บาทปรับตัวในกรอบจำกัด ตลาดยังรอปัจจัยใหม่
เงินบาทปรับตัวในกรอบจำกัด ตลาดยังรอปัจจัยใหม่ ขณะที่ดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าในกรอบจากการถูกกดดันจากการคาดการณ์เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเดือน ก.ย.นี้
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม 2568 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (7/8) ที่ระดับ 32.35/36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (6/8) ที่ระดับ 32.40/41 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
โดยดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าในกรอบจากการที่ถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเดือน ก.ย. ทั้งนี้ตลาดยังคงจับตาการแต่งตั้งสมาชิกคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่แทนเอเดรียนา คูเกลอร์
เมื่อวานนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าชิปและเซมิคอนดักเตอร์สูงถึง 100% หากไม่ได้ผลิตหรือมีแผนจะผลิตสินค้าในสหรัฐ แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายละเอียดว่าต้องมีการผลิตในสหรัฐมากน้อยเพียงใดจึงจะเข้าเกณฑ์ได้รับการยกเว้นภาษี
นอกจากนี้นายทรัมป์ ได้ลงนามในการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มอีก 25% ต่อสินค้านำเข้าจากอินเดีย โดยเมื่อรวมกับภาษีสหรัฐเรียกเก็บจากอินเดียก่อนหน้านี้ที่ระดับ 25% ส่งผลให้ขณะนี้ อินเดียถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรรวม 50% เพื่อเป็นการตอบโต้ที่อินเดียยังสั่งซื้อน้ำมันจากรัสเซียอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้นายทรัมป์ระบุว่าข้อเสนอของอินเดียในการเจรจาอัตราภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐนั้นยังไม่เพียงพอ ทั้งยังกล่าวว่าอินเดียกำลังสนับสนุนสงครามในยูเครน หลังจากนั้นเพียงไม่นานกระทรวงการต่างประเทศอินเดียได้ออกแถลงว่า การที่โดนเรียกเก็บภาษีเพิ่มนั้นไม่สามารถยอมรับได้ และพร้อมจะทำทุกวิธีเพื่อจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศตนเอง
สำหรับปัจจัยในประเทศ วันนี้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เดือน ก.ค. 68 ปรับตัวลงอยู่ที่ระดับ 51.7 ซึ่งเป็นการปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และต่ำสุดในรอบ 31 เดือน สาเหตุในการปรับตัวลงของดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมีหลายปัจจัย เช่น ผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาล และการเมืองของไทย, สงครามการค้าจากนโยบายภาษีสหรัฐ รวมถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชา ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และธนาคารแห่งประเทศไทยได้ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตามผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ช้า และการเข้าถึงสินเชื่อลำบาก
นอกจากนี้วันนี้การประชุมคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ (คทป.) ระหว่างนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เพื่อเป็นการสนับสนุนธุรกิจ SMEs และผลักดันเศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี
ในการประชุมนี้ได้ข้อสรุปว่า ทรัพยสินทางปัญญานั้นจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ เนื่องจากต่างประเทศให้ความสำคัญกับการคุ้มครองและป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หากประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์ของทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์ได้ จะช่วยดึงดูดการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ นอกจากนี้ยังสามารถผลักดันความสามารถของผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันในเวทีโลกได้
โดย รมช.พาณิชย์ระบุว่าการดำเนินการทั้งหมดนี้ อาจจะส่งผลให้ทางสหรัฐพิจารณาถอดไทยออกจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองตามกฎหมายการค้าสหรัฐมาตรา 301 พิเศษทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.25-32.35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 32.31/32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (7/8) ที่ระดับ 1.1650/51 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (6/8) ที่ระดับ 1.1586/88 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร วันนี้สำนักงานสถิติเยอรมนีได้เปิดเผยการรายงานว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน มิ.ย.ปรับตัวลง 1.9% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 5 ปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.5%
อย่างไรก็ตามยอดส่งออกในเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% รวมถึงส่วนยอดนำเข้าเดือน มิ.ย.ปรับตัวขึ้นถึง 4.2% เมื่อเทียบรายเดือนหลังจากที่ร่วงลง 3.9% ในเดือน พ.ค.
ทั้งนี้เยอรมนีมียอดเกินดุลการค้าในเดือน มิ.ย.ที่ระดับ 1.49 หมื่นล้านยูโร ลดลงจากระดับ 1.85 หมื่นล้านยูโรในเดือน พ.ค. โดยเศรษฐกิจเยอรมนีนั้นมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐ เนื่องจากสหรัฐนั้นเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเยอรมนีในปี 2567 ซึ่งมีมูลค่าการค้าสินค้าระหว่างกันโดยรวม 2.53 แสนล้านยูโร ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1650-1.1698 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1680/81 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (7/8) ที่ระดับ 147.63/65 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (6/8) ที่ระดับ 147.80/81 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวานนี้ในการประชุม ณ กรุงวอชิงตัน นายเรียวเซ อาคาซาวะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐตรวจสอบให้แน่ใจว่าสหรัฐจะปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทั้งสองประเทศได้ทำการตกลงกันไว้ และยังคงเรียกร้องให้ทางสหรัฐปฏิบัติตามข้อตกลงลดภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ญี่ปุ่นโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 146.70-147.71 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 147.22/23 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับปัจจัยที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย (7/8), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ (7/8), สต๊อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือน มิ.ย. ของสหรัฐ (7/8), การใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือน มิ.ย.ของญี่ปุ่น (8/8), ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงาน Summary of OOpinions (8/8), ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน มิ.ย.ของญี่ปุ่น (8/8)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -8.6/-8.4 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -7/-5.5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : บาทปรับตัวในกรอบจำกัด ตลาดยังรอปัจจัยใหม่
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net