นักลงทุนสหรัฐ แห่ปรับพอร์ตรับร่างกฎหมาย One Big Beautiful Bill
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การผ่านร่างกฎหมาย One Big Beautiful Bill Act (OBBBA) ของประธานาธิบดี “โดนัล ทรัมป์” ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐ กำลังส่งผลกระทบต่อการปรับ “กลยุทธ์การลงทุน” ของนักลงทุนอย่างชัดเจน
นักวิเคราะห์ของซีเอ็นบีซีรายงานว่า กฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่แค่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วไป แต่นักลงทุนกำลังปรับกลยุทธ์การลงทุนอย่างชัดเจน โดยมุ่งเน้นไปที่การ “เดิมพัน” ในภาคส่วนต่างๆ ที่ได้รับประโยชน์จากกฎหมายนี้โดยตรง
ปรับพอร์ตรับนโยบายศก.ใหม่
ปีเตอร์ แอนเดอร์สัน ผู้ก่อตั้งบริษัท Anderson Capital Management กล่าวว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้เป็น "จุดเปลี่ยน" ครั้งสำคัญสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐเนื่องจากรัฐบาลกำลังเปลี่ยนแนวทางจากการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการเงินแบบเดิม ๆ ที่พึ่งพาอัตราดอกเบี้ยต่ำและการซื้อพันธบัตรของธนาคารกลางสหรัฐมาเป็นการใช้จ่ายภาครัฐแบบเจาะจงเป้าหมายมากขึ้น
แอนเดอร์สันมองว่าโครงสร้างพื้นฐานเป็นส่วนที่น่าตื่นเต้นที่สุดในร่างกฎหมายฉบับนี้ เพราะไม่ได้จำกัดอยู่แค่การก่อสร้างสะพานหรืออาวุธยุทโธปกรณ์เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงระบบไฟร์วอลล์ อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายและความปลอดภัยของข้อมูล โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ได้จัดสรรงบประมาณกว่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ เช่น โดรน โครงสร้างพื้นฐานทางทหาร และปัญญาประดิษฐ์
เมื่อวิเคราะห์แผนเศรษฐกิจในอนาคต แอนเดอร์สันได้ปรับพอร์ตการลงทุนของเขา โดยเน้นไปที่หุ้นของบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือสูง 14 ตัว ซึ่งรวมถึงบริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ 4 แห่ง เช่น Palo Alto และ CyberArk ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากนโยบายใหม่นี้
มุ่งลงทุน ‘หุ้นอุตสาหกรรม’ ในอนาคต
ทัต หวาย โต๊ะ นักวิเคราะห์จาก RBC Wealth Management Asia กล่าวว่าร่างกฎหมายนี้เป็นสัญญาณของ "วัฏจักรการคลังครั้งต่อไป" ที่มุ่งเน้นนโยบายอุตสาหกรรมในระยะยาว แทนที่จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน AI, การป้องกันประเทศ, โลจิสติกส์ และระบบไฟฟ้า
ขณะเดียวกัน โรเบิร์ต ทีเตอร์จาก Silvercrest Asset Management Group เห็นด้วยว่าร่างกฎหมายนี้จะให้ประโยชน์โดยตรงแก่อุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เพราะร่างกฎหมายจะช่วยกระตุ้นการลงทุนด้านทุนในภาคการผลิตของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา (R&D) และการก่อสร้างโรงงาน
นอกจากนี้ Teeter ยังชี้ให้เห็นว่า ภาคเทคโนโลยี จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากมาตรการจูงใจด้าน R&D และการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งประโยชน์จะไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ AI เท่านั้น แต่จะรวมถึงบริษัทที่นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้งานด้วย โดยบริษัทของเขายังคงเน้นการลงทุนในหุ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี อุตสาหกรรม และหุ้นขนาดเล็ก
เตือน OBBBA อาจไม่ใช่สัญญาณเศรษฐกิจฟื้น
นักลงทุนบางส่วนยังคงมองว่าการคาดการณ์เชิงบวกเกี่ยวกับร่างกฎหมาย OBBBA นั้นเป็นเพียงการมองโลกในแง่ดีที่เกินจริง
โคดี้ วิลลาร์ด จาก CL Willard Capital Partners กล่าวว่า OBBBA ไม่ได้เป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ แต่เป็นเพียงการใช้จ่ายทางการคลังอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลสหรัฐเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามที่ได้ให้คำมั่นไว้
พอล หว่อง นักวิเคราะห์จาก Sprott Asset Management กล่าวว่าการที่รัฐบาลเร่งผลักดันการใช้จ่ายด้วยงบประมาณขาดดุลและดอกเบี้ยต่ำ จะทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะที่นโยบายการเงินจะถูกกำหนดโดยความต้องการเงินทุนของกระทรวงการคลังเป็นหลัก และคาดการณ์ผลที่ตามมาคือ ผลตอบแทนที่แท้จริงจะติดลบ, ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลง และนักลงทุนจะหันไปหา "สินทรัพย์ที่แท้จริง" เช่น ทองคำ น้ำมัน และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีในระยะยาว
เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว บริษัท Sprott จึงได้ปรับพอร์ตการลงทุนโดยเน้นไปที่ทองคำและเงิน ซึ่งคาดว่าจะยังคงให้ผลตอบแทนดีในสภาพตลาดปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีการถือครอง ยูเรเนียม, ทองแดง, และแร่ธาตุหายาก เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายด้านพลังงานที่อาจเกิดขึ้น
OBBBA ฉุดอุตสาหกรรมไหน?
นักลงทุนบางส่วนมองว่าร่างกฎหมาย OBBBA อาจส่งผลเสียต่อบางอุตสาหกรรมอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ พลังงานสะอาด ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม
ปีเตอร์ แอนเดอร์สัน จาก Anderson Capital Management และโรเบิร์ต ทีเตอร์ จาก Silvercrest Asset Management Group ต่างเห็นตรงกันว่าภาคส่วนนี้อาจมีแนวโน้มชะลอตัวลงในระยะสั้น เนื่องจากร่างกฎหมายฉบับนี้ได้เร่งยุติโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม โดยกำหนดเงื่อนไขและระยะเวลาที่เข้มงวดมากขึ้นในการขอรับเครดิตภาษีการผลิตและการลงทุน
อ้างอิง CNBC