บันทึกหน้า 4
“ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด” ช่วงนี้กระแสเชียร์กองทัพมาแรง ภายใต้การนำของ “บิ๊กเล็ก” ณัฐพล นาคพาณิชย์ หลังเกิดการปะทะระหว่างไทยและกัมพูชา สวนทางกับรัฐบาลภายใต้การนำของ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย
มาแรงอีกคนคือ “เทพไท เสนพงศ์” อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก “เทพไท-คุยการเมือง” ในหัวข้อ “ประชาชนพึงพอใจกองทัพสูงสุด แนะเปลี่ยนรัฐบาล” โดยอ้างอิงผลสำรวจของนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ซึ่งพบข้อมูลน่าสนใจ
1.ความไว้วางใจต่อหน่วยงาน กองทัพ : ไว้วางใจมาก 75.73% ค่อนข้างไว้วางใจ 19.31% รวม 95.04% กระทรวงการต่างประเทศ : ไว้วางใจมาก 4.89% ค่อนข้างไว้วางใจ 19.23% รวม 24.12% รัฐบาล : ไว้วางใจมาก 4.66% ค่อนข้างไว้วางใจ 11.45% รวม 16.11%
2.ความพึงพอใจ กองทัพ : พึงพอใจมาก 75.42% ค่อนข้างพอใจ 19.85% รวม 95.27% กระทรวงการต่างประเทศ : พอใจมาก 4.81% ค่อนข้างพอใจ 20.38% รวม 25.19% รัฐบาล : พึงพอใจมาก 4.27% ค่อนข้างพอใจ 13.75% รวม 18.02%
ผลสำรวจทั้ง 2 ด้านสอดคล้องกัน แสดงว่าประชาชนพึงพอใจกองทัพสูงสุด ขณะที่รัฐบาลอยู่ในระดับต่ำสุด สะท้อนความล้มเหลวของฝ่ายการเมือง ส่งผลให้คะแนนนิยมของทุกพรรคตกต่ำ โดยพรรคเพื่อไทยตกลงเหลือเลขตัวเดียว ส่วนพรรคประชาชนแม้นำเป็นอันดับ 1 แต่ติดกระแสวิจารณ์ “มีทหารไว้ทำไม” และ “กองทัพส้นตีน” รวมถึงข้อถกเถียงเรื่องการรักษาพยาบาลชาวกัมพูชา พรรคการเมืองอื่นๆ ก็มีบทบาทจางหาย
นี่คือโอกาสของฝ่ายการเมือง ทั้งพรรคเก่าและพรรคใหม่ ควรปรับบทบาทและนโยบาย เพื่อดึงคะแนนจากความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อกองทัพมาเป็นคะแนนของตน พร้อมเผยว่ามีประชาชน 27.10% ต้องการให้เปลี่ยนรัฐบาล หวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
๐ กรณีปมพิพาทเรื่องเขากระโดง ที่นอกจากเป็นศึกระหว่างสีแดงและน้ำเงินแล้ว ยังมีอีกประเด็นที่น่าสนใจคือ มุมมองทางกฎหมายที่ค่อยๆ หลัง “มท.อ้วน” “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ยึดคำพิพากษาศาลฎีกาที่ตัดสินเพิกถอนที่ดินประชาชน 35 ราย และย้ำหนักแน่นว่า รฟท.มีแผนที่แนบท้าย พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดินมาเหมารวมที่ดิน 5,083 ไร่ ทั้งหมดเป็นของ รฟท.ก็ตาม
ล่าสุดเริ่มมีข้อมูลและเอกสาร และเป็นข้อมูลค่อนข้างเปิดเผย ที่ชาวบ้าน 35 รายไม่ได้ใช้ เช่น รายงานของคณะกรรมการตามมาตรา 61 ปี 2552 และ 2567 รวมถึงหนังสือของอธิบดีกรมที่ดินแจ้งผู้ว่าการ รฟท. ปี 2564 ว่า รฟท.ไม่มีแผนที่แนบท้าย พ.ร.ฎ. ปี 2462 และ 2464 รวมถึงหลักฐานรถไฟ ยื่นขอ สค.1 ในปี 2498 ตามหลังชาวบ้านแจ้งครอบครองก่อน และอ้างเพียง พ.ร.ฎ.ลอยๆ แต่ระบุวัน เดือน ปี ที่ได้มา
ขณะที่ “นายชั่งทอง โอภาสศิริวิทย์” อดีตตุลาการศาลปกครองสูงสุด วิเคราะห์คดีพิพาทที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ โดยสรุปเป็น 4 ฉากทัศน์สำคัญ ดังนี้
1.ต้นเหตุคดี-ประชาชนยื่นขอออกโฉนด แต่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) คัดค้าน อ้างกรรมสิทธิ์ ศาลฎีกาพิพากษายืนยันที่ดิน 5,083 ไร่ 80 ตร.ว.เป็นของ รฟท. 2.ฟ้องกรมที่ดิน-รฟท.ยื่นเรื่องตามมาตรา 61 ประมวลกฎหมายที่ดิน แต่กรมที่ดินไม่ดำเนินการ ศาลปกครองกลางชี้ว่าละเลยต่อหน้าที่ 3.สอบสวน ยุติเรื่อง แม้กรมที่ดินตั้งคณะสอบสวน แต่ภายหลังสั่งยุติ อ้างไม่พบการออกโฉนดมิชอบ รฟท.อุทธรณ์แต่ถูกยก คดีบางส่วนอยู่ระหว่างพิจารณา 4.คำสั่งใหม่ทางการเมือง รมว.มหาดไทยแถลงเตรียมเพิกถอนคำสั่งยุติการสอบสวน และเริ่มเพิกถอนโฉนดกว่า 900 แปลง
การจะเพิกถอนโฉนดนั้น จะต้องดำเนินการให้ครบถ้วนตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด คือการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 ชุดใหม่ขึ้นมา หากมีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ ผู้ที่ได้รับผลกระทบก็มีสิทธิที่จะฟ้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อเรียกค่าเสียหาย หากเอกสารสิทธิได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย เขาก็มีสิทธิที่จะไปเรียกร้องเงินชดเชย หรือจะฟ้องละเมิด ซึ่งต้องมีการพิสูจน์ในศาลว่า ผู้ถือครองมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดหรือไม่ หรือเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐแต่เพียงผู้เดียว ศาลจะเป็นผู้พิจารณาว่าค่าเสียหายจริงควรจะเป็นเท่าไร หรือจะมีแนวทางการเยียวยาในรูปแบบอื่น เช่น อนุญาตให้เช่าที่ดินได้หรือไม่ เป็นต้น.
คางดำ