โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

‘มาเลเซีย’ แซงขึ้นเบอร์ 1 ตลาดรถอาเซียน ด้านไทยเริ่มฟื้น แต่ค่ายญี่ปุ่นทยอยถอนตัว

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 23 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ตลาดยานยนต์อาเซียนได้ส่งสัญญาณการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญขึ้น เมื่อ “มาเลเซีย” พลิกแซง “อินโดนีเซีย” ซึ่งครองตำแหน่งผู้นำตลาดมายาวนาน กลายเป็น อันดับ 1 ด้านยอดขายรถยนต์ในภูมิภาค เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แม้ว่าจำนวนประชากรจะต่างกันมากก็ตาม โดยประชากรอินโดนีเซียอยู่ที่ 280 ล้านคน ขณะที่มาเลเซียอยู่ที่ราว 34 ล้านคน

ขณะที่ยอดขายรวมใน 5 ประเทศหลัก ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม อยู่ที่ 707,055 คัน ซึ่งลดลงเล็กน้อย 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามข้อมูลยอดขายรถยนต์ที่สำนักข่าวนิกเกอิ เอเชียรวบรวมระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายน อันสะท้อนถึงจังหวะใหม่ของตลาดรถยนต์อาเซียนที่น่าจับตา

ศรัทธาแบรนด์ชาติ หนุนตลาดรถมาเลย์

แม้ว่ากำลังซื้อในหลายประเทศในอาเซียนจะค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน แต่“ความนิยมแบรนด์รถชาติตัวเองภายในมาเลเซีย” กลับมีส่วนช่วยให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศยังคง “ทรงตัวได้ดี”

ตามข้อมูลจากรัฐบาลมาเลเซีย แบรนด์ประจำชาติอย่าง“Perodua” และ “Proton” คิดเป็น 63% ของยอดขายทั้งหมดในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายน และเมื่อดูจากการจัดอันดับรุ่นรถยนต์ที่ขายดีที่สุด ก็พบว่ารุ่นภายในประเทศ เช่น Perodua Alza และ Proton Saga ครอง 6 อันดับแรก โดยมีรถยนต์ต่างประเทศ อย่าง Toyota Vios และ Honda City ตามมาติด ๆ

- ยอดขายรถในมาเลย์แซงอินโดฯ (กราฟิก: จิรภิญญาน์ พิษถา) -

หนึ่งในผู้ที่ชื่นชอบ คือ เย่ว์ เหว่ย ชิง คุณครูชาวมาเลเซีย ได้เปลี่ยนรถยนต์ Perodua แฮทช์แบ็กรุ่น MyVi ที่ใช้งานมา 7 ปี เป็นรุ่น Alza ในปี 2023 โดยทั้งสองรุ่น ถือเป็นรถขายดีของแบรนด์ Perodua

“Alza เป็นรถอเนกประสงค์ ซึ่งเหมาะกับครอบครัวที่กำลังเติบโตของฉันมากกว่า” คุณแม่ลูกสองกล่าว พร้อมเสริมว่า “ในราคา 70,000 ริงกิตหรือราว 530,000 บาท ถือว่าราคาไม่แพง และคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ถึงจะเป็นแบรนด์ในประเทศ แต่ประสบการณ์ในการขับขี่โดยรวมก็ดี และฉันพอใจมาก”

แม้ว่า Daihatsu ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Toyota จะเป็นพันธมิตรร่วมก่อตั้ง Perodua และ บริษัทจีน Geely ถือหุ้น 49.9% ใน Proton แต่ ทั้ง “Perodua” และ “Proton” ยังคงถูกจัดให้เป็น “ผู้ผลิตรถยนต์ประจำชาติ” โดยได้รับแรงสนับสนุนทางอ้อมจากรัฐบาล สำหรับบทบาทที่มีต่อการพัฒนาประเทศ

ขณะเดียวกัน ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ไฮบริดในมาเลเซีย ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ในประเทศ โดยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 91% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 12,733 คัน ขณะที่รถยนต์ไฮบริดเพิ่มขึ้น 12% อยู่ที่ 17,480 คัน ในช่วงครึ่งปีแรก

อินโดฯ ยักษ์ใหญ่ที่อ่อนแรง เมื่อชนชั้นกลางหดตัว

สำหรับอินโดนีเซีย แม้มีจำนวนประชากรมากที่สุดในอาเซียน แต่กลับกำลังเผชิญแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่ส่งผลชัดต่อภาคการบริโภค โดยเฉพาะใน “อุตสาหกรรมยานยนต์” ซึ่งในเดือนมิถุนายน ยอดขายรถยนต์ลดลงถึง 21% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เหลือเพียง 57,760 คัน นับเป็น “ครั้งแรก” ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024 ที่อัตราการหดตัวแตะระดับเกิน 20%

