โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

‘จูนปัง’ ยืนหนึ่งบรรทัดทอง คิวยาวสุดทะลุ ‘800 คิว’ ปีนี้จ่อขยายขึ้นห้างอีก 1-2 สาขา

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กระแสบรรทัดทองเงียบเหงาถูกพูดถึงจนเป็นปรากฏการณ์อยู่พักหนึ่ง จากปัจจัยเรื่องค่าเช่าปรับตัวสูงขึ้น นักท่องเที่ยวจีนที่หายไปในชั่วพริบตา รวมถึงจำนวนร้านอาหารที่เพิ่มขึ้นทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากกว่าเดิม แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ว่ามาทั้งหมด “จูนปัง” กลับเป็นร้านที่ยังยืนระยะได้อย่างมั่นคง ที่ใครๆ บอกว่า บรรทัดซบเซา แต่ร้าน “จูนปัง” ยังมีคิวรอมากสุดหลักร้อยคิวต่อวัน ร้านขายโทสต์และนมสดที่เกิดจากไอเดียของ “จูน-พัชราภรณ์ เขียวทอง” อยากกินขนมปังทำเอง ไม่ใช่ขนมปังปอนด์ที่ใครๆ ก็ขนานนามว่า “ขนมปังปลา”

“จูนปัง” ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน จะบอกว่า นี่คือความสำเร็จที่มาจากความโชคดีก็คงไม่ได้ หากเราย้อนไทม์ไลน์ก่อนร้านขนมปังทำเองแห่งนี้ “จูน” เริ่มต้นเส้นทางแม่ค้าขายขนมตั้งแต่ยังเป็นนิสิตจุฬาฯ ทำคอนเฟลกคาราเมลให้เพื่อนลองกินจนทุกคนติดใจ และขอให้ “จูน” ทำขายเป็นเรื่องเป็นราว กระทั่งชื่อเสียงขยายไปยังเพื่อนต่างคณะ และมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในการทำไดฟูกุสตรอว์เบอร์รี่ที่ส่งให้เธอมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง โกยยอดขายสูงสุดเดือนละ “5 ล้านบาท”

-เค้กไดฟูกุช็อกโกแลตของร้าน Junenycandy-

โตมาในครอบครัวสวนอาหาร เริ่มทำขนมเพราะอยากมีรายได้

ถ้าจะบอกว่า เป็น DNA ที่ส่งต่อกันในครอบครัวก็คงไม่ผิดนัก “จูน” เติบโตมาในครอบครัวที่มีธุรกิจสวนอาหาร “ครัวลูกสาวกุ้งแก้ว” เริ่มต้นจากคุณตาส่งต่อมายังคุณแม่ของจูน แม้ปัจจุบันจะปิดตัวไปแล้วเพราะลูกๆ ทั้ง 4 ต่างมีภารกิจของตัวเอง แต่ด้วยความคุ้นเคยที่ต้องจับมีด จับตะหลิวตั้งแต่เด็ก “จูน” จึงมีมุมมองทำมาค้าขายอยู่บ้าง เริ่มต้นจากรับ “เครปวง” ตัดเป็นชิ้นๆ มาขายหลังเลิกเรียน

กระทั่งสอบติดคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “จูน” ก็ไม่ทิ้งเรื่องทำมาค้าขาย ได้ไอเดียทำ“คอนเฟลกคาราเมล” โดยอาศัยครูพักลักจำจากการดูคลิปบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เธอไม่เคยเรียนทำขนมแต่อิงจากความชอบส่วนตัวที่ไม่สามารถหาซื้อที่ไหนได้“จูน” อยากกินคอนเฟลกคาราเมลที่ไม่หวานมาก กลิ่นน้ำผึ้งไม่แรงจนเกินไป เลยลองทำแล้วแบ่งเพื่อนสนิทกินดูก่อน

