โหวตผ่านฉลุยงบสภา โดนหั่นแค่ 880 ล้าน ไอติม จี้นำคำของบเผยแพร่สาธารณะ
ที่ประชุมสภา โหวตผ่านฉลุยงบรัฐสภา ตัดแค่ 880 ล้าน ปชน. ขอตัดค่าอาหารสส.-สว. นำไปจัดสรรให้จนท.ผู้ปฏิบัติงาน ไอติม หวังนำคำของบเผยแพร่สาธารณะ เป็นบรรทัดฐานป้องภาษีประชาชน
เมื่อเวลา 17.10 น. วันที่ 15 ส.ค.2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วาระ 2-3 เป็นวันที่สาม โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบในมาตรา 29 รัฐวิสาหกิจ และเข้าสู่มาตรา 30 หน่วยงานของรัฐสภา
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้กมธ.งบประมาณ ปรับลดงบประมาณในส่วนของหน่วยงานรัฐสภาไป 880 ล้านบาท โดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรถูกปรับลดงบประมาณไปมากที่สุด ซึ่งมีหลายโครงการที่กมธ. ตัดงบประมาณไปทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ เช่น โครงการปรับปรุงศาลาแก้ว จำนวน 123 ล้านบาท โครงการปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ 118 ล้านบาท
ขณะเดียวกันมีการปรับลดงบประมาณบางโครงการได้แค่บางส่วน เช่น โครงการห้องบรรยายใหญ่และระบบภาพยนตร์ 4D ที่กมธ. ปรับลดงบประมาณได้ 70 เปอร์เซ็นต์ โดยเป็นการตัดระบบ 4D ออก ทำให้ประหยัดงบประมาณที่เป็นภาษีของประชาชนไปได้ 126 ล้านบาท โครงการจัดซื้อจอ LED ทั้งในและนอกอาคารรัฐสภา ที่กมธ.ปรับลดงบประมาณไปได้ 80 เปอร์เซ็นต์
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ในฐานะกมธ. เสียงข้างน้อย ตนเห็นว่ายังมีงบประมาณอีกหลายด้านที่สามารถปรับลดลงได้มากกว่า เช่น งบประมาณในการเดินทางไปต่างประเทศ การทำแพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่นต่างๆ นออกเหนือจากระบบ LMS (Learning Management System) ที่วุฒิสภาขอมา แล้วเราได้ชะลอไป 1 ปี
หากเราสามารถปรับระบบการทำงานให้ทางสำนักเลขาวุฒิสภากับสำนักเลขาสภาฯ ที่ทำงานในอาคารเดียวกันพัฒนาและตัดสินใจใช้ทรัพยากรร่วมกันมากขึ้น แทนที่จะตั้งงบประมาณแยกกัน รวมถึงสถาบันพระปกเกล้า หากเรากำหนดนโยบายให้สถาบันพระปกเกล้าย้ายมาทำงานในสภาฯ แห่งนี้ได้ ในเมื่องานหลายด้านของสถาบันพระปกเกล้าก็เป็นการทำงานเชื่อมกับงานของสภาฯ
“แม้เราจะไม่สามารถปรับลดงบประมาณได้เยอะเท่าที่ผมเห็นสมควร แต่ยืนยันว่าสิ่งที่กมธ.งบประมาณในปีนี้ร่วมกันปรับลดไป 880 ล้านบาท ถือเป็นความคืบหน้าที่สำคัญ ช่วยกันประหยัดเงินภาษีของประชาชนท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ และช่วยกันส่งสัญญาณว่าสภาฯ พร้อมตรวจสอบตนเอง
หวังว่าการปรับลดงบประมาณในครั้งนี้จะไม่เป็นความสำเร็จแค่ชั่วคราว แต่จะทำให้เราเห็นตรงกันว่างบประมาณของทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวง จะต้องถูกเปิดเผยเร็วขึ้น ละเอียดขึ้น ในรูปแบบที่สามารถนำไปวิเคราะห์ต่อได้ และทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมวิเคราะห์ข้อมูล
เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมาผมและกมธ.พัฒนาการเมืองฯ ได้นำคำของบประมาณออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะ ทำให้ถูกผู้บริหารสภาฯ ก่อนหน้านี้ตำหนิและต่อว่าผมกลางที่ประชุมแห่งนี้ แต่ผมได้แต่หวังว่า 3 เดือนผ่านไปการกระทำที่เราถูกตำหนินั้น จะถูกนำมาทำให้เป็นเรื่องปกติและบรรทัดฐานใหม่ของสภาฯ ในการปกป้องภาษีของประชาชน” นายพริษฐ์ กล่าว
ขณะที่นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายขอปรับลดงบประมาณของรัฐสภาซึ่งพบว่ามีค่าปรับปรุงห้องจัดเลี้ยงโซนซี ที่ถูกปรับลด 21 ล้านบาท ซึ่งตนได้รายละเอียดของแบบก่อสร้าง พบว่างานพื้นรื้อทำใหม่เกือบหมดทั้งที่ยังใช้ได้ โดยราคาปรับปรุง ผนัง 5หมื่นบาทต่อตร.ม. โต๊ะอาหารไม้สักแท้ หน้ากว้าง 5 เมตรสไตล์คลาสสิก 5 ตัว 1.8 ล้านบาท เก้าอี้นั่งรับประทานอาหารสไตล์หลุยส์ พร้อมสลักโลโก้องค์กร 64 ตัว ตัวละ 2.5หมื่นบาท