- ยอดขายรถในอาเซียน (กราฟิก: จิรภิญญาน์ พิษถา) -

แม้ว่าเดือนเมษายนที่ผ่านมา อินโดนีเซียจะมีสัญญาณบวกเล็กน้อยจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อันเนื่องมาจากจำนวนวันหยุดที่ลดลง แต่แรงส่งนั้นกลับไม่ยั่งยืน เมื่อตัวเลขในเดือนมิถุนายนร่วงลงแรง จนกระทบทั้งไตรมาส โดยยอดขายรวมในไตรมาสสองหดตัวถึง 12%

โฮเซียนนา ซิตูโมรัง นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร Danamon ให้สัมภาษณ์กับนิกเกอิ เอเชียว่า “ยอดขายรถยนต์ที่ลดลงครั้งนี้ มีสาเหตุหลักจากกำลังซื้อของชนชั้นกลางที่อ่อนแรงลง และเงื่อนไขด้านสินเชื่อผู้บริโภคที่เข้มงวดขึ้น”

ไม่เพียงเท่านั้น ข้อมูลจากสำนักงานสถิติกลางอินโดนีเซีย (BPS) ชี้ว่า สัดส่วน “ประชากรชนชั้นกลาง” ในอินโดนีเซียกำลังหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยลดจาก 21.4% ของประชากร 267 ล้านคนในปี 2019 เหลือเพียง 17.1% จากประชากร 289 ล้านคนในปี 2024 ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมรถยนต์เท่านั้น แต่ยังสะเทือนไปถึงหลายภาคธุรกิจที่พึ่งพากลุ่มผู้บริโภคระดับกลางเป็นฐานหลัก

เมื่อกล่าวถึงสาเหตุที่ยอดขายรถยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารในอุตสาหกรรมยานยนต์รายหนึ่งในกรุงจาการ์ตา ซึ่งให้สัมภาษณ์นิกเกอิ เอเชียโดยไม่เปิดเผยชื่อระบุว่า ตลาดที่หดตัวลงบางส่วนได้รับผลกระทบจาก “เศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอลง” ซึ่งอินโดนีเซียพึ่งพาเป็นอย่างมาก

ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ ผู้บริโภคจึงเริ่มมองหารถยนต์ที่ราคาจับต้องได้มากขึ้น
โดยอังกา พนักงานออฟฟิศวัย 23 ปีในกรุงจาการ์ตากล่าวว่า เขากำลังพิจารณาซื้อรถยี่ห้อ Wuling จากจีน

“ถ้าดูแค่เรื่องของภาพลักษณ์แบรนด์ ผมอยากได้ Toyota แต่ถ้าดูทั้งเรื่องราคาที่แข่งขันได้และฟีเจอร์ที่ให้มา รถจีนก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ” อังกาเผยเหตุผล

เวียดนาม เตรียมเบียดฟิลิปปินส์ ขึ้นตลาดรถอันดับ 4

สำหรับ “เวียดนาม” ในไตรมาสที่ 2 มียอดขายเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 90,772 คัน แม้ว่าจะยังไม่สามารถรักษาการเติบโตในระดับ 20% ติดต่อกันถึง 4 ไตรมาสได้ แต่การเติบโตยังถือว่า “อยู่ในระดับสูง” เวียดนามยังคงส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐได้แข็งแกร่ง แม้ผู้ผลิตจะกังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากรที่รัฐบาลทรัมป์กำหนดไว้ก็ตาม

ส่วนจีดีพีของเวียดนามในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2025 เติบโต 7.52% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 15 ปี กำลังซื้อของชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนยอดขายรถยนต์ให้เติบโต

ด้านยอดขายของบริษัทรถ VinFast ประจำชาติ สามารถขายรถยนต์ไฟฟ้าได้ถึง 87,000 คันภายในประเทศในปี 2024 และตลาดรถยนต์ของเวียดนาม อาจแซงหน้าฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับ 4 ในภูมิภาค ได้ในไม่ช้า

ไทยฟื้นด้วยอีวี แต่โรงงานญี่ปุ่นทยอยปิด

ในส่วน “ประเทศไทย” ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ใหญ่อันดับ 3 ของภูมิภาค และเคยได้รับฉายาว่า “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” มียอดขายเพิ่มขึ้น 3.6% อยู่ที่ 149,501 คันในไตรมาสที่สอง นับเป็น “การเพิ่มขึ้นรายไตรมาสครั้งแรก” นับตั้งแต่ไตรมาสที่สามของปี 2022

