ไขปม “นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ” ถูกให้ออกจากราชการ ไม่ซับซ้อน แต่ซ่อนเงื่อน
สนั่นวงการสาธารณสุขไทยอีกครั้ง เมื่อ "นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ" ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา และประธานชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Supat Hasuwannakit โดยระบุว่า
“ผมกำลังจะถูกให้ออกจากราชการ!!”
หลังผลสอบวินัยร้ายแรง เรื่องการจัดซื้อชุดตรวจ ATK สมัยโควิดระบาด ขัดกับระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง
ปมการสอบสวนวินัย ประธานชมรมแพทย์ชนบทจึงถูกจับจ้องเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกรณีจัดซื้อ ATK จัดทีมมาช่วยกู้วิกฤติ การระบาด โรคโควิด19 ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ในภาวะฉุกเฉิน ที่นับจากนี้จะไม่ได้สะท้อนแค่การระบบระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น แต่ยังหมายรวมไปถึงระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐ ที่ขึ้นชื่อเรื่อง ขั้นตอน ความล่าช้า รวมไปถึงความโปร่งใส
โพสต์เปิดใจ “หมอสุภัทร”
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ โพสต์ข้อความผ่าน Facebook : Supat Hasuwannakit ในวันที่ 16 สิงหาคม 2568 เวลา 09.10 น. โดยระบุว่า
ผมกำลังจะถูกให้ออกจากราชการ!!
ข้าราชการไทยอยู่ยาก ต้องเดินกุมเป้า เงียบๆ พูดน้อย นายว่านกเราก็นก เห็นความทุจริต ไร้ประสิทธิภาพ นโยบายเพี้ยน ก็ต้องทำไม่รู้ไม่ชี้ จึงจะมีความเจริญก้าวหน้า
ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังให้ความเห็นแย้งคัดค้านบางเรื่องในกท.สธ.และเรื่องสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ปลัดกระทรวงคนปัจจุบัน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ มีธงลงมือจัดการผมทุกทาง ในฐานะกรวดในรองเท้าของใครบางคน หวังให้ผมเงียบ อยู่ในโอวาท
สามปีที่ผ่านมา ผมจึงถูกสธ.ตั้งกรรมการสอบวินัยกว่า 10 เรื่อง แต่ได้แค่ตักเตือน ภาคทัณฑ์ จนกระทั่งมีการสั่งย้ายผม โดยมิชอบ ให้พ้นจากโรงพยาบาลจะนะ ให้ไปอยู่ที่โรงพยาบาลสะบ้าย้อย พอสั่งย้ายปุ๊บก็ส่งทีมชุดใหญ่เข้ามาตรวจสอบภายในเพื่อขุดหาความผิด พร้อมทั้งให้ข่าวว่าผมทุจริต และตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงผมเรื่องการจัดซื้อ ATK แพทย์ชนบทบุกกรุง
แพทย์ชนบทบุกกรุง 3 รอบ ในช่วงก.ค.-ส.ค.64 สิ่งที่ยากที่สุดเป็นจริงอย่างไม่น่าเชื่อ โรงพยาบาลต่างๆอาสาบุกกรุงมาตรวจ ATK 3 รอบ ทีมชุมชนในกทม.แข็งขันจัดการสถานที่จัดคิวอำนวยการทุกอย่าง ความยากที่สุดคือ เราจะต้องจัดซื้อ ATK มาใช้เอง สธ.ไม่มีให้ ในขณะนั้น มาตรฐาน สธ.ยังใช้ RT-PCR แกนนำหลายโรงพยาบาลแบ่งหน้าที่ช่วยกันจัดซื้อ ATK ผมก็จัดซื้อในนามโรงพยาบาลจะนะ จัดซื้อตามสถานการณ์หน้างานที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ว่า คนมารับการตรวจจะมากหรือน้อย เราจะทำไหวที่จำนวนเท่าไหร่ แต่จุดยืนตอนนั้นคือ ทุกคนที่มารอต้องได้ตรวจ เราตรวจไปทั้งหมด 192,905 คน พบผู้ติดเชื้อและได้จ่ายยาไปมากถึง 22,451 คน
การบุกกรุง 3 ครั้ง โรงพยาบาลจะนะทำการจัดซื้อ ATK ไป 5 ครั้ง จึงเปิดช่องให้ผมถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าจัดซื้อผิดระเบียบ แบ่งซื้อแบ่งจ้าง แต่โรงพยาบาลอื่นที่จัดซื้อในคราวนั้นไม่ถูกสอบสวนนะครับ