ปรากฏว่า เพื่อนๆ ชอบมาก วันไหนที่ไม่ได้ทำไปก็จะเริ่มถามถึง จนสุดท้ายเพื่อนๆ เริ่มขอให้ “จูน” ทำขาย เมื่อทำตามคำขอของเพื่อน นำคอนเฟลกคาราเมลมาส่งที่ห้องเรียนไปเรื่อยๆ ก็เริ่มมีเพื่อนต่างคณะที่เรียนรวมในห้องเดียวกันอยากลองชิม พัฒนากลายเป็นทำคอนเฟลกคาราเมลตีแบรนด์จริงจัง

กิจวัตรของ “จูน” ในตอนนั้น คือการปั่นจักรยานส่งขนมทั่วจุฬาฯ นานวันเข้าก็เริ่มขยายไปยังผู้ติดตามในเฟซบุ๊ก-อินสตาแกรม “จูน” ตัดสินใจสร้างแอคเคานต์ร้านขึ้นบนอินสตาแกรมในชื่อ “Junenycandy”

จาก “คอนเฟลกคาราเมล” จูนเริ่มสนใจขนมตัวอื่นเพิ่มเติม เธอเล่าว่า ช่วงเรียนชั้นปีที่ 4 ชอบกิน “ไดฟูกุ” มาก แต่ราคาแพงจนสั่งกินบ่อยๆ ไม่ได้ ประกอบกับตอนนั้นเริ่มมีสตรอว์เบอร์รี่นำเข้าไซซ์ใหญ่จากสหรัฐเข้ามา“จูน” ตัดสินใจลองทำเองโดยอิงจากความชอบของตัวเองเหมือนเดิม ใช้แป้งข้าวเหนียวไทย กวนไส้ถั่วแดงปรับสูตรมาเรื่อยๆ โดยมีเพื่อนๆ กลุ่มเดิมเป็นหนูทดลอง พอรสชาติเข้าที่เพื่อนก็ขอให้ทำมาขายอีก ขายดีทั้งคอนเฟลกคาราเมลและไดฟูกุจนต้องตัดสินใจเลือกเพียงหนึ่งโปรดักต์เพราะทำไม่ไหว “ไดฟูกุ” จึงได้ไปต่อในรอบตัดเชือก

จากปั่นจักรยานขายคอนเฟลกคาราเมล สู่ไดฟูกุเงินล้าน “Junenycandy”

ความพิเศษของไดฟูกุแบบ “Junenycandy” คือแป้งบาง ไส้หวานน้อย และมีสตรอว์เบอร์รี่ลูกใหญ่ ปกติตามมาตรฐานไดฟูกุต้องทำแป้งหนานุ่ม แต่เพราะตัวเองไม่ชอบกินจึงดัดแปลงให้แป้งบาง หลังจากทำแล้วเพื่อนชอบ ลูกค้าติดใจสั่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ “จูน” เริ่มจัดส่งด้วยวิธีนัดรับในยุคที่ยังไม่เดลิเวอรี

หลังจากนั้นก็เริ่มขยายช่องทางจัดส่งเป็นรถห้องเย็นไปต่างจังหวัด “Junenycandy” ในตอนนั้นไม่ได้ทำการตลาด ไม่มีการจ้างอินฟลูเอนเซอร์รีวิว ทุกอย่างเกิดจากออแกนิกของลูกค้าที่ซื้อไปกินแล้วชื่นชอบ ใช้เวลาปั้นแบรนด์ไดฟูกุอยู่ 3 ปี จนสเกลธุรกิจเริ่มใหญ่เกินกว่าจะแบกไว้คนเดียวได้

“จูน” เริ่มจ้างพนักงาน ใช้เวลาเก็บเงินก้อนเพื่อขยายแบรนด์ ใช้หลักการ “ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม” เพราะตนไม่อยากเป็นหนี้ ไม่คิดกู้เงินมาทำร้านเพราะมีประสบการณ์จากที่บ้านมาก่อน อยากมีความสุขกับสิ่งที่ทำให้เต็มที่ ไม่อยากมีชนักติดหลังให้กังวลใจ

