โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“จีน-อาเซียน” คู่ค้ารายใหญ่กันและกัน เส้นทางรถไฟหนุน

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ข้อมูลจากสำนักงานศุลกากรจีน ระบุว่า ในปี 2567 อาเซียนและจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกันและกันต่อเนื่องกัน 5 ปี โดยมีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 982,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.8% นับเป็นการเติบโตต่อเนื่องกัน 9 ปี และคิดเป็นสัดส่วน 15.9% ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดของจีน

ในจำนวนดังกล่าว จีนนำเข้าจากอาเซียนมีมูลค่าเกือบ 4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2% และจีนส่งออกไปอาเซียนมีมูลค่าเกือบ 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12%

นกลุ่มประเทศอาเซียนคู่ค้า 5 อันดับแรกของจีน ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย และสิงคโปร์

สินค้าต่างประเทศหลากหลายประเภทมีช่องทางเข้าไปในตลาดจีนมากขึ้นโดยเฉพาะพื้นที่ในจีนตอนใน อาทิ ทุเรียนของไทยและกล้วยของลาวที่ส่งเข้าตลาดจีนผ่านเส้นทางรถไฟจีน – ลาว

สำหรับในปีนี้ สำนักงานศุลกากรแห่งชาติของจีนรายงานว่า ปริมาณการค้าระหว่างจีนกับกลุ่มประเทศอาเซียน ในช่วงเดือนม.ค.-ก.ค. ปีนี้ เพิ่มขึ้น 8.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีมูลค่ารวม 597,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ข้อมูลระบุว่าการส่งออกของจีนไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียนเพิ่มขึ้น 13.5% คิดเป็นมูลค่า 377,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่การนำเข้าจากอาเซียนเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% โดยมีมูลค่า 220,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้จีนมีดุลการค้าเกินดุลกับอาเซียนอยู่ที่ 157,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 40.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567

ในบรรดาประเทศสมาชิกอาเซียน "เวียดนาม" ยังคงเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของจีน โดยในช่วง7เดือนที่ผ่านมา มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศสูงถึง 161,000 ล้านเหรียญสหรัฐสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 11% การส่งออกของจีนไปเวียดนามเพิ่มขึ้น 21% เป็น 110,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่การนำเข้าจากเวียดนามลดลง 5% หรือกว่า 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

รองลงมาคือ "มาเลเซีย" ด้วยมูลค่าการค้ากับจีนที่ 116,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

"ไทย" ตามมาเป็นอันดับสามที่ 89,400 ล้านเหรียญสหรัฐอาเซียนเป็นหนึ่งในคู่ค้าต่างประเทศที่สำคัญของจีน นอกเหนือจากสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย

ในปี 2566 การค้าของจีนกับอาเซียนลดลง 4.9% แต่ฟื้นตัวในปี 2567 โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 แตะระดับ 982,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกเหนือจากเวียดนามเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของจีนในกลุ่มประเทศอาเซียนแล้ว เส้นทางการขนส่งสินค้าทางรถไฟระหว่างประเทศจีนและเวียดนามที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อการส่งเสริมการค้าระหว่างจีน เวียดนาม และอาเซียนขยายตัวมากขึ้น

พบว่า การขนส่งข้ามพรมแดนผ่านเขตปกครองตนเองกว่างซี ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เพียงเส้นทางเดียว สามารถขนส่งตู้คอนเทนเนอร์สินค้าส่งออกได้มากถึง 18,870 ตู้ เพิ่มขึ้นถึง 283% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการเติบโตที่โดดเด่นมาก

สินค้าหลักที่มีการส่งออกผ่านระบบรางรถไฟสำคัญ ได้แก่ ชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 100% และแผ่นไม้สังเคราะห์ที่ผลิตจากเส้นใยไม้ขนาดเล็ก (MDF)เพิ่มขึ้น 398%

สินค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากมณฑลเจียงซู กวางตุ้ง และพื้นที่อื่น ๆ โดยมีการลำเลียงมายังท่าเรือนานาชาติหนานหนิง ก่อนถ่ายโอนสู่เวียดนามผ่านขบวนรถไฟระหว่างประเทศ ซึ่งกำลังกลายเป็นจุดเติบโตใหม่ของระบบขนส่งทางราง และสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการขยายตัวของโครงข่ายโลจิสติกส์

