S&P 500 ปรับตัวลดลง นักลงทุนขายทำกำไรหลังดัชนีขึ้นสูงสุดตลอดกาล
ซีเอ็นบีซี รายงานว่า ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลงในวันศุกร์ (15 ส.ค. 68) หลังจากทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรบางส่วน ในรอบสัปดาห์หุ้นขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
S&P 500 ซึ่งเป็นดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมลดลง 0.29% ที่ 6,449.80 จุด ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite
ลดลง 0.40% ปิดที่ 21,622.98 จุด ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ทำผลงานได้ดีกว่า โดยเพิ่มขึ้น 34.86 จุด หรือ 0.08% ปิดที่ 44,946.12 จุด เนื่องจากหุ้น UnitedHealth พุ่งขึ้น 12% อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทำไว้ช่วงต้นของวัน
หุ้นชิปที่ปรับตัวลดลงและข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอส่งผลกระทบต่อตลาดในวันศุกร์ ราคาหุ้น Applied Materials
ร่วงลง 14% กองทุนอีทีเอฟ VanEck Semiconductor ETF
ลดลง 2% และหุ้น Nvidia ลดลงเกือบ 1%
ขณะเดียวกัน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนลดลงมาอยู่ที่ 58.6 ในเดือนสิงหาคม จาก 61.7 เดือนที่แล้ว เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม ดัชนีหลักๆ ยังคงปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งในรอบสัปดาห์นี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวสูงขึ้น 1.74% ส่วนดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.94% และ 0.81% ตามลำดับในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อผู้บริโภคเพิ่มความหวังในการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนหน้า
“การเติบโตของ AI และการคาดการณ์ลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นปัจจัยหนุนตลาด ดังนั้นเราจึงไม่คิดว่าดัชนี S&P จะปรับตัวลดลง แม้ว่าฤดูกาลในเดือนสิงหาคมและกันยายนจะเลวร้ายก็ตาม” เจย์ แฮทฟิลด์ ซีอีโอและซีไอโอของ Infrastructure Capital Advisors กล่าว “ ตลาดเรายังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
- ยอดค้าปลีกยังขยายตัว
ข้อมูลยอดขายค้าปลีกเดือนกรกฎาคม ซึ่งเผยแพร่เมื่อเช้าวันศุกร์ สะท้อนการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยยอดขายปลีกเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนที่แล้ว สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้จากบริษัทดาวโจนส์ ขณะที่ยอดขายปลีกไม่รวมยานยนต์เพิ่มขึ้น 0.3% สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้เช่นกัน