เจาะลึก'รพ.เมดพาร์ค' ทิศทางครึ่งปีหลัง ป้องกันเกิด 'Sudden Death'
“กรุงเทพธุรกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ “นพ.พงษ์พัฒน์ ปธานวนิช กรรมการผู้จัดการโรงพยาบาลเมดพาร์ค (MedPark)” เพื่อเจาะลึกถึงผลดำเนินการในช่วงครึ่งปีแรก ทิศทางการเติบโต และกลยุทธ์สำคัญที่เมดพาร์คกำลังดำเนินไป เพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจรวมถึง การก้าวสู่เป้าหมาย “สถาบันการเรียนการสอนและการวิจัยทางการแพทย์”
แม้ว่าการก่อตั้ง “รพ.เมดพาร์ค” จะไม่ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายต่างประเทศมากนัก แต่ช่วงแรกของการเปิดโรงพยาบาลและหลังวิกฤตโควิด-19 รพ.ได้รับชื่อเสียงอย่างรวดเร็วในกลุ่มชาวต่างชาติ โดยเฉพาะจากประเทศตะวันออกกลาง ทำให้ปี 2566 มีรายได้จากต่างชาติสูง แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2567 รายได้จากกลุ่มนี้ โดยเฉพาะประเทศคูเวตเริ่มลดลง
สถานการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับเมดพาร์คเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโรงพยาบาลใหญ่หลายแห่งที่เคยมีรายได้จากคนไข้คูเวตสูง ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน จากการมารับบริการลดลงและการไม่ชำระเงิน ซึ่งคาดว่าผลจะต่อเนื่องถึงปี 2568
ปรับเป้าหมายสู่กลุ่มเอ็กซ์แพท-CLMV
ในปี 2568 “เมดพาร์ค”จึงปรับเป้าหมายการเติบโตกลุ่มต่างชาติ จากผู้ป่วยอาหรับไปสู่ ผู้ป่วยต่างชาติที่พำนักในไทยหรือเอ็กซ์แพท(Expat) และกลุ่มผู้ป่วยจากกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนาม) มากขึ้น และแม้ว่ากลุ่มเหล่านี้จะเติบโตขึ้น แต่ยังไม่สามารถชดเชยยอดที่ลดลงจากผู้ป่วยต่างชาติอาหรับในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ได้ทั้งหมด ทำให้ตัวเลขภาพรวมอาจติดลบเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองในแง่กระแสเงินสดจะดีขึ้น เพราะได้ลดจำนวนการรักษาคนไข้ที่มียอดรายได้สูงแต่ไม่ชำระเงิน ซึ่งเคยทำให้รพ.มีต้นทุนสูงที่ต้องจ่ายออกไปจริงแต่ไม่ได้รับรายได้เป็นตัวเงิน ถึงแม้คาดว่าจะมีการทยอยคืนเงินในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ก็ยังต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อัตราการเติบโตที่ตั้งเป้าไว้ในปีนี้คือ "คงที่"
“สัดส่วนคนไข้ต่างชาติอยู่ที่ประมาณ 30% หลักๆยังคงเป็นคนไทย เพราะเห็นว่ารพ.ที่เน้นต่างชาติมากเกินไป ซึ่งส่งผลข้างเคียงตามมาเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น รายได้จะไม่แน่นอน ที่สำคัญระบบการตั้งราคาสำหรับคนไทยจะได้รับผลกระทบ หากตั้งราคาไว้สูงเกินไปตลอดเวลา และเมื่อเกิดประเด็นที่ต้องลดราคาให้คนไทยถึง 50% ทันที ก็จะเกิดคำถาม”
ยังคงมุ่งเน้นการรักษาโรคที่ซับซ้อน
นพ.พงษ์พัฒน์ กล่าวอีกว่า เมดพาร์คยังคงมุ่งเน้นการรักษาโรคที่ซับซ้อน การวินิจฉัยโรคในกลุ่มคนไข้ที่ไม่ทราบสาเหตุของโรค กลุ่มคนไข้ที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยโรคที่ชัดเจน หรือ รักษาแล้วแต่ไม่หายสักที กลุ่มคนไข้เหล่านี้สามารถดูแลได้ดีด้วยทีมแพทย์สหสาขาที่ทำงานร่วมกัน และแพทย์มีความละเอียดพิถีพิถันในการค้นหาโรคภัยไข้เจ็บ รวมถึง การดูแลโรคหนักที่ต้องอยู่ ICU ซึ่งมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขาที่สามารถดูแลได้อย่างครบวงจรพร้อม ๆ กัน นี่เป็นเป้าหมายหลัก