เพื่อรองรับความต้องการขนส่งที่เพิ่มขึ้น การรถไฟหนานหนิง (Nanning Bureau) ได้ร่วมมือกับการรถไฟเวียดนาม (Vietnam Railways) ปรับเพิ่มสมรรถนะของระบบขนส่ง โดยเพิ่มความสามารถลากจูงของขบวนรถไฟจาก 1,000 ตันเป็น 1,300 ตันต่อขบวน หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 30%

พร้อมทั้งเพิ่มความถี่ของขบวนรถไฟเส้นทางประจำระหว่างจีน-เวียดนามจาก 5 เที่ยวต่อสัปดาห์เป็น 14 เที่ยวต่อสัปดาห์ หรือเกือบ 3 เท่า ซึ่งช่วยให้การเดินทางจากหนานหนิงมายังสถานีเยนเวียนในเวียดนามใช้เวลาสูงสุดเพียง 14 ชั่วโมงเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงกระบวนการให้บริการ โดยนำระบบวางแผน – ชั่งน้ำหนัก – ออกตั๋ว แบบครบวงจรมาใช้ ซึ่งสามารถลดระยะเวลาการดำเนินการคำสั่งซื้อระหว่างประเทศให้เหลือไม่ถึง 5 นาที ส่งผลให้การให้บริการมีความรวดเร็ว สะดวก และตรงเวลามากยิ่งขึ้น

ระบบขนส่งทางรถไฟเวียดนาม-จีนที่มีประสิทธิภาพดังกล่าว ช่วยให้ผู้ประกอบการในภูมิภาคสามารถขยายตลาดไปยังระดับสากลได้ง่ายขึ้น และดึงดูดลูกค้าให้หันมาใช้การขนส่งทางรางมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปัจจุบัน สินค้าส่งออกจากกว่างซีผ่านขบวนรถไฟระหว่างประเทศมีมากกว่า 380 ประเภท ครอบคลุมแหล่งสินค้าจาก 25 มณฑลและเมืองทั่วจีน โดยเส้นทางการขนส่งได้ขยายครอบคลุมถึงเวียดนาม ลาว ไทย และประเทศอาเซียนอื่น ๆ ส่งผลให้เกิดเครือข่ายทางด่วนการค้าที่เชื่อมโยงจีนกับอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรมและมีพลวัตมากขึ้น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและเวียดนามมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านการค้าข้ามพรมแดน ซึ่งเติบโตอย่างมั่นคงท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

ข้อมูลในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 ระบุว่ามูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศสูงถึง 88,359 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความใกล้ชิดทางเศรษฐกิจและการเสริมสร้างความเชื่อมโยงในระดับภูมิภาค

ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ คือระบบการขนส่งทางรางที่มีความปลอดภัย ตรงต่อเวลา และประหยัดต้นทุน โดยเฉพาะเครือข่ายรถไฟระหว่างประเทศที่เชื่อมต่อระหว่างเวียดนามและจีนผ่านศูนย์กลางหลักคือเมืองหนานหนิง เขตปกครองตนเองกวางสีจ้วง ซึ่งทำหน้าที่เป็นประตูโลจิสติกส์สู่ภูมิภาคอาเซียน

การพัฒนาระบบขนส่งทางรถไฟระหว่างเวียดนาม จีน มีความก้าวหน้าอย่างชัดเจน โดยสามารถขนส่งมากขึ้นและยังมีการปรับเพิ่มความถี่ของการเดินรถจาก 5 เที่ยวต่อสัปดาห์เป็น 14 เที่ยวต่อสัปดาห์ ช่วยลดระยะเวลาขนส่งจากหนานหนิงไปยังสถานีเยนเวียนในกรุงฮานอยให้เหลือไม่เกิน 14 ชั่วโมง ซึ่งไม่เพียงช่วยเร่งกระบวนการโลจิสติกส์ แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนส่งออกได้อย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ หนานหนิงยังได้พัฒนาระบบบริการแบบเบ็ดเสร็จ (One-stop Service) ครอบคลุมการวางแผน ชั่งน้ำหนัก และออกเอกสารภายในเวลาไม่เกิน 5 นาที เพิ่มความสะดวกในการดำเนินพิธีการศุลกากร และลดต้นทุนด้านเวลาให้แก่ผู้ส่งออก