ในเดือนเมษายน ยอดขายเพิ่มขึ้น 1% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองปีที่มีการเติบโต และแนวโน้มการฟื้นตัวยังคงดำเนินต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน โดยการฟื้นตัวครั้งนี้ เกิดจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นหลัก

ตามข้อมูลจากสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ยอดขายอีวีรวมในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายน เพิ่มขึ้น 33% อยู่ที่ 69,005 คัน คิดเป็น 23% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งอยู่ที่ 302,704 คัน

- กราฟิก: จิรภิญญาน์ พิษถา -

อย่างไรก็ตาม บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นหลายรายกำลังลดขนาดการดำเนินงานในไทยลง

- Honda มีแผนจะยุติการผลิตที่โรงงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในปีนี้ เพื่อรวมศูนย์การผลิตไปที่โรงงานจังหวัดปราจีนบุรี

- Suzuki Motor ก็มีแผนจะปิดโรงงานประกอบรถยนต์ของบริษัทย่อยในไทยภายในสิ้นปี 2025

- Nissan เตรียมจะปรับโครงสร้างการผลิตในประเทศไทย โดยรวมสายการผลิตภายในประเทศ และย้ายการผลิตจากอาร์เจนตินาไปยังบราซิล พร้อมทั้งเตรียมปิดโรงงานแห่งหนึ่งในไทยจากทั้งหมดสองแห่ง ซึ่งโรงงานดังกล่าวมีกำลังการผลิตปีละ 220,000 คัน

ขณะเดียวกัน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า
ได้ปรับลดคาดการณ์การผลิตรถยนต์ในปี 2025 จากเดิมที่คาดไว้ 1.5 ล้านคัน เหลือ 1.45 ล้านคัน ซึ่งจะเท่ากับการลดลง 1% จากปีก่อนหน้า
อ้างอิง: nikkei

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

'พงศ์กวิน' รับย้าย 'ปลัดแรงงาน' เพื่อความโปร่งใสสอบตึก Skyy9

15 นาทีที่แล้ว

สถาบันโรคทรวงอกรักษา 'โรคลิ้นหัวใจ'แบบแผลเล็ก ไม่ตัดกระดูกกลางอก

19 นาทีที่แล้ว

21สส.ปชป. พบ 'เฉลิมชัย' สยบย้ายพรรค 'เดชอิศม์-ชัยชนะ' ขอนำพรรคกลับมายิ่งใหญ่

24 นาทีที่แล้ว

สวนสัตว์เดนมาร์กรับบริจาคสัตว์เลี้ยง เพื่อนำไปเป็นอาหารสัตว์

27 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

อังกฤษ สั่งแบรนด์แฟชั่นดังถอดโฆษณาออก ชี้นางแบบผอมเกินไป

Thaiger

ทรัมป์โยนให้อิสราเอล จะเอาอย่างไรกับกาซา จะยึดครองทั้งหมด ก็แล้วแต่!

Amarin TV

สหรัฐกำหนดให้ผู้ยื่นวีซ่าท่องเที่ยวจาก ‘มาลาวี-แซมเบีย’ วางเงินประกันสูงสุด 485,000 บาท

เดลินิวส์

สถานทูตจีนปฏิเสธ จีนไม่ได้ส่งโดรนให้กัมพูชา ย้ำจีนต้องการให้เกิดสันติภาพ

TNN ช่อง16

กลุ่มสิทธิฯ ชี้ รัฐเทนเนสซีสั่งประหารนักโทษโดยไม่ปิดเครื่องกระตุ้นหัวใจ เข้าข่ายการทรมาณ

Thaiger

กัมพูชา ผิดหวัง ไทยจ่อฟ้องดำเนินคดีทางกฎหมาย

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

จับ 2 ชาวจีนในสหรัฐ ลอบส่ง ‘ชิป AI Nvidia’ ไปจีนกว่า 20 ครั้ง ใช้สิงคโปร์-มาเลย์เป็นทางผ่าน

กรุงเทพธุรกิจ

"ทรัมป์" เผยใกล้ปิดดีลจีน! หลังจ่อนัดพบ “สี จิ้นผิง” สิ้นปีนี้ หากข้อตกลงลงตัว เส้นตาย 12 ส.ค.

THE ROOM 44 CHANNEL

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...