ช้อยเก็บฉาก!
“ออเจ้า” จะกลับมารึ?
ก็..ถามไปอย่างนั้นแหละ เพราะได้รู้-ได้ทราบกันแล้วหลังจากคุณจันทร์ยวีร์ สมปรีดา
เจ้าของนามปาก “รอมแพง” ผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” ได้โพสต์..
ภาพเอกสารสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์สำหรับนวนิยายเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” ที่ทำขึ้น ณ บริษัทใดสักแห่งในเดือนสิงหาคม 2568 โดยให้ผลบังคับใช้จนถึงปี 2573
พร้อมทั้งเขียนแคปชัน..“เซ็นสัญญาแล้วจ้าาาวันนี้ บุพเพสันนิวาส (Remake)”
ซึ่งก็มีทั้งคนที่เชียร์-ดีใจที่จะได้ดู “ออเจ้า”ฉบับรีเมกใหม่ และทั้งคนที่ค้าน อย่างเช่นคอมเมนต์หนึ่ง..
“ถ้าต่างประเทศเห็นด้วยค่ะ แต่ถ้าที่ไทยน่าจะปล่อยให้ขึ้นหิ้งไปเลยนะคะ บุพเพสันนิวาสจบแบบสวยงามที่สุดแล้ว
หรือถ้าอยากรีเมกจริง ควรปล่อยให้ผ่านระยะเวลาให้นานกว่านี้หน่อย พระ-นางภาคเดิมยังไม่แก่กันเลย ยังเป็นระดับพระเอกนางเอกกันอยู่เลย
แล้วโป๊ปกับเบลล่าตอนนี้ก็ยังเป็นโลโก้พี่หมื่นกับแม่นายของคนไทย คนไม่น่าจะลบภาพง่ายๆ”
เนี่ย..อ่านแล้วก็มีเหตุผลอยู่ แต่คงจะยากที่จะยับยั้งแล้วล่ะ เพราะลองเซ็นสัญญิง-สัญญากันเสร็จสรรพอย่างนี้แล้ว จะเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย ก็คงต้องนั่งชะเง้อคอ..
รอดูว่า “พี่หมื่น” กับ “แม่นาย” ฉบับรีเมกใหม่นั้น จะเป็นคู่พระ-คู่นางที่น่ารักเท่าหรือมากกว่าโป๊ปกับเบลล่าหรือไม่?
ที่สำคัญไม่ใช่เฉพาะพระเอก-นางเอก แต่ต้องดูว่าคนเขียนบทละครเป็นใคร และใครจะทำหน้าที่ผู้กำกับ เพราะต้องยอมรับ นอกจากโป๊ป-เบลล่าจะฉุดเรตติ้งให้ละครดังแล้ว..
คุณใหม่-ภวัต พนังคศิลา ในฐานะผู้กำกับ และคุณศัลยา สุขะนิวัตติ์ ผู้เขียนบทโทรทัศน์ รวมถึงรอมแพงก็มีส่วนอยู่ด้วยเช่นกัน!
ฉะนั้น..ฉบับรีเมก จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายทั้งกับผู้กำกับ ทั้งกับคนเขียนบทอยู่ไม่น้อย และที่กดดันมากก็เห็นจะเป็นพระเอก-นางเอก ที่ไม่ว่าจะเป็นใคร..
ย่อมต้องถูกเปรียบเทียบกับโป๊ปและเบลล่าแน่นอน ซึ่งหากสูสีหรือเด่นกว่าก็รอดไป แต่หากด้อยกว่า-อ่อนกว่า มีหวังถูกวิจารณ์จมดิน!
ว่าแต่เซ็น (สัญญา) แล้ว จะลงมือถ่ายทำทันที หรือยังต้องเตรียมงาน ทั้งบท ทั้งนักแสดง ทั้งผู้กำกับ ถ้าอย่างงั้นก็คงอีกนาน
อย่างไรเสีย ระหว่างรอ อยากให้แฟนละครได้เปลี่ยนมานั่งดู “หนังสงคราม” ไปพลางๆ ก่อนก็ได้ แม้ฉากล่าสุดจะเป็นการจูบปาก-สัญญาจะหยุดยิงตามที่ผู้กำกับ-โปรดิวเซอร์ กำหนด
ทำให้การดำเนินเรื่องอืดอาดอยู่ในขณะนี้ แต่เชื่อเหอะ ด้วยทุนสร้างของ 2 ประเทศ ผู้กำกับอังเคิล-เขมร จะไม่ยอมสยบสงบนิ่งในที่ตั้ง แต่ต้องเปลี่ยนบทในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า..
ยิ่งหากได้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่สามารถสอย เอฟ 16 มาอยู่ในมือ ก็คงจะได้เห็นฉากสู้รบที่ตื่นเต้นระทึกใจกันอีกครั้งในเร็ววัน!
ด้านฝั่งไทย เราเองก็วางใจได้ที่ไหน เพราะตราบที่รัฐบาลนี้บริหารประเทศแบบมีลับลมคมในเพื่อผลประโยชน์แห่งตนเหนือชาติบ้านเมือง การสงครามย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
และด้วยเพราะบริหารประเทศแบบขี้เท่อ เมื่อ “นิด้าโพล” สำรวจเรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี”
ถามประชาชนถึงความไว้วางใจต่อภาคส่วนต่างๆ ว่าจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติได้จากกรณีความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา
จึงพบว่า กองทัพ ตัวอย่างร้อยละ 75.73 ไว้วางใจมาก ส่วนรัฐบาลไทย ตัวอย่าง ร้อยละ 54.58 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย กับ ร้อยละ 54.43 ระบุว่า “ไม่พอใจเลย”!
นี่..เป็นลิเกก็ต้องบอก “เก็บฉาก” คนดูม้วนเสื่อแยกย้ายกลับบ้านใคร-บ้านมันไปแล้ว แต่เป็นรัฐบาลเพื่อไทยภายใต้อุ้งมือนายทักษิณผู้ถวิลแต่ผลประโยชน์ ต้องทนด้านหนาเข้าไว้..
รอ “เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน” เสร็จสรรพเมื่อไหร่นั่นแหละ..
ช้อยเก็บฉากเอง!.
สันต์ สะตอแมน