การพัฒนาดังกล่าวไม่เพียงอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการจีน แต่ยังเปิดโอกาสให้เวียดนามใช้ประโยชน์ในการส่งออกสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผลไม้สด เช่น แก้วมังกร มะม่วง และทุเรียน ผ่านระบบ รถไฟด่วนที่สามารถขนส่งถึงมือลูกค้าในจีนภายใน 48 ชั่วโมง ช่วยรักษาคุณภาพของผลผลิตและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดจีนอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ปริมาณคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 150 นอกจากนี้ สินค้ากลุ่มอื่น ๆ อย่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และวัสดุก่อสร้างก็ได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของเครือข่ายขนส่งทางรางเช่นกัน ทำให้เวียดนามกลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญของภูมิภาค ทั้งในด้านการกระจายสินค้าเข้าสู่ตลาดจีน และเชื่อมโยงต่อไปยังประเทศในอาเซียน

แนวโน้มการเติบโตของรถไฟข้ามพรมแดนเวียดนาม–จีนจึงไม่ใช่เพียงการขยายตัวด้านปริมาณ แต่ยังเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาคอาเซียน ที่เน้นความรวดเร็ว ประสิทธิภาพ และการเชื่อมโยงไร้รอยต่อ ผู้ประกอบการไทยควรติดตามพัฒนาการเหล่านี้อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมในการวางกลยุทธ์ทางการค้าเพื่อใช้ประโยชน์จากเส้นทางโลจิสติกส์ใหม่ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่จีนเดินหน้าขยายบทบาทสู่ตลาดอาเซียนผ่านเครือข่ายขนส่งทางราง ซึ่งอาจกลายเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคในระยะยาว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

กรมการแพทย์แผนไทยฯ เผยสถิติร้านจำหน่ายกัญชาทั่วประเทศ หลายแห่งยังทำผิดเงื่อนไข

7 นาทีที่แล้ว

เมื่อนาซาวางแผนสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์บนดวงจันทร์ท่ามกลางการแข่งขันด้านอวกาศครั้งใหม่

27 นาทีที่แล้ว

"โลจิสติกส์" ไทยเติบโตพุ่ง 9 แสนล้านบาท

28 นาทีที่แล้ว

ประวัติ "บาส" สราวุท ผลาพฤกษ์ นักฟุตซอลทีมชาติไทย

48 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

ผ่านแค่เดือนเดียว บิทคอยน์สปีดนิวไฮ แตะ 124,000 ดอลลาร์ | คุยกับบัญชา | 15 ส.ค. 68

BTimes

ทำไม “จีน” ยังแก้วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ไม่สำเร็จ?

การเงินธนาคาร

MEYER บุกตลาดเครื่องครัว 3.5 หมื่นล้าน ลุ้นปั้นยอดขายปีนี้โต15%

Khaosod

ACE เปิดงบ Q2/68 โต 4.5% จากปีที่แล้ว

การเงินธนาคาร

"โลจิสติกส์" ไทยเติบโตพุ่ง 9 แสนล้านบาท

TNN ช่อง16

DITTO ครึ่งปีแรกกำไร 314 ล้านบาท โต 37 % ปันผล 0.25 บาท

การเงินธนาคาร

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยอานิสงส์ปรับโครงสร้างหนี้สินเชื่อธุรกิจช่วยยืดปัญหาออกไป

ฐานเศรษฐกิจ

ศูนย์วิจัยกสิกร ชี้ กนง. หั่นดบ. ช่วยลดภาระลูกหนี้ 2 กลุ่ม แต่ไม่แก้ปัญหาแท้จริง แนะรัฐ ต้องทำให้ศก.เอื้ออำนวย

MATICHON ONLINE

ข่าวและบทความยอดนิยม

"สินค้าเวียดนาม" แทนที่ไทยในตลาดกัมพูชา

TNN ช่อง16

ปูตินเผย รัสเซียอาจบรรลุข้อตกลงควบคุมอาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ

TNN ช่อง16

โมดี สู้ศึก "ภาษีทรัมป์" ด้วยชาตินิยม ปลุกกระแส "Make in India" หลังถูกขึ้นภาษีพุ่ง 50%

TNN ช่อง16
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...