การชี้แจงของผมอย่างละเอียดไม่เป็นผล ในเมื่อกรรมการมีธง มีมติให้ผมออกจากราชการ ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญก่อนเกษียณของปลัดโอภาส ให้ทันก่อน 30 ก.ย.68 นี้
ที่ผ่านมาผมพยายามชี้แจงตามระบบ ไม่เปิดเรื่องสู่สาธารณะ คิดว่าระบบราชการยังให้ความเป็นธรรมได้บ้าง แต่วันนี้ผมถูกต้อนจนเข้ามุม ถึงเวลาที่จะต้องเปิดความจริงให้สาธารณะทราบ ถ้าเชื่อมั่นในความเป็นผม “สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ” เรามาสู้ด้วยกัน
ระบบราชการต้องมีความเป็นธรรมให้กับข้าราชการและประชาชนได้ ประเทศจึงจะมีความหวัง
#Supat #แพทย์ชนบท
หลังจากโพสต์ถูกเผยแพร่ออกไป ผู้คนในโซเชียล ต่างเข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ทั้งในแวดวงสาธารณสุข รวมไปถึงแวดวงอื่นๆ
ย้อนรอยเส้นทาง “หมอสุภัทร”
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ เป็นที่รู้จักในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา และเป็นประธานชมรมแพทย์ชนบท ก่อนหน้านี้ เคยดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นพ.สุภัทรเป็นผู้หนึ่งที่ยืนหยัดแสดงความคิดเห็นและคัดค้านในหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการสาธารณสุข (กท.สธ.) และประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด
นั่นหมายถึง ความขัดแย้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่มีปมที่ถูกผูก ถูกมัดมาหลายเงื่อน
และข้อกล่าวหาจัดซื้อ ATK กลายเป็นประเด็นเรือธง ที่ทำให้ถูกให้ออกจากราชการ หลังที่ประชุมคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ที่มีนพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เป็นประธานร่วมกับกรรมการอื่นๆรวม 6 คน มีคำสั่งเตรียมให้นพ.สุภัทร ออกจากราชการในช่วงค่ำของวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา และกลายเป็นจุดกำเนิดการโพสต์ Facebook ของ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ข้างต้น
จดหมายเปิดผนึก แจงยิบข้อกล่าวหา
ทั้งนี้ก่อนที่คำตัดสินของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงจะออกมา นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ได้เขียนสรุป ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2568 มีใจความว่า
ตามที่ข้าพเจ้า นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ได้ชี้แจงข้อกล่าวหาในเรื่องนี้ไป 2 ครั้งแล้ว ข้าพเจ้าขอ ยืนยันคำชี้แจงเดิมที่ส่งไป และขอสรุปคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เพื่อความเข้าใจทื่ชัดเจนยิ่งขึ้น ดังต่อไปนี้
ข้อกล่าวหา
ประเด็นที่ 1 กรณีดำเนินการจัดซื้อและได้สั่งอนุมัติให้จัดซื้อวัสดุวิทยาศาสตร์การแพทย์รายการ เวชภัณฑ์ชุดตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ATK) ในแต่ละครั้งที่มีวงเงินไม่เกิน 2,000,000 บาท (สองล้านบาทถ้วน) จำนวน 5 ครั้ง เป็นการแบ่งซื้อเวชภัณฑ์ชุดตรวจ ATK อันเป็นการฝ่าฝืนต่อระเบียบ กระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560
เป็นการปฏิบัติราชการเพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้สำหรับบริษัทผู้ขายหรือผู้อื่น และทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง ได้ดำเนินการสั่งซื้อไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือวิธีการตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐพ.ศ.2560 ไม่รีบรายงานขอความเห็นชอบต่อหัวหน้าหน่วยงานของรัฐ เมื่อได้จัดซื้อ เวชภัณฑ์ชุดตรวจ ATK ไปแล้ว ทำให้ทางราชการได้รับความเสียหายร้ายแรง
ข้าพเจ้าขอสรุปคําชี้แจง เพื่อความกระชับ ดังนี้
1. ข้อเท็จจริงการจัดซื้อจ้าง ATK ของโรงพยาบาลจะนะ กรณีแพทย์ชนบทบุกกรุง
การจัดจัดซื้อ ATK ทั้งหมดนี้ เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการแพทย์ชนบทบุกกรุง 3 ครั้งในเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม 2564 ซึ่งจัดซื้อในนามโรงพยาบาลจะนะ เพื่อนำไปใช้การออกหน่วยที่กรุงเทพจำนวน 5 บิล รวม 9,856,420 บาท เป็นการจัดซื้อตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๕๖ (๒) (ง) และหนังสือคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ ภาครัฐ กรมบัญชีกลาง ที่ กค(กวจ) ๐๔๐๕.๒/ว ๑๑๕ ลงวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๓ อย่างถูกต้อง
ทั้งนี้ข้อเท็จจริงสำคัญคือ โรงพยาบาลจะนะได้สั่งซื้อATK ในปฏิบัติการ 3 ครั้ง 5 ใบสั่งซื้อ คือ
- ครั้งที่ 1 บุกกรุงรอบแรกระหว่างวันที่ 14-16 ก.ค. 2564 (3 วัน) จัดซื้อ ATK ในวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท ตามใบส่งของเลขที่ SC64120028 ราคาชิ้นละ 230 บาท ซื้อได้ 8,695 ชิ้น แล้วนำมาปันใช้กับทั้ง 6 โรงพยาบาลที่ร่วมปฏิบัติการ และเมื่อไม่พอก็มีอีก 2 โรงพยาบาลจัดซื้อเพิ่มให้เพียงพอ รวม 3 วันตรวจคัดกรองได้ 19,871 ราย
- ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 21-23 ก.ค. 2564 (3 วัน) โรงพยาบาลจะนะจัดซื้อในวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท ตามใบส่งของเลขที่ SC64120055 ราคา 230 บาท/ชิ้น ได้ ATK 8,695 ชิ้น และ ATK ที่จัดซื้อมานั้นก็นำไปปันใช้ในปฏิบัติการ ครั้งนี้คัดกรองได้ 31,518 ราย มี 16 โรงพยาบาลที่ร่วม ปฏิบัติการในครั้งนี้มีโรงพยาบาลที่ร่วมจัดซื้อ ATK 4 แห่ง
- ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 4-10 สิงหาคม 2564 (7 วัน) ด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวง สาธารณสุข ลงนามเชิญด้วยตนเอง จึงมีทีมร่วมมากถึง 41 ทีม วันที่ 3 สิงหาคม 2564 โรงพยาบาลจะนะและหลายโรงพยาบาลชุมชนที่เข้าร่วมได้จัดซื้อ ATK มาใช้ในวงเงินแห่งละ 2 ล้านบาท แต่ผู้มารับบริการมากจน ATK ไม่พอ โรงพยาบาลจะนะจึงต้องจัดซื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 7 สิงหาคม 2564 และก่อนปิดปฏิบัติการ ATK ก็ไม่พออีก
โรงพยาบาลจะนะจึงต้องซื้อเพิ่มครั้งที่ 3 ในวันที่ 9 สิงหาคม 2564 รวม 3 ครั้งจัดซื้อ 25,464 ชิ้น ตามใบส่งของเลขที่ SC641201000, SC 64120101 และ SC 64120102 ด้วยข้าพเจ้าเป็นประธานชมรมแพทย์ชนบทอีกตำแหน่งหนึ่ง ต้องรับผิดชอบให้ปฏิบัติการครั้งนี้ช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากที่สุด เมื่อไม่พอใช้ จึงต้องสั่งซื้อ ถึง 3 ครั้ง เพื่อให้ประชาชนทุกคนที่มาตรวจต้องได้รับบริการโดยไม่มีการตัดคิวหรือยุติปฏิบัติการ เพราะ ATK หมด และเพื่อการควบคุมโรคที่ดีที่สุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มิเช่นนั้นก็จะลุกลามไป ทั่วประเทศ โดยใช้ ATK ตรวจผู้มารับการตรวจไปทั้งสิ้น 141,516 ราย
2. ต่อข้อกล่าวหาที่ว่า ข้าพเจ้าเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทเอกชน
ข้าพเจ้าขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ปฏิบัติการแพทย์ชนบทบุกกรุงทั้ง 3 ครั้งนั้น โรงพยาบาลที่ร่วมปฏิบัติการได้ตกลงกันว่า เพื่อความแม่นยำในเรื่องผลการตรวจคัดกรองเชื้อโควิด จะใช้ ATK ที่เป็น medical grade (ไม่ใช่ home use grade) มีมาตรฐานที่ WHO รับรอง และบริษัทผู้ขายต้องยอมรับเงื่อนไข คือ หากมีผู้รับบริการมาก ทำให้ ATK ที่สั่งไปไม่พอใช้ บริษัทต้องสามารถส่ง ATK ให้ได้ในทันทีที่มีการสั่งซื้อเพิ่มเติม และมีเงื่อนเวลาในการให้เครดิตการชำระเงินใน 180 วัน
ข้าพเจ้าจึงได้ดำเนินการจัดหาบริษัทที่สามารถ ดำเนินการได้ตามเงื่อนไข และบริษัท นำวิวัฒน์การช่าง (1992) จำกัด รับเงื่อนไขดังกล่าวได้ จึงมีการต่อรองราคาจนได้ราคาที่ชิ้นละ 230 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาท้องตลาดในขณะนั้นที่ขายอยู่ที่ชิ้นละ 350 บาท ( และอัตราการจ่ายชดเชยการตรวจ ATK ของ สปสช. อยู่ที่ครั้งละ 450 บาท) โรงพยาบาลจะนะจึงดำเนินการ จัดซื้อจัดจ้างอย่างเฉพาะเจาะจงในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีวิกฤตการระบาดของโรคโควิด เป็นราย order ไป
เมื่อ ATK ไม่พอใช้ ข้าพเจ้าก็ได้สั่งซื้อเพิ่ม และทางบริษัทก็สามารถส่งของได้ในทันที รวมมีการสั่งซื้อทั้งสิ้น 5 ครั้ง และต่อมาในภายหลัง จึงมีการดำเนินการทางเอกสารเพื่อประกอบการเบิกจ่ายตามระเบียบพัสดุฯต่อไป การจัดซื้อกับบริษัท นำวิวัฒน์การช่าง(1992) จำกัด จึงไม่ได้เป็นการจัดซื้อจัดจ้างที่เอื้อประโยชน์ต่อเอกชนแต่อย่างใด
3. ต่อข้อกล่าวหาที่ว่า ข้าพเจ้าแบ่งซื้อแบ่งจ้าง
ข้าพเจ้าขอชี้แจงว่า การแบ่งซื้อแบ่งจ้างนั้น จะเกิดขึ้นเมื่อ เจ้าของงบประมาณทราบจำนวนยอด ATK และงบประมาณที่ต้องการใช้ทั้งหมด แล้วเจตนาแบ่งซื้อเพื่อให้ยอดการสั่งซื้ออยู่ในอำนาจการสั่งซื้อหรืออำนาจการจ่ายงบประมาณที่หน่วยงานมีอำนาจ อันนี้คือการแบ่งซื้อแบ่งจ้าง
ในการจัดซื้อจัดจ้างครั้งนี้ โรงพยาบาลจะนะที่ได้ออกไปร่วมปฏิบัติการตรวจ ATK ให้กับประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นั้นไม่สามารถประมาณการยอดผู้มารับบริการได้ และตามแนวทางที่ชมรมแพทย์ชนบท ได้กำหนดกติกาไว้คือ ผู้ที่เดินทางมาถึงหน่วยแพทย์ทุกคนจะได้รับการตรวจจนหมดจึงปิดหน่วยกลับมา พักผ่อนในวันนั้น
รุ่งขึ้นก็ปฏิบัติการใหม่ ทำให้ไม่สามารถรู้ยอดการสั่งซื้อได้ (ต่างจากหน่วยของหน่วยงานอื่นที่ รับตรวจวันละ 300 ราย เมื่อครบก็ปิดบัตรตัดคิว ซึ่งจะสามารถทราบยอดจัดซื้อได้) โรงพยาบาลจะนะได้ดำเนินการสั่งซื้อไปตามอำนาจตามวงเงินในอำนาจของผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน คือไม่เกิน 2 ล้านบาท ซึ่งในปฏิบัติการแพทย์ชนบทบุกกรุงครั้งแรกในวันที่ 13-15 กรกฎาคม 2564 นั้น การจัดซื้อตามวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาทนั้นเพียงพอต่อการใช้งาน
ปฏิบัติการแพทย์ชนบทบุกกรุงครั้ง 2 ในวันที่ 21-23 กรกฎาคม 2564 นั้น การจัดซื้อตามวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาทนั้นก็เพียงพอต่อการใช้งาน แต่การปฏิบัติการแพทย์ชนบท บุกกรุงครั้งที่ 3 ในวันที่ 4-10 สิงหาคม 2564 นั้น การจัดซื้อตามวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาทที่คาดว่าจะเพียงพอต่อการใช้งานนั้น ไม่เพียงพอเพราะผู้มารับบริการมีจำนวนมาก
จึงต้องมีการสั่งซื้อเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งก็คาดว่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน แต่เมื่อมีผู้มารับบริการมากกว่าที่คาดคิด ทำให้ ATK ก็ยังมีไม่เพียงพออีก จึงต้องสั่งซื้อเป็นครั้งที่ 3 ทั้งนี้การสั่งซื้อทั้ง 5 ครั้ง จึงเป็นการซื้อเป็นครั้งๆไป ตามสถานการณ์หน้างาน ไม่อาจคาดคะเนจำนวนได้ล่วงหน้า ไม่ใช่การแบ่งซื้อแบ่งจ้างแต่อย่างใด
เมื่อข้าพเจ้าจัดซื้อตามอำนาจในวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท การรายงานขอความเห็นชอบต่อหัวหน้าหน่วยงานของรัฐจึงหมายถึงการที่งานเทคนิคการแพทย์รายงานการจัดซื้อต่อข้าพเจ้าซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยงาน ซึ่งได้มีการรายงานต่อข้าพเจ้าในทันที ไม่ได้มีความล่าช้าในการขอความเห็นชอบแต่อย่างใด
4. ต่อข้อกล่าวหาว่า ข้าพเจ้าทำให้ทางราชการได้รับความเสียหายร้ายแรง
ข้าพเจ้าขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ข้าพเจ้าไม่ได้ทำให้ราชการเสียหาย เนื่องจากมีความจำเป็นต้องใช้พัสดุนั้นโดยฉุกเฉินเนื่องจากเกิดอุบัติภัยหรือภัยธรรมชาติหรือเกิดโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อและการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีประกาศเชิญชวนทั่วไปหรือวิธีคัดเลือกอาจก่อให้เกิดความล่าช้าและอาจทำให้เกิด ความเสียหายอย่างร้ายแรง จึงได้ดำเนินการจัดซื้อด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง ตามระเบียบ 2 ประการคือ
พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๕๖ (๒) (ง) ในกรณี ที่มีความจำเป็นต้องใช้พัสดุนั้นโดยฉุกเฉิน เนื่องจากเกิดอุบัติภัยหรือภัยธรรมชาติ หรือเกิดโรคติดต่ออันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ และการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีประกาศเชิญชวนทั่วไป หรือวิธีคัดเลือกอาจก่อให้เกิดความล่าช้าและอาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง
และตามหนังสือคณะกรรมการวินิจฉัย ปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง ที่ กค(กวจ) ๐๔๐๕.๒/ว ๑๑๕ ลงวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๓ เรื่อง การดำเนินการกรณีจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา หรืออุปกรณ์การแพทย์ หรือการจัดจ้าง เพื่อให้ได้มาซึ่งพัสดุสาหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือโรคโควิด ๑๙ (Coronavirus Disease ๒๐๑๙ (COVID-๑๙))
อีกทั้งข้าพเจ้าไม่ได้ทำให้โรงพยาบาลจะนะเสียหาย เพราะเมื่อกลับมาจากปฏิบัติการ ทางโรงพยาบาลจะนะได้ดำเนินการเบิกเงินชดเชยคืนกับ สปสช. โดยโรงพยาบาลจะนะที่มีการจัดซื้อชุดตรวจโควิดไป ๔๒,๘๕๔ ชิ้น สามารถเบิกงบชดเชยจาก สปสช. มาในจำนวน 39,211 ราย (ที่เหลือที่ไม่สามารถเบิกคืนจาก สปสช.ได้ เนื่องจากไม่ใช่คนไทย)
