‘เอ็กซิมแบงก์’ ’โชว์ผลงานQ2/68 ปล่อยกู้ใหม่2.8หมื่นล. กำไรโต263%
‘เอ็กซิมแบงก์’ กางผลงานไตรมาส 2/68 ปล่อยกู้ใหม่ 2.8 หมื่นล้านบาท หนี้เสียอยู่ที่ 6.54 พันล้านบาท พร้อมโชว์กำไรสุทธิ 663 ล้านบาท โตแรง 263% ลุยอัด 1 หมื่นล้านบาท เข็นมาตรการช่วยผู้ประกอบการไทยรองรับผลกระทบภาษีทรัมป์
8 ส.ค. 2568 - นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ เปิดเผยผลการดำเนินงาน ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2568 ว่า ธนาคารมีวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ 28,033 ล้านบาท และสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพัน 189,780 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 4.57% ในจำนวนนี้ เป็นสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันเพื่อการลงทุน 140,137 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 73.84% ของสินเชื่อรวมทั้งหมด โดยเป็นสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันในโครงการระหว่างประเทศ 42,313 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันในกลุ่มประเทศ CLMV และตลาดใหม่ (New Frontiers) ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง 36,436 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันเพื่อความยั่งยืน 81,879 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 43.14% ของสินเชื่อรวมทั้งหมด
นอกจากนี้ เอ็กซิมแบงก์มีปริมาณธุรกิจสะสมบริการประกันการส่งออกและการลงทุน อยู่ที่ 107,901 ล้านบาท มีลูกค้ารวม 5,150 ราย ในจำนวนนี้เป็นลูกค้าเอสเอ็มอีถึง 79.09% ขณะเดียวกัน EXIM Export Studio ยังเดินหน้าเติมความรู้และเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ ผ่านการอบรมบ่มเพาะ กิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจและสร้างเครือข่าย รวมมีผู้เข้าร่วมถึง 23,675 ราย ให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ตอกย้ำบทบาทพันธมิตรที่อยู่เคียงข้างเอสเอ็มอีไทยในการก้าวเข้าสู่เวทีการค้าโลก
สำหรับการบริหารจัดการทางการเงินเพื่อความยั่งยืน ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2568 เอ็กซิมแบงก์มีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) 6,541 ล้านบาท คิดเป็น NPL Ratio ที่ 3.66% และมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) 17,607 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง คิดเป็นอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) 269.18% เพิ่มเกราะป้องกันความเสี่ยงที่สูงขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่เข้าสู่ภาวะถดถอย ส่งผลให้ธนาคารมีกำไรสุทธิ 663 ล้านบาท สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 263%
อย่างไรก็ดี เอ็กซิมแบงก์ยังได้ออกมาตรการเชิงรุกเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการไทย เพื่อรองรับผลกระทบจากมาตรการภาษีแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐฯ วงเงินกว่า 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วย การให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนและเสริมสภาพคล่อง วงเงินรวม 4,000 ล้านบาท และมาตรการสนับสนุนการหาตลาดใหม่ วงเงินรวม 6,000 ล้านบาท อาทิ สินเชื่อพร้อมประกันการส่งออก (EXIM Safe Trade Credit) และสินเชื่อสนับสนุนผู้ประกอบการตามโครงการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ภายใต้ความร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (EXIM-DITP Empower Financing) สินเชื่อเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต (Transformation Loan) และสินเชื่อเพื่อคงการจ้างงาน ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม