“ไทย-กัมพูชา”เห็นพ้องหยุดยิง
“มทภ.2”เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ลั่นจำเป็นต้องปกป้องอธิปไตย ระบุไม่อยู่ในความคิด “ลอบสังหารผู้นำ” พร้อมคุมเข้มสายลับ BHQ ตำรวจ สภ.ลำดวน หิ้ว “สายลับ” ชาวกัมพูชาส่งศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ฝากขัง “เจ้าตัว” ยอมรับเคยเป็นทหารมาแล้ว 9 เดือน ส่วน “บิ๊กเล็ก” ยกทีมไทยแลนด์ บินประชุม GBC ไทย–กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่มาเลเซีย โดยประชุม GBC ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ ก่อน ลงนามบันทึกผลประชุม หวังคลี่คลายสถานการณ์ชายแดน
เมื่อวันที่ 7 ส.ค.2568 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนลาดตระเวน เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน นำโดยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เพื่อนำไปมอบให้กับทหารแนวหน้า ว่า ในนามของกองทัพบก ผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติโดยตรง ขอบคุณทำความดีเพื่อแผ่นดินเพื่อส่วนรวมของประเทศชาติ อุปกรณ์ที่ได้มอบให้วันนี้เป็นความจำเป็น ซึ่งเราจะเห็นว่าเป็นการรบสมัยใหม่ ไม่มีเวลาที่จะไปจัดซื้อจัดหาตามระบบราชการ ก่อนจะเข้าสู่ระบบงบประมาณต้องใช้เวลานาน พวกเราได้อุปกรณ์เหล่านี้ จากกลุ่มพลังเพื่อแผ่นดิน ยามเฝ้าแผ่นดิน และประชาชนทั่วประเทศ ที่ได้มีส่วนร่วมก็ในการปกป้องประเทศชาติในโอกาสนี้
สำหรับสิ่งของเหล่านี้ตนจะรีบนำไปให้ทหารแนวหน้า ใช้ป้องกันตัวเองลาดตระเวน รักษาเขตแดนประเทศไทย ถือเป็นไม่ใช่เรื่องกองทัพอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของประเทศไทย ถ้าความมั่นคงไม่มี พี่น้องคนไทยก็อยู่ยาก ไม่ใช่เรื่องทหาร แต่เป็นเรื่องของคนไทยทั้งประเทศ ขอบคุณคนไทยที่มีความคิดในแนวทางในลักษณะทำเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน ซึ่งตนจะนำเรื่องนี้ไปบอกเล่าให้ทหารแนวหน้าได้รับทราบ ว่ามีพี่น้องคนไทยที่อยู่แนวหลัง ส่งกำลังใจ และอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นมาให้อย่างต่อเนื่อง จะทุ่นแรงน้องๆ ได้เป็นอย่างดี จากการที่ตนได้เยี่ยมทหารที่หน้าแนวขวัญกำลังใจที่ดี
นอกจากนี้ตนจะได้ประสานงานกับหน่วยในพื้นที่เพื่อสอบถามความต้องการ ในสิ่งที่ขาดแคลน ซึ่งสิ่งที่จำเป็นก็คืออุปกรณ์เทคโนโลยี และเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งเป็นของใช้สิ้นเปลืองในช่วงหน้าฝน
เมื่อถามว่าวันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พล.ท.บุญสิน เชื่อว่าจะดีขึ้นและจะจบด้วยดี
เมื่อถามว่าได้ประเมินท่าทีของกัมพูชาอย่างไรว่าจะทำตามข้อตกลงในการประชุม GBC พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ในความคิดของตนทิศทางน่าจะเป็นไปในทางที่ดี ส่วนการดำเนินการต่อจากนี้ต้องรอให้พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการกระทรวงกลาโหม แถลงผลทั้งหมดก่อน ซึ่งตอนนี้ตนก็รอคำชี้แจงอย่างเป็นเป็นทางการ ในสิ่งที่ได้ไปลงนามกัน
พล.ท.บุญสิน ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก ส่วนเรื่องอื่น ๆ ถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องพูดคุยกัน เช่นการหยุดยิงซึ่งเราก็ได้พูดคุยกันอยู่แล้ว และสถานการณ์ต่อจากนี้ก็ได้เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดิน ไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้
เมื่อถามถึงกรณีกองกำลัง BHQ หรือองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน สายลับของกัมพูชาที่เข้ามาสอดแนมในไทย และมีการจับกุมได้ที่ จ.บุรีรัมย์ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า เราก็ต้องสืบสวนต่อไปตามขั้นตอนว่าข้อเท็จจริงคืออะไร ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ซึ่งทุกพื้นที่ตนไม่ประมาท และได้เรียนผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรหรือ กอ.รมน.จังหวัด ให้มีความตื่นตัวและเฝ้าระวังร่วมกัน
เมื่อถามว่าคนที่สามารถจับกุมได้ที่จังหวัดบุรีรัมย์ยืนยันได้หรือไม่ว่ามาจากกองกำลัง BHQ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า รอการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมยืนยันว่า ทหารหน้าแนวมีขวัญและกำลังใจดีพร้อมปกป้องอธิปไตย เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชน
ทั้งนี้แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้กังวลอะไร หากคุยกันเข้าใจก็ไม่มีอะไร แต่หากคุยกันแล้วไม่เข้าใจก็พร้อมปกป้องอธิปไตยของเราต่อ
ทางพล.อ.ณัฐพล ระบุว่ากัมพูชาได้แสดงความจริงใจในระดับหนึ่ง ส่วนทางทหารได้ประเมินความจริงใจหรือไม่ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ก็ประเมินอยู่แต่เราไม่ประมาท แต่อย่างไรก็ตามเราต้องมีความจริงใจก่อน