สปสช.ได้โอนเงินชดเชยเข้าบัญชีเงินบำรุงโรงพยาบาลจะนะจำนวน 17,644,950 บาท ต้นทุนค่าชุดตรวจ ATK จัดซื้อไปเป็นเงินทั้งหมด 9,856,420 บาท ทำให้โรงพยาบาลจะนะมีรายได้ จากการเรียกเก็บหลังหักจากต้นทุนเป็นเงิน 7,788,530 บาท งบประมาณทุกบาททุกสตางค์ที่ สปสช.จ่าย ชดเชยให้นั้น เข้าบัญชีเงินบำรุงโรงพยาบาลจะนะทั้งหมด ไม่ได้เข้าบัญชีส่วนตัวของใครหรือของชมรมแพทย์ชนบทแต่อย่างใด
ในปฏิบัติการทั้ง 3 ครั้ง ข้าพเจ้าและทีมแพทย์ชนบทยังได้รับคำชมเชยทั้งจากนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รับคำขอบคุณจากกรุงเทพมหานคร ได้รับรางวัลจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ตามเอกสารอ้างอิงที่เคยอ้างถึงแล้ว) ดังนี้
วันที่ 8 สิงหาคม 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์ เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงเยี่ยมปฏิบัติการแพทย์ชนบทบุกกรุง โดยนายอนุทิน ได้ ขอบคุณทั้งแพทย์ชนบท ข้าพเจ้า รวมไปถึงอาสาสมัครกลุ่มต่างๆ ที่ลงมาช่วยกรุงเทพมหานคร
วัน 8 สิงหาคม 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจาสานักนายกรัฐมนตี เปิดเผยว่า “พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชื่นชมทีมแพทย์ชนบทจากทั่วประเทศ ที่เสียสละและอุทิศตนของทีม แพทย์ชนบทที่เข้ามาสนับสนุนการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 พื้นที่กรุงเทพมหานคร”
วันที่ 11 สิงหาคม 2564 นายแพทย์ชวินทร์ ศิรินาค รองปลัดกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวขอบคุณ และมอบของที่ระลึกให้แก่ทีมแพทย์ชนบท นำโดยข้าพเจ้าที่ได้ร่วมปฏิบัติการตรวจค้นหาผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อโควิด-19 เชิงรุกในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร
วันที่ 2 ตุลาคม 2565 กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มอบรางวัลประกาศ เกียรติคุณให้กับชมรมแพทย์ชนบท ในโอกาสที่จัดงาน 20ปี กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กรณีแพทย์ชนบทบุกกรุงถึง 3 รอบ มาคัดกรองตรวจ ATK เน้นบุกตรวจถึงในชุมชนแออัด
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า ข้าพเจ้าไม่ได้ทำให้ราชการเสียหายแต่อย่างใด
5. สรุป
การที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย มาตรวจสอบเอกสาร ย้อนหลัง แล้วตีความว่า ทำไมไม่ซื้อ ATK รวบไปในครั้งเดียวกัน และทำไมเมื่อทาง บริษัท นำวิวัฒน์การช่าง (1992) จำกัด จัดทำเอกสารใบเสนอราคาและใบส่งของมาในภายหลัง ข้าพเจ้าไม่รวบรวมทั้ง 5 บิล ทำ เอกสารการจัดซื้อจัดจ้างส่งไปให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลงนาม
คำถามดังกล่าว เกิดจากการที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย มาดูข้อมูลย้อนหลัง เห็นการสั่งซื้อ 5 ครั้ง จึงกล่าวหาว่าข้าพเจ้ารู้ยอดการจัดซื้อทั้งหมดและได้แบ่งซื้อแบ่งจ้าง เป็น 5 ครั้ง แต่ในสถานการณ์จริง ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ข้าพเจ้าและทีมงานไม่อาจรับรู้อนาคตได้ว่า ATK ที่ ประมาณไปนั้นจะไม่พอ เพราะมีโรงพยาบาลอื่นร่วมจัดซื้อด้วย และไม่มีการจำกัดจำนวนผู้รับบริการต่อวัน