“คอนเฟลกเริ่มทำตั้งแต่ปี 2556-2557 เพราะแม่มีลูกหัวปีท้ายปีหมดเลย ลูก 3 คนขอทุนเรียนทั้งหมด ธุรกิจที่บ้านมีหนี้ ครอบครัวเราก็ไม่ได้สบายขนาดนั้น มีลูกติดๆ กันก็เจอค่าเทอม ค่าหอสารพัด ลูกทั้งสามคนเลยช่วยกันทำงานหาเงิน ปกติเด็กในคณะจูนจะรับอีเวนต์ไปเต้นบ้างแต่จูนไม่ชอบเลยมาทำตรงนี้ พี่อีกคนไปทำงานร้านไก่ทอด อีกคนรับจ้างทำความสะอาดบ้านอาจารย์ บ้านเราไม่ได้อู้ฟู่แต่ก็ไม่ได้ลำบาก อะไรช่วยพ่อแม่ได้ก็ช่วย”

-จูน-พัชราภรณ์ เขียวทอง เจ้าของและผู้ก่อตั้งร้าน Junenycandy และจูนปัง-

เมื่อถามว่า ขนมทุกอย่างที่ทำออกมา “จูน” ลับคมวิชาอย่างไร ได้ไปเรียนทำขนมเพิ่มเติมหรือไม่ เธอบอกว่า ตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ไม่เคยเรียนทำขนมเลย ลองผิดลองถูกตัวด้วยตัวเองทั้งหมด ซึ่งอาจจะเป็นข้อดีที่ไม่มีทฤษฎี ไม่มีกรอบ ไม่มีข้อห้าม มีเพียงเพื่อนๆ รับหน้าที่ชิมด่านแรก จูนเล่าติดตลกว่า ที่เห็นอร่อยอย่างทุกวันนี้ เพื่อนๆ กินไดฟูกุกันมาตั้งแต่ลูกไดฟูกุแข็งโป๊ก จนธุรกิจเริ่มจริงจัง และเห็นว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ที่สั่งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ เป็นส่วนใหญ่ ตัดสินใจควักเงินเก็บทั้งตัว “1 ล้านบาท” เพื่อทำร้านคาเฟ่ย่านราชเทวี

จังหวะเวลาช่วงคาเฟ่ “Junenycandy” ทำเสร็จ ตรงกับช่วงที่วิกฤติโควิด-19 แพร่ระบาดในไทย ช่วงที่ทุกธุรกิจเจอความท้าทายอย่างหนัก แต่กลายเป็นว่า “Junenycandy” เติบโตมากที่สุด มียอดสั่งซื้อเดลิเวอรีเข้ามาเยอะมาก จนเธอปิ๊งไอเดียทำฮับรับขนม หรือ “Cloud Kitchen” 10 จุดทั่วกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ซึ่งฮับที่ว่านี้ก็ไม่ใช่หน้าร้านสร้างใหม่แต่เป็นบ้านของเพื่อนสนิทนี่แหละ

“จูน” เล่าว่า ตอนนั้นออเดอร์เข้ามาเยอะมาก ประกอบกับเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ที่เรียนจบศิลปกรรมด้วยกันมาทำงานสอนเต้น สอนบัลเล่ต์ต้องเจอกับพิษล็อกดาวน์ชั่วคราว “จูน” เริ่มมาไล่ดูว่า เพื่อนๆ แต่ละคนบ้านอยู่แถวไหนบ้าง มีทั้งสีลม รัชดา ศาลายา ไปจนถึงนนทบุรี ใช้วิธีนำสินค้าไปฝากเพื่อนตามจุดต่างๆ เพื่อสะดวกต่อการสั่งเดลิเวอรีของลูกค้า พร้อมกับแบ่งรายได้ให้เพื่อนๆ คนละ 10%