หนึ่งในศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทางที่คนไข้มาใช้บริการมาก คือ ศูนย์สูติ-นรีเวชกรรมและการทำคลอด ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เมดพาร์คได้ทำคลอดไปแล้วกว่า 4,000 ราย ติดอยู่ในกลุ่มโรงพยาบาลชั้นนำในเรื่องการคลอด ด้วยความความโดดเด่นในเรื่อง ทีมแพทย์สูตินรีเวช,การจัดวางพื้นที่ห้องคลอด ห้องผ่าตัด ห้องดูแลเด็กอ่อน และวอร์ดหลังคลอดอยู่บนชั้นเดียวกัน เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยมีที่ไหนทำได้,ทัศนียภาพที่ดีของวอร์ดหลังคลอดมีวิวที่สวยงาม และราคาไม่แพงไปกว่าที่อื่นมากนัก ซึ่งเดือนต.ค.นี้ จะมีการจัดงานสำหรับเด็กที่เกิดที่เมดพาร์คทั้งหมด คล้าย ๆ "Homecoming Day" ให้ "เพื่อนร่วมรุ่น" มาพบเจอกัน
เปิดศูนย์ปลูกถ่ายไต- ลงทุนแล็บจีโนมิกส์
นอกจากนี้ เดินหน้าเปิดศูนย์สำคัญต่างๆ อาทิ ศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะ ซึ่งปัจจุบันมีการปลูกถ่ายไขกระดูกอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเปิดศูนย์ปลูกถ่ายไตอย่างเป็นทางการได้ก่อนสิ้นปี โดยได้รับสิทธิ์รับไตจากสภากาชาดไทยแล้ว หลังจากทำ Living Donor (ผู้บริจาคที่มีชีวิต) ครบ 5 เคส และกำลังเตรียมขยายไปสู่อวัยวะอื่น ๆ เช่น ปอด หัวใจ ตับ ตับอ่อน ,ศูนย์ปลูกถ่ายเส้นผม กำลังจะเปิดตัวในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ปัจจุบันมีคนไข้ต่างชาติมาใช้บริการแล้วหลายราย
ห้องปฏิบัติการจีโนมิกส์ (Genomic Lab) ได้เริ่มดำเนินการแล้ว เพื่อลดการส่งตัวอย่างไปที่อเมริกาต้องใช้เวลารอผลถึง 6 สัปดาห์ แต่ด้วยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในอเมริกา คาดว่าจะสามารถออกผลได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยและรักษา เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยเป็น Medical Hub ที่เก่งและรวดเร็ว ทำให้สามารถแข่งขันกับสิงคโปร์ได้ มีราคาที่ถูกกว่าและความสามารถของแพทย์ไม่ได้ด้อยกว่า ซึ่งการมีแล็บนี้จะช่วยสนับสนุนการวินิจฉัยและวางแผนการรักษา โดยเฉพาะโรคซับซ้อน เช่น มะเร็งได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ว่ามะเร็งชนิดไหนควรใช้ยาอะไร เป็นต้น
ขณะที่ต้องดำเนินการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) ควบคู่กันด้วย โดยรพ.เมดพาร์คเน้นการรับผู้ป่วยส่งต่อทั้งจากคนไทยในพื้นที่และจากต่างประเทศที่มีเคสยาก ซึ่งไม่สามารถรักษาในประเทศของตนเองได้ โดยกำลังดำเนินการจัดตั้งสำนักงานในต่างประเทศ เช่น บังกลาเทศ และเมียนมา เพื่อแนะนำให้ผู้คนทราบว่าประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่ดีที่สามารถช่วยเหลือกรณีโรคยากซับซ้อนที่ประเทศเขาดูแลไม่ได้ และมีบริการ Telemedicine ให้คำปรึกษากับประเทศต่าง ๆ ด้วย
ออกโปรแกรมใหม่ Sudden Death