เมื่อ ATK ไม่พอใช้ หน้างานยังมีภารกิจ ประชาชนยังรอคิวรับการตรวจคัดกรองโควิดด้วยความหวัง ข้าพเจ้าก็ ต้องสั่งซื้อเพิ่มเพื่อให้มี ATK พอใช้งาน การที่คณะกรรมการฯมามองย้อนหลังแล้วกล่าวหาข้าพเจ้าแบ่งซื้อแบ่งจ้าง จึงไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ในขั้นตอนทางธุรการ เมื่อทางบริษัท นำวิวัฒน์การช่าง (1992) จำกัด ได้ดำเนินการทางเอกสารใบแจ้งหนี้ เมื่อมีการสั่งซื้อไป 5 ครั้ง ทางบริษัทก็ตรงไปตรงมาออกใบแจ้งหนี้มา 5 ใบ ตามจำนวนและมูลค่าที่ข้าพเจ้าได้ดำเนินการสั่งซื้อจริง เมื่อข้าพเจ้าได้รับใบแจ้งหนี้มา ข้าพเจ้าและเจ้าหน้าที่ พัสดุและเจ้าหน้าที่การเงินก็ได้ดำเนินการจัดทำหลักฐานการจัดซื้อจัดจ้างและตรวจรับรวมทั้งการจ่ายเงินตาม ใบแจ้งหนี้นั้นจำนวน 5 ครั้งอย่างตรงไปตรงมา
ทั้งนี้ ปกติทุกโรงพยาบาลก็มีแนวปฏิบัติต่อการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา ที่ไม่ต่างกันกับกรณีนี้ ยกตัวอย่างเช่น การจัดซื้อยาฉีด insulin สำหรับผู้ป่วยเบาหวานซึ่งมีมูลค่าสูง ซึ่งในแผนจัดซื้อได้มีการ ประมาณการยอดรวมการจัดซื้อทั้งปี ซึ่งยอดรวมของงบประมาณทั้งปีอาจจะเกินวงเงินในอำนาจของ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล
แต่ทุกโรงพยาบาลก็ไม่มีใครสั่งซื้อยาครั้งเดียวทั้งปี แต่จะทยอยซื้อตามความจำเป็น 2-3 เดือนต่อครั้ง ซึ่งมักจะอยู่ในวงเงินอำนาจการจัดซื้อจัดจ้างของผู้อำนวยการโรงพยาบาล เช่นนี้ก็ไม่เคยถูก ตีความว่าเป็นการแบ่งซื้อแบ่งจ้างแต่อย่างใด และไม่เคยถูกมองว่าทำให้ราชการเสียหายแต่อย่างใด
ในทางกลับกัน การสั่งซื้อยอดใหญ่เต็มยอดตามแผนการจัดซื้อทั้งปีมาเก็บไว้ในคลังเวชภัณฑ์ กลับทำให้รัฐเสียหายมากกว่า เพราะเสี่ยงต่อปริมาณยาเหลือจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ยาเสื่อมอายุ ยาหมดอายุ เปลี่ยน guideline การรักษา หรือเป็นภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษายาในคลัง จึงทำให้โรงพยาบาลทุกแห่งจะทยอย จัดซื้อตามสถานการณ์ โดยไม่ได้จัดซื้อปีละ 1 ครั้งตามแผน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดให้ความเป็นธรรมแก่ข้าพเจ้า จะเป็นพระคุณ ด้วยความเคารพนับถือ
(นายสุภัทร ฮาสุวรรณกิจ)
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย
อย่างไรก็ตาม ผลการสอบสวนยังไม่ถึงที่สิ้นสุด เพราะหากกรรมการสอบสวนทางวินัยมีมติลงโทษให้ออกจากราชการ กรรมการฯ จะต้องรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งต่อไปยังคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน กระทรวงสาธารณสุข (อ.ก.พ.สธ.) เพื่อพิจารณาว่าเห็นด้วยหรือไม่ หากเห็นด้วยก็มีคำสั่งให้ออกจากราชการ ซึ่งนพ.สุภัทร ก็ยังสามารถร้องขอความเป็นธรรม และอุทธรณ์ตามระบบราชการต่อไป
รวมถึงการร้องขอความเป็นธรรมไปยังนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องจับตามองว่า เจ้ากระทรวงสาธารณสุขจะขยับตัวหรือมีความคิดเห็นเช่นไร เมื่อผลการตัดสินครั้งนี้ ถูกอ้างอิงว่าเป็น “ธง” ของนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขคนปัจจุบัน ที่กำลังจะเกษียณในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
กรณีนี้เหมือน “ไม่ซับซ้อน” แต่ก็มี “เงื่อนงำ” ที่ยังต้องคลายข้อสงสัยให้กับสังคม …
ที่มา : ilaw และ facebook : Supat Hasuwannakit