‘บัฟเฟตต์’ ชี้ดูการตัดสินใจครั้งเดียว แยกคนสำเร็จ จากผู้เพ้อฝัน

วอร์เรน บัฟเฟตต์ สุดยอดไอดอลนักลงทุนระดับโลก พูดถึงประเด็นที่เฉียบคม เกี่ยวกับบุคคลที่ฉลาด และมุ่งมั่น แต่ขาดความซื่อสัตย์ สามารถสร้างหายนะอย่างแท้จริง เพราะพวกเขาอาจใช้ความสามารถตนเองไปในทางบิดเบือนความจริง หรือเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แทนที่จะทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม หรือเป้าหมายภารกิจ

จุดบรรจบ ความซื่อสัตย์ - ความสำเร็จ

ในวงการผู้นำมีความเชื่อผิดๆ ที่อันตรายว่า ผลลัพธ์เพียงอย่างเดียวเป็นตัวกำหนดความสำเร็จ แต่หากผลลัพธ์นั้นได้มาซึ่งการก้าวข้ามขีดจำกัด ด้วยการทรยศความไว้วางใจ หรือเหยียบย่ำผู้อื่นแล้ว “ความสำเร็จที่ได้มานั้น” ก็จะไม่ยั่งยืน เช่นเดียวกับชื่อเสียง

ลองคิดตาม ผู้นำที่ได้รับการยอมรับนับถือมากที่สุด ย่อมเข้าใจในสิ่งนี้

• สัตยา นาเดลลา ซีอีโอไมโครซอฟท์ เปลี่ยนวัฒนธรรมการแข่งขันที่ดุเดือดภายในองค์กร ให้กลายเป็นพลังแห่งความร่วมมือ พิสูจน์ให้เห็นว่า ความไว้วางใจ และความเห็นอกเห็นใจ สามารถขับเคลื่อนนวัตกรรม และผลกำไรได้
• อินดรา นูยี ซีอีโอเป๊ปซี่โค ยึดหลักประสิทธิภาพการทำงานที่มีจุดมุ่งหมาย “Performance with Purpose” เป็นกลยุทธ์หลัก มุ่งเน้นการเติบโตของบริษัทควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคม และหลักปฏิบัติทางจริยธรรม
• โฮเวิร์ด ชูลท์ซ ประธานกรรมการสตาร์บัคส์ เน้นสร้างความภักดีต่อแบรนด์ ไม่ใช่แค่ในกาแฟเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวัฒนธรรมแห่งความยุติธรรม ชุมชน และการทำในสิ่งที่ถูกต้องของพนักงานด้วย

เมื่อพูดถึงวัฒนธรรมการทำงาน มีหลายแง่มุมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการปกป้องวัฒนธรรมของคุณ

คุณทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างวัฒนธรรมแห่งความซื่อสัตย์ และส่งเสริมสภาพแวดล้อมแห่งความซื่อสัตย์และความโปร่งใส ที่ซึ่งพนักงานของคุณ “ทำในสิ่งที่ถูกต้อง” แม้จะไม่มีใครเห็นก็ตาม จนมาถึงส่วนที่ยากที่สุดคือ วิธีปกป้องวัฒนธรรมของคุณจากผู้ฝ่าฝืน สิ่งสำคัญคือการสร้างระบบ และนิสัยระวังรักษาเข็มทิศทางศีลธรรมของทีมให้มั่นคง ซึ่งมีวิธีการดังต่อไปนี้

1. พิจารณาลักษณะนิสัย ไม่ใช่แค่ความสามารถ

ระหว่างการสัมภาษณ์ ให้มองมากกว่าแค่ประวัติ ลองถามถึงปัญหาจริยธรรมที่พวกเขาต้องเผชิญ ฟังถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน ความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกับองค์กรนั้นๆ และการคิดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นระยะยาว

2.ส่งเสริมความไว้วางใจ

การให้รางวัลแก่พนักงาน ไม่ใช่แค่เรื่องที่พวกเขาประสบความสำเร็จ แต่รวมถึงวิธีที่พวกเขาประสบความสำเร็จด้วย ในการสร้างความร่วมมือ ความโปร่งใส และความรับผิดชอบที่มองเห็นได้

3.ถูกละเมิดความซื่อสัตย์ ต้องจัดการโดยเร็ว

ไม่มีอะไรทำลายความไว้วางใจได้รวดเร็วไปกว่า การเห็นผู้นำยอมทนกับการกระทำที่ผิดจริยธรรม เพราะพวกเขาได้รับประโยชน์ สิ่งเหล่านี้คนในทีมจะสังเกตเห็นได้ นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาจะยอมทำตาม หรือเลือกเดินจากไป

4.แบบอย่างที่คุณคาดหวัง

ผู้นำคือผู้กำหนดทิศทาง การตัดสินใจของคุณ แม้ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็สามารถบอกได้ว่า ความซื่อสัตย์มีคุณค่าอย่างแท้จริง หรือเป็นแค่คำขวัญที่ติดอยู่บนผนัง

เมื่อมองย้อนไปดู คำแนะนำแรกของบัฟเฟตต์อาจดูเสียดสี แต่เป็นเรื่องที่ใช่ อย่าแลกความซื่อสัตย์กับความสามารถ เพราะทักษะความสามารถสอนกันได้ แรงขับเคลื่อนสามารถสร้างแรงบันดาลใจ แต่ถ้าเข็มทิศทางศีลธรรมของคนๆ หนึ่งพังทลาย จะดีกว่าหากคุณไม่มีเขา ไม่ว่าเขาจะน่าประทับใจแค่ไหน เพราะในการเป็นผู้นำ เช่นเดียวกับในชีวิต บุคลิกภาพไม่ได้เป็นเพียงสิ่งแรก แต่มันคือทุกสิ่งททุกอย่าง

อ้างอิง Inc