“มีออเดอร์หนึ่งที่จำได้จนถึงตอนนี้ ลูกค้าอยู่แถวเอแบคแล้วเขาชอบไดฟูกุไซซ์ XL ของเรามาก สั่ง 10 ลูก ค่าขนม 1,000 บาท ค่าส่ง 700 บาทเขาก็ซื้อ แล้วสั่งสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เราก็เริ่มคิดว่า ได้เวลาขยายแล้ว ให้รูมเมทที่อยู่ด้วยกันมาช่วยปั้นแป้ง ทำ LINE OA ให้เพื่อนเป็นแอดมินแล้วเราไปทำขนม จนมีหน้าร้านที่ราชเทวีก็มีระบบมากขึ้น มีพนักงานผลิต พนักงานหน้าร้าน อยู่ที่ราชเทวีขายดีมาก ที่เห็นว่า จูนปังขายดีคนเยอะยังไม่เท่า Junenycandy ที่ราชเทวี ยิ่งโควิด-19 กลายเป็นขายดียิ่งกว่าเดิม”

-ไดฟูกุชาเขียวสตรอว์เบอร์รี่ของร้าน Junenycandy-

อยากได้ร้านทำขนมปังเอง หมดโควิดทุกคนต้องกลับมาใช้ชีวิต ที่มาของ “จูนปัง”

หลัง “Junenycandy” ติดลมบนไปแล้ว ใกล้จบโควิด-19 ระลอกสุดท้าย “จูน” เริ่มคิดอยากทำแบรนด์ใหม่เพิ่มด้วยสองเหตุผล เธอมองว่า สุดท้ายถ้าโรคระบาดใหญ่จบทุกคนก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม เชื่อว่า ทุกคนน่าจะคิดถึงการรวมตัวกับแก๊งเพื่อนเป็นกลุ่มก้อน ซึ่งร้านนมก็น่าจะตอบโจทย์ได้ดี

ส่วนอีกเหตุผล “จูน” บอกว่า เธอชอบกินขนมปังมากๆ อยู่แล้ว ทุกครั้งที่เข้าร้านนมก็จะคิดอยู่บ่อยๆ ว่า ทำไมถึงไม่มีร้านนมที่ทำขนมปังเอง เพราะส่วนมากเราจะคุ้นเคยกับขนมปังที่รับมาจากซัพพลายเออร์ หลายร้านใช้ “มาการีน” ทาขนมปัง ไม่ใช่เนยแท้ๆ ด้วยซ้ำ “จูน” อยากเปิดร้านที่ทำขนมปังเอง และต้องทำให้ลูกค้าเห็นขั้นตอนกระบวนการกว่าจะออกมาเป็น “End Product” ในจานด้วย

เมื่อครั้ง “Junenycandy” ก็ทุ่มเงินเก็บทั้งตัว มาถึง “จูนปัง” ก็เป็นชั่วโมงวัดใจเหมือนเดิม จูนเรียนจบจุฬาฯ จึงนึกถึงโลเคชันย่านบรรทัดทอง ซึ่งในตอนนั้นหรือเกือบๆ 3 ปีที่แล้ว บริเวณที่จูนเลือกเปิดมีร้านอาหารเพียง 2 แห่งเท่านั้น ตอนนั้นเดิมพันกับตัวเองว่า “เจ๊งก็เจ๊ง” ถ้าทำแล้วไม่สำเร็จก็เอาใหม่ แต่ขอไม่กู้เงิน ไม่เป็นหนี้ มองว่า ความสำเร็จไม่เกิดถ้าไม่ลงมือทำ อยากสำเร็จต้องลองเสี่ยง

-เมนูโทสต์จากร้านจูนปัง-

“จูน” ตั้งใจออกแบบหน้าร้านด้วยกระจกใส ทำขนมปังให้ลูกค้าเห็นเป็นครัวเปิด เพราะต้องการใช้ความจริงทำการตลาด ตอนนั้นคิดว่า ขายได้วันละหมื่นก็ดีใจแล้ว เปิดร้านวันแรกปรากฏว่า “จูนปัง” ขายได้ 15,000 บาท และหลังจากนั้นก็มีลูกค้าเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่เริ่มทำไม่ทัน เมนูที่จูนทำก็ออกแบบให้แตกต่าง พูดถึงโทสต์ปกติคนจะนึกถึงฮันนี่โทสต์ แต่เธอเพิ่มหน้าสังขยาสูตรคุณแม่เข้ามาในฐานะเมนูซิกเนเจอร์ด้วย