นอกจากนั้นมีรายการแปลกๆ ที่กล้าขอ ซึ่งไม่ได้รับอนุมัติ แต่ตนหวังว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงงบประมาณอีก แต่ต้องเฝ้าระวัง เช่น ฉากหลังบังลังก์ 113 ล้านบาท เรือตรวจการ 88 ล้านบาท เครื่องทำโอโซน 10 ล้านบาท เครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัย 70 ล้านบาท
ด้านนายสกล สุทรวาณิชย์กิจ สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน อภิปรายว่า ในส่วนของค่าอาหารเลี้ยงรับรองสมาชิกและเจ้าหน้าที่ในวันประชุมพบว่า การประชุมหนึ่งวัน สส.หนึ่งคนจะได้ค่าอาหาร 1,250 บาท ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้รับค่าอาหารเฉพาะแค่มื้อเย็น 130 บาท สำหรับเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจรได้เพิ่มขึ้นมาหน่อย คือ 280 บาท
ขณะที่วุฒิสภา สว.หนึ่งคนจะได้รับ 950 บาท ส่วนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้ 110 บาท คำถามที่เราต้องร่วมกันตอบคือเหตุใดในการจัดสรรงบประมาณระหว่างสองสภานี้ จึงมีความแตกต่างกัน ทั้งที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติเหมือนกัน และเหตุใดเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ที่เป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนการประชุม ได้รับเพียงอาหารกล่องที่มีความแตกต่างกันหลายเท่าตัว
“เชื่อว่าสมาชิกทุกท่านล้วนตำหนักถึงความสำคัญของการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินอย่างคุ้มค่า และเข้าใจถึงสถานการณ์เศรษฐกิจ รวมถึงภัยความมั่นคงชายแดน ที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่ปัจจุบัน ในสถานะสมาชิกรัฐสภา เราควรแสดงสปิริตช่วยชาติ ช่วยแผ่นดิน ด้วยการตัดลดงบประมาณที่ฟุ่มเฟือยลง
จึงขอเสนอให้ปรับลดในส่วนของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 15 เปอร์เซ็นต์ และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา 25 เปอร์เซ็นต์ รวมกว่า 12 ล้านบาท เพื่อให้แต่ละสำนักนำงบประมาณคงเหลือไปจัดสรรให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอย่างเท่าเทียมกัน” นายสกล กล่าว
นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายว่า ตนขอตัดงบรัฐสภา 50 ล้านบาท ในส่วนของค่าอาหาร ทั้งนี้สส. ได้รับงบประมาณค่าอาหาร 1,000 บาทต่อวัน แต่พบว่ามีอาหารเหลือและต้องขนกลับบ้าน ทั้งนี้ตนมองว่าควรตัดค่าอาหาร แต่หากตัดไม่ได้ควรลดค่าอาหาร เหลือมื้อเช้ากับมื้อเที่ยง นอกจากนั้นขอเสนอให้จัดทำห้องสูบบุรี่เหมือนสนามบิน
ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะกมธ.เสียงข้างมาก กล่าวว่า ตนเป็นสว.มา 3 ปี รัฐธรรมนูญปัจจุบันมาตรา 120 บอกว่าการประชุมสภาผู้แทนราษฎรและการประชุมวุฒิสภาต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ จึงจะเป็นองค์ประชุม โดยคำว่าองค์ประชุมไม่ได้หมายถึงขั้นตอนการกดออดเรียกมาลงมติแต่พูดถึงขณะที่กำลังพิจารณาแต่ละมาตรา
“ก่อนลงมติอภิปรายสงวนความเห็นผู้แปรญัตติท่านก็จะกดออด พอกดออดเสร็จ สมาชิกฝ่ายรัฐบาลบ้างหรือฝ่ายค้านบ้างก็จะบอกว่าท่านครับรอหน่อย ตรงนี้ประชุมกรรมาธิการอยู่ หรืออยู่ในห้องอาหาร หรือกำลังพักผ่อน นั่นคือหลักฐานที่บอกว่าองค์ประชุมขณะพิจารณากฎหมายไม่ครบ ท่านถึงรอ” นายเรืองไกร กล่าว
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า กระบวนการตรากฎหมายตรงนี้เกิดปัญหาไปแล้ว เราดำเนินกระบวนการพิจารณามาในหลายมาตราโดยไม่ชอบ ควรจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญไปวินิจฉัยเพื่อลงมติกันใหม่หรือไม่ เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 ที่นายกรัฐมนตรีเซ็นเข้ามายังไม่ครบ 105 วัน ยังแก้ไขได้ แต่หากปล่อยเลยไปตนอาจจะหยิบมาตรฐานทางจริยธรรมขึ้นมาและจำเป็นจะต้องถามว่า พวกท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญตามที่ได้ปฏิญาณกันหรือไม่
จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างมาก
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : โหวตผ่านฉลุยงบสภา โดนหั่นแค่ 880 ล้าน ไอติม จี้นำคำของบเผยแพร่สาธารณะ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th