สำหรับครึ่งปีหลัง 2568 แม้จะยังมีความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจ อาจจะทำให้คนเริ่มระมัดระวังการใช้จ่าย ผู้คนอาจลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงหลายด้าน แต่การดูแลสุขภาพ (Health Care) แม้จะมีผลกระทบจากเศรษฐกิจ แต่จะไม่มากนัก เพราะเป็นความจำเป็นพื้นฐานที่ต้องใช้ โรคเรื้อรัง หรือการผ่าตัดบางอย่างไม่สามารถยืดเวลาออกไปได้
“เมดพาร์คจะเน้นการรักษาและการป้องกันโรคไม่ให้เจ็บป่วยหนัก หรือการป้องกันการเจ็บป่วยร้ายแรง กำลังจะออกโปรแกรมใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน Sudden Death เนื่องจากพบคนอายุไม่มากเสียชีวิตกะทันหันจำนวนมาก คำถามสำคัญ คือ สามารถรู้ล่วงหน้าได้หรือไม่?”
นพ.พงษ์พัฒน์ ขยายความว่า โปรแกรมนี้จะช่วยตรวจหาสาเหตุหลักๆของ Sudden Death เช่น ความผิดปกติของเส้นเลือดในสมอง หัวใจ หรือเส้นเลือดใหญ่ในช่องท้องและช่องอก รวมถึง เส้นเลือดอุดตัน ในสมอง หรือหัวใจจากลิ่มเลือด สิ่งเหล่านี้สามารถวินิจฉัยได้ล่วงหน้าจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และใช้เครื่องมือตรวจเส้นเลือดต่างๆ และภาวะแทรกซ้อนจากโรคเรื้อรังต่างๆ แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการตรวจอาจสูงถึง 50,000-200,000 บาท แต่ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อป้องกันการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
ในเดือนหน้า จะเปิด “Wellness Center” ที่ One Bangkok บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร จะเน้นการแพทย์เชิงป้องกัน (Preventive Medicine) และคำแนะนำเพื่อการมีอายุยืนยาว (Longevity Clinic) มีเครื่องมือตรวจสุขภาพครบครัน และรองรับผู้ป่วยได้วันละ 100-200 คน การลงทุนในส่วนนี้เกือบ 100 ล้านบาท
5 ปี ยกระดับเป็นสถาบันทางการแพทย์
ขณะที่ระยะอีก 3-5 ปีข้างหน้า มีแผนจะเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยี หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด (Robotic Surgery)เพิ่มเติม จากที่มีใช้ช่วยผ่าตัดกระดูกและช่องท้องอยู่แล้ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผ่าตัดและช่วยให้แพทย์สามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น ส่วนเป้าหมายสำคัญนอกจากการเป็นศูนย์กลางการรับส่งต่อ (Referral Center)ที่เน้นการรักษาโรคยากและซับซ้อนแล้ว อีกเป้าหมายสำคัญ ใน 5 ปีข้างหน้า คือ การเป็น “สถาบันการเรียนการสอนและการวิจัยทางการแพทย์”
เมดพาร์คต้องการเป็นศูนย์ฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน (Resident) และมีการร่วมมือกับโรงเรียนแพทย์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา และมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เพื่อยกระดับความรู้และประสบการณ์ของบุคลากรทางการแพทย์
"เราต้องทำเป็น Teaching Hospital ให้ได้ จะผลิตบุคลากร เพราะเรามีแพทย์เก่งๆรวมกันแล้ว ถ้ามีจำนวนผู้ป่วยทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในมากขึ้นและหลากหลายโรค จะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเทรนนิ่งที่ดี และมีโรงพยาบาลในเครืออีก 6-7 แห่ง ที่จะช่วยเสริมในจุดนี้”นพ.พงษ์พัฒน์กล่าว