จากที่ลุ้นว่า จะเจ๊งหรือไม่ “จูนปัง” จุดติดตั้งแต่เดือนแรก มองว่า ด้วยราคาโทสต์ 139 บาท แบ่งกินได้ 4 คนคุ้มค่าคุ้มราคากับลูกค้า ใช้วิธีการเดิมเหมือนตอนเปิด “Junenycandy” ไม่ใช้อินฟลูเอนเซอร์ ไม่ได้ทำการตลาด เพราะอยากรู้ว่า ลูกค้าจริงๆ ของแบรนด์คือใคร บวกกับกระแสบรรทัดทองฟีเวอร์ในตอนนั้น ทำให้ “จูนปัง” ติดลมบนทันที

ขายได้มากสุดวันละ 150,000 บาท กดคิวทะลุ 800 คิวคนก็ยังรอ

หากใครเคยแวะไปย่านบรรทัดทองโซนใกล้กับอุทยาน 100 ปีจุฬา ก็น่าจะเคยเห็นแถวรอคิวกินร้านจูนปังเรียงรายเต็มหน้าร้าน “จูน” บอกว่า เคยทำยอดขายได้พีคสุดๆ มากถึงวันละ “150,000 บาท” ทยอยเก็บเงินสะสมกระแสเงินสดมาเรื่อยๆ จนรู้ตัวอีกทียอดขายก็พุ่งไปไกลกว่าที่ฝันไว้แล้ว ช่วงแรกๆ “จูน” ไม่เคยตั้งเป้าธุรกิจชัดเจน แต่ปีนี้ด้วยสเกลของทั้งสองร้านที่เติบโตขึ้นมาก จึงมีแผนขยายทีม จัดระบบหลังบ้าน มองเผื่อไปถึงพนักงานในร้านว่า จะทำอย่างไรให้เขาเติบโตไปพร้อมกับบริษัท ไม่ใช่แค่มาทำงานแล้วจบแต่ทุกคนต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น

สำหรับ “จูนปัง” ที่ไม่ได้คาดคิดว่า จะได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก ทำให้ช่วง 3 เดือนเหนื่อยและหนักสำหรับเธออยู่เหมือนกัน ยังไม่ได้เทรนพนักงานสำหรับทำขนมปัง “จูน” ต้องลงมือทำเองทุกอย่าง ยอดขายต่ำๆ ต้องมีวันละ 80,000 บาท มีคิวรอมากสุดทะลุไป “800 คิว” แต่ลูกค้าก็ยังนั่งรอกัน

-บรรยากาศการรอคิวด้านหน้าร้านจูนปัง-

เมื่อถามว่า บรรทัดทองช่วงนี้เงียบลงจริงหรือไม่ “จูน” บอกว่า เงียบลงกว่าช่วงพีคจริง แต่ตนเข้าใจธรรมชาติของธุรกิจที่ต้องมีทั้งหน้าไฮ-หน้าโลว ประกอบกับร้านจูนปังเน้นให้คนเข้ามานั่งกิน เมื่อเจอกับฤดูฝนที่กระหน่ำตกลงมาทุกวันก็ทำให้เข้าใจได้ กว่าฝนจะซาคนก็ไม่อยากออกมาแล้ว รวมถึงปัจจัยภายนอกเรื่องเศรษฐกิจ นักท่องเที่ยวจีนลดลงก็มีผลเหมือนกัน

