ทรัมป์อาจเก็บภาษีชิป 300% อีก 2 สัปดาห์ เพิ่ม 'เหล็ก' ที่ถูกขึ้นภาษีอีกหลายร้อยรายการ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วัน ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดกับผู้นำรัสเซียเมื่อวันศุกร์ว่า เขาจะประกาศเก็บภาษีนำเข้ารายเซ็กเตอร์กับสินค้ากลุ่ม "เซมิคอนดักเตอร์" ภายในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่าสหรัฐกำลังเตรียมขยายระบบภาษีนำเข้าของตนอย่างมีนัยสำคัญ
“ผมจะกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าเหล็ก ชิปและเซมิคอนดักเตอร์ ในสัปดาห์หน้าและสัปดาห์ถัดไป”
ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วัน แต่บลูมเบิร์กระบุว่า ยังไม่แน่ชัดว่าทรัมป์พูดผิดเกี่ยวกับภาษีนำเข้าเหล็กหรือไม่ เพราะได้ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมเป็น 50% ไปแล้วตั้งแต่เดือนมิ.ย.
"ผมอาจจะกำหนดอัตราภาษีที่ 200% หรือ 300%" ผู้นำสหรัฐระบุ
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์เคยแถลงมาหลายครั้งแล้วว่า จะมีการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าในกลุ่ม "ชิปและยา" ภายในไม่กี่สัปดาห์ แต่ก็ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ
สินค้าทั้งสองกลุ่มนี้อยู่ภายใต้การสอบสวนของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐมาตั้งแต่เดือนเม.ย. ซึ่งเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นที่ทรัมป์จะสามารถกำหนดภาษีนำเข้าได้ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ กระบวนการนี้อาจมีความซับซ้อน และผลการสอบสวนอาจใช้เวลาหลายเดือนหรือนานกว่านั้น
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์กล่าวในงานที่จัดขึ้นร่วมกับทิม คุก ซีอีโอของ "แอปเปิ้ล อิงค์" ว่าเขาวางแผนที่จะเก็บภาษีเซมิคอนดักเตอร์ 100% พร้อมกับยกเว้นสินค้าจากบริษัทที่ย้ายฐานการผลิตมายังสหรัฐ แม้จะยังไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม แต่ทรัมป์บอกเป็นนัยว่าแอปเปิ้ล ซึ่งให้คำมั่นสัญญาที่จะลงทุนผลิตภายในประเทศมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ อาจได้รับการยกเว้น
สหรัฐเพิ่มเหล็ก-อะลูมิเนียมที่ถูกขึ้นภาษีอีกกว่า 400 รายการ
ด้านรอยเตอร์สรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ขยายขอบเขตการจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม 50% ในวันศุกร์ โดยเพิ่มสินค้าที่ผลิตจากต่างประเทศมากกว่า 400 รายการเข้าไปในรายการสินค้าที่ต้องเสียภาษีด้วย และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 18 ส.ค. นี้
ในประกาศของรัฐบาลกลางสหรัฐเมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า สำนักงานอุตสาหกรรมและความมั่นคง กำลังเพิ่มรหัสสินค้า 407 รายการ ลงในกลุ่ม HTS Code ซึ่งเป็นรหัสที่ใช้สำหรับกำหนดภาษีนำเข้าในสหรัฐ เพื่อเก็บภาษีเพิ่มเติมตามปริมาณเหล็กและอะลูมิเนียมที่อยู่ในสินค้าเหล่านั้น
ส่วนสินค้าที่ไม่ใช่เหล็กและไม่ใช่อะลูมิเนียมจะอยู่ภายใต้อัตราภาษีที่ประธานาธิบดีทรัมป์กำหนดไว้สำหรับสินค้าที่มาจากแต่ละประเทศ