ส่วนกลางหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณายกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบ ขอให้แจ้งเข้ามาได้ตลอดเวลา ต้องใช้ช่วงเวลานี้ในการเร่งดำเนินการ ทำงานโดยไม่มีวันหยุด" น.ส.ธีรรัตน์กล่าว
ขณะเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ได้ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจำนวนมาก โดยในโอกาสนี้ พ.ต.อ.ทวีได้มอบหมายให้กรมราชทัณฑ์นำผู้ต้องขังชั้นดีจากเรือนจำกลางอุบลราชธานี ไปช่วยเหลือซ่อมแซมและรื้อถอนบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และส่งเสริมให้ผู้ต้องขังได้มีโอกาสทำประโยชน์เพื่อสังคม
ด้าน น.ส.ธีรรัตน์ได้ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างบ้านน็อกดาวน์ให้แก่ประชาชนที่บ้านเรือนได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยในระยะแรกวันนี้มีการดำเนินการก่อสร้างบ้านเพื่อคนไทยแบบน็อกดาวน์สำเร็จรูป จำนวน 11 หลัง ส่งมอบให้ประชาชนที่บ้านพักได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิด 4 ครอบครัว หลังที่ 1 ของนายณัฐกิตติ์ ตาดี บ้านเลขที่ 69 หมู่ที่ 5 มีผู้อยู่อาศัยจำนวน 4 คน หลังที่ 2 ของนายอาทิตย์ พันธ์โชติ บ้านเลขที่ 97 หมู่ที่ 5 มีผู้อยู่อาศัยจำนวน 5 คน หลังที่ 3 ของนางออม อบชา บ้านเลขที่ 44 หมู่ที่ 5 มีผู้อยู่อาศัยจำนวน 2 คน หลังที่ 4 ของนายพัชราพร อบชา บ้านเลขที่ 43 หมู่ที่ 5 ในที่ดินมีบ้าน 2 หลัง มีผู้อยู่อาศัยรวมจำนวน 4 คน
จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า มีบ้านเรือนในพื้นที่อำเภอน้ำยืนได้รับความเสียหายกว่า 80 หลังคาเรือน แบ่งเป็นความเสียหายเล็กน้อย ปานกลาง และเสียหายทั้งหลัง โดยได้มอบให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงยุติธรรมร่วมมือกันเร่งรัดดำเนินงานซ่อมแซมบ้านพักที่ชำรุดเสียหาย หรือก่อสร้างบ้านน็อกดาวน์แบบสำเร็จรูป ให้แก่ประชาชนที่บ้านเสียหายทั้งหลังเพื่อฟื้นฟูความเป็นอยู่ให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวี และน .ส.ธีรรัตน์ ยังได้พบปะประชาชนในพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ พร้อมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ปฏิบัติหน้าที่ในการบรรเทาความเดือนร้อนแก่พี่น้องประชาชน
ส่วนนายปิยะ ปิจนำ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยเภสัชกรหญิง ณัฐรดา ปิจนำ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดบุรีรัมย์, พ.อ.สมโชค จันทาสี รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 26, นายสัตวแพทย์อภิชาติ สุวรรณชัยรบ ปศุสัตว์จังหวัดบุรีรัมย์, นายตรีรัตน์ หนูแก้วขวัญ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด, นายเอกวัฒน์ พวงประโคน นายอำเภอบ้านกรวด และนายรุ่งโรจน์ ทองศรี สส.บุรีรัมย์ เขต 9 ได้ลงพื้นที่ที่ว่าการอำเภอบ้านกรวด เพื่อร่วมกันมอบเงินเยียวยาแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคและสุกร ที่โดนจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ของกัมพูชายิงปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ช่วงวันที่ 24-28 ก.ค. ทำให้โคและสุกรของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอบ้านกรวดตาย 8 ตัว โดยเกษตรกรที่โคตายจากเหตุปะทะ ได้รับเงินเยียวยาตัวละ 35,000 บาท สุกรตัวละ 3,000 บาท รวมที่มอบเงินเยียวยาครั้งนี้จำนวน 120,000 บาท
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกันมอบหญ้าอาหารสัตว์พระราชทานแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือ รวมถึงมอบอาหารเม็ดให้ก่ผู้เลี้ยงสุนัข และแมว ในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนชาวบ้าน เกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นด้วย.