“ถามว่า ยอดตกขนาดไหน ถ้าหน้าร้านยอดขายก็ตกสัก 30% บางที 40% เลยก็มี เพราะไม่มีคนจริงๆ เดลิเวอรีก็ไม่มาเพราะตกหนักทุกวัน แต่ถ้าฝนไม่ตกร้านก็ยังมีคิวรอ 100 คิว ไม่ได้หายเงียบไปเลย อาจเพราะร้านเราก็ติดลมบนสำหรับลูกค้าไปแล้ว และเรามีทำเมนู Seasonal ด้วย คริสต์มาสก็มีอะไรให้ลูกค้า ไม่ได้นิ่ง ทำโปรดักต์ออกมาขายแค่เดือนเดียว หรือออกโปรดักต์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”

ปีนี้ต้องได้ “ร้อยล้าน” แบรนด์ใหญ่รุมจีบ มีลุ้นดัน “จูนปัง” ขึ้นห้าง

“จูน” บอกว่า ปีนี้จะเป็นปีแห่งการจัดระบบหลังบ้าน ตอนนี้เริ่มมีทีมคอนเทนต์เข้ามาช่วยตัดต่อถ่ายคลิป อีกหน่อยจะเริ่มรับสมัครพนักงานฝ่ายทรัพยากรบุคคล เป้าหมายปีนี้ “Junenycandy” จะมีให้ครบ 12 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่ 9 สาขา ผสมกันทั้งรูปแบบร้านคีออสและร้านสเกลใหญ่ ส่วน “จูนปัง” วางแผนเปิดเพิ่มอีก 1-2 สาขา อยู่ในขั้นตอนการเจรจาพูดคุยกับแลนด์ลอร์ด เล็งห้างใหญ่โซน CBD ทั้ง 2 แห่ง คิดว่า น่าจะทันเห็นภายในปีนี้

เติบโตเร็วขนาดนี้มีนักลงทุนรายใหญ่มาจีบบ้างหรือไม่ “จูน” บอกว่า มีแบรนด์ใหญ่ติดต่อเข้ามาพูดคุยเยอะมาก ทั้งในรูปแบบร่วมหุ้นและขอซื้อแฟรนไชส์ไปเปิดที่ต่างประเทศ ส่วนตัวไม่อยากทำรูปแบบแฟรนไชส์เพราะยังกังวลเรื่องควบคุมคุณภาพ อยากสร้างรากฐานให้แข็งแรง อยากให้ธุรกิจยั่งยืนในระยะยาว ต่างประเทศที่มาชวนมีทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย และจีน แต่ด้วยความรู้เรื่องการขยายไปต่างประเทศยังมีไม่มากจึงขอตัดสินใจช้าๆ จะดีกว่า

ฝันใหญ่ที่สุดของ “จูน” คือการมีโรงงานผลิตขนมปังเป็นของตัวเอง วางเป้าภายใน 5 ปีข้างหน้า ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเห็นภาพที่มีขนมปังจากโรงงานจูนปังเดินสายส่งทั่วประเทศ ส่วนตอนนี้อยากโฟกัสธุรกิจทั้งสองร้านที่ไทยให้แข็งแรงมากๆ จากนั้นการไปต่างประเทศค่อยว่ากัน อยากไปในรูปแบบพาร์ทเนอร์มากกว่าแฟรนไชส์ รวมถึงการแตกแบรนด์ใหม่ที่เธอบอกว่า คิดไว้หลายแบรนด์มาก เป็นขนมหวานที่ยังไม่เคยมีใครเคยทำด้วย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

'สตรีมมิ่งจีน' รุกอาเซียนต่อเนื่อง จ่อทำคอนเทนต์ออริจินัล แข่งสตรีมมิ่งอเมริกัน

39 นาทีที่แล้ว

‘บัฟเฟตต์’ ชี้ดูการตัดสินใจครั้งเดียว แยกคนสำเร็จ จากผู้เพ้อฝัน

47 นาทีที่แล้ว

'ETIX' ลุยลงทุนขยายดาต้าเซ็นเตอร์รับดีมานด์ AI พุ่ง

47 นาทีที่แล้ว

กองทัพไทย ชี้ เอาผิด ‘กัมพูชา’ ได้ แฉ ตุน ‘ทุ่นระเบิด’ เกิน3,700ลูก

55 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...