ทั้งนี้ พล.ท.บุญสิน ยังกล่าวถึงการที่ทหารไทยวางรั้วลวดหนามใหม่ที่ช่องอานม้า หลังกัมพูชาเข้ามาตัดรั้ว พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า คนกัมพูชาเข้ามาทำคอนเทนท์ เจ้าหน้าที่ก็ได้ให้ออกจากพื้นที่ไป พร้อมวางรั้วลวดหนามใหม่ เพื่อป้องกันฐานที่มั่นของเรา สร้างความเข้มแข็งในพื้นที่ที่เราควบคุมอยู่ ส่วนในอนาคตจะมีกิจกรรมลักษณะนี้อยู่เรื่อย ๆ หรือไม่นั้น มองว่าไม่มีปัญหา เราต้องห้ามอย่างเด็ดขาด แต่ข้อดีคือเขาไม่ได้นำอาวุธขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าทุ่นระเบิดในพื้นที่ยังมีจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ประสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จะต้องประสานกับทางกัมพูชา ในการเก็บกู้
สำหรับกรณีที่ทหารกัมพูชาป่วยหนักเป็นไข้มาลาเรียนั้น ตนได้เห็นจากสื่อของกัมพูชา ซึ่งเป็นหน้าที่แต่ละฝ่ายในการดูแลกำลังพลของตัวเอง ซึ่งฝ่ายไทยก็มีแพทย์สนามในการดูแลอยู่แล้ว โรงพยาบาลอำเภอ ในแต่ละจังหวัดก็พร้อมสนับสนุนซึ่งตอนนี้ทหารไทยยังไม่มีการเจ็บป่วย
ส่วนการเก็บศพของทหารกัมพูชา จากที่ตนลงพื้นที่ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ ยังเห็นอยู่แต่ได้ประสานกับทางกัมพูชาแล้วให้มาเก็บศพไป ซึ่งทางกัมพูชาได้ตอบรับมาแล้ว ยืนยันว่า ฝ่ายกัมพูชาต้องมาเก็บเองเราจะไม่เก็บให้ เพราะกระทบต่อมลภาวะทางอากาศของทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา แต่หากเขาไม่ยอมเก็บเราก็มีมาตรการในการดับกลิ่น
เมื่อถามถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซน โพสต์ข้อความไม่อยากให้ไทยใช้ F-16 ในการปฎิบัติการ และขอร้องนานาชาติไม่ให้ขายเครื่องบินรบให้กับไทย พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของเรา เขาขอไม่ให้ใช้ก็ไม่เป็นไรแต่เราจะใช้เพื่อปกป้องอธิปไตยของเรา ส่วนข่าวการลอบสังหารสมเด็จ ฮุนเซน และฮุนมาเนตนั้น เป็นข่าวที่ออกมาจากสื่อของกัมพูชา เราไม่ได้ปฏิบัติอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้นำตัว นายวิน ดา อายุ 36 ปี สัญชาติกัมพูชา ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ในข้อหาความผิดเบื้องต้นตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน และความผิดฐานเข้าเมืองโดยไม่ถูกต้อง หลังจากที่ถูกจับกุมตัวได้ที่บ้านของภรรยาในพื้นที่บ้านโคกสูง อ.กระสัง เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม
จากการสอบปากคำเบื้องต้น นายวินยอมรับว่าเคยเป็นทหารมาได้ 9 เดือน แต่ปฏิเสธข้อกล่าวหาอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังคงไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากพบหลักฐานและข้อมูลที่น่าสงสัยหลายอย่าง เช่น การโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวที่แสดงการสนับสนุนผู้นำกัมพูชา และการพบโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่องที่มีข้อมูลบางอย่าง รวมถึงการใช้ชื่อที่แตกต่างกันถึง 4 ชื่อ ทั้งชื่อในบัตรประชาชน พาสปอร์ต ชื่อทางทหาร และชื่อที่ทำงาน
พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า จากหลักฐานที่พบมีความเป็นไปได้ที่จะมีการเชื่อมโยงกับหน่วยงานทางทหารในประเทศกัมพูชา แต่ยังต้องใช้เวลาในการสืบสวนอย่างละเอียดเพื่อความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา หากพบความผิดจริงก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายไทยต่อไป
ด้านนางจรีรัตน์ พิรัมย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 เปิดเผยว่า นายวินเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านเกือบ 2 ปีแล้ว เป็นคนมีอัธยาศัยดี และมักร่วมกิจกรรมกีฬากับเยาวชนในหมู่บ้าน ซึ่งส่วนตัวรู้สึกตกใจหลังทราบข่าว
วันเดียวกัน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.สนิธชนก สังขจันท์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.อ. ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ พล.อ.อ.วชิระพล เมืองน้อย เสนาธิการทหารอากาศ และ พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร พล.ต.วีระยุทธ รักษ์ศิลป์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย เดินทางจากกองบิน 6 ดอนเมือง สู่ประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย–กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
ทั้งนี้ในการประชุม ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง โดยทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องแนวทางการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน ซึ่งเป็นแนวทางที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของฝ่ายไทย ร่วมจัดทำกับฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการฯ ฝ่ายกัมพูชา
จากนั้น พล.อ.ณัฐพล และ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ร่วมลงนามบันทึกผลการประชุม ซึ่งมีรายละเอียดตามที่ทั้งสองฝ่ายหารือ และตกลงกันตลอด 3 วันที่ผ่านมา ด้วยความหวังให้สถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชาคลี่คลาย นำมาซึ่งสันติภาพ และการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุกของประชาชนทั้งสองประเทศ รวมถึงไทยสนับสนุนการใช้กลไกทวิภาคี ระหว่างกันในการพูดคุยอย่างมีประสิทธิภาพ