โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

‘อินโนพาวเวอร์’ ช่วย SMEs งบฯ 300 ล้านลงทุนเทคโนโลยีสู่กรีน

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 21 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
อธิป ตันติวรวงศ์

คอลัมน์ : สัมภาษณ์

“ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีมูลค่าการเติบโตเกินกว่าเงินลงทุนก้อนแรก วันนี้เราจึงมีภาพชัดว่า อนาคตไปต่อได้อีกไกล” คำกล่าวที่ฉายภาพทิศทางการเติบโตของบริษัทผู้บุกเบิกด้านนวัตกรรมพลังงานที่เกิดจากความร่วมมือของ 3 พันธมิตร ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)

“ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์ นายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด (INNOPOWER) ที่สะท้อนถึงความมั่นใจในเส้นทางธุรกิจโซลูชั่นด้านพลังงาน พร้อมเดินหน้าหนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้ก้าวสู่ “Green Transformation” ท่ามกลางโจทย์ท้าทายจากเศรษฐกิจโลกและการแข่งขันด้านพลังงานที่เข้มข้นขึ้น

ตั้งงบฯ 300 ล้านหนุน SMEs

บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตให้กับบริษัท โดยที่ผ่านมาเรามีการเติบโตเป็นบวก 3 ปีติดต่อกัน และมีเงินที่ลงทุนไว้ในปีแรกตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงิน 2,960 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทใช้เงินไปแล้ว 1,900 ล้านบาท ยังคงเหลืออีกประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนเป็นการเน้นจังหวะที่เหมาะสมเพื่อสร้างการเติบโตที่ดี และคาดว่าจะมีความพร้อมเข้าจดทะเบียนใน SET ได้ในช่วงหลังปี 2569 หรือราวปี 2570 เป็นต้นไป โดยขั้นตอนดังกล่าวต้องใช้เวลาหารือและประสานกับกระทรวงพลังงาน เนื่องจากผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ กฟผ. ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ

สำหรับปี 2568 บริษัทได้วางงบฯลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนธุรกิจ SMEs ในการลงทุนเรื่องเทคโนโลยีที่เล็งเห็นแล้วว่าจะสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจ ช่วยลดต้นทุนและเป็นไปตามเป้าหมายกรีนขององค์กร ซึ่งขณะนี้บริษัทได้เข้าไปช่วยเหลือ SMEs ประมาณ 150 ราย ครอบคลุมทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ เช่น ธนาคาร ห้างสรรพสินค้า เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวน SMEs อีก 40-50 ราย ภายในระยะเวลา 4-5 เดือน ทำให้คาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีพันธมิตร SMEs ได้ถึง 200 ราย

ขณะเดียวกัน บริษัทได้วางเป้าหมายรายได้รวมปี 2568 ไว้ที่ 400 ล้านบาท เติบโต 40% โดยครึ่งปีแรกมีรายได้ 128.4 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9.1 ล้านบาท ซึ่งคาดการณ์ว่าทั้งปีจะสามารถทำรายได้ตามเป้าหมาย 400 ล้านบาท และกำไรแตะ 15 ล้านบาทได้ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ตั้งเป้าเพิ่มพันธมิตรธุรกิจได้มากกว่า 30% โดยจะขยายกลุ่มเป้าหมายสู่กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมเพิ่ม ซึ่งจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1.5 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

เมื่อรวมยอดสะสมตั้งแต่ปี 2565 จะรวมลดคาร์บอนได้ราว 4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ “พันธมิตรพิชิตคาร์บอน” ซึ่งเน้นการเป็นพันธมิตรที่ช่วยให้ลูกค้าลดคาร์บอนอย่างยั่งยืน โดยครอบคลุมความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจร (End-to-End Solution) ขณะที่ทิศทางในปี 2569 เรายังคงมุ่งเน้นในการเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเล็งเห็นโอกาสของกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว อีเวนต์ที่เริ่มปรับตัวไปสู่การกรีนมากขึ้น ถือเป็นโอกาสสำคัญในการขยายธุรกิจและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม

จ่อปิดดีลรถอีวีขนส่ง-กรีนโลน

ตอนนี้เรากำลังพูดคุยอยู่กับบริษัทขนส่งอันดับหนึ่งของไทยในการเปลี่ยนรถขนส่งน้ำมันเป็นรถขนส่งแบบยานยนต์ไฟฟ้า โดยอยู่ระหว่างการศึกษาคำนวณการประหยัดพลังงาน ความคุ้มค่าต่อการลงทุนสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งถ้าผู้ประกอบการจะลงทุนทั้งรถ ทั้งสเตชั่น จะต้องมีฟีดที่ใหญ่มาก อาจจะต้องรองรับปริมาณการใช้เกิน 60% ถึงจะคุ้มค่า ซึ่งเราก็กำลังศึกษาอยู่ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเราได้เข้าไปสนับสนุนวางระบบให้กับโครงการจัดรถมินิบัสไฟฟ้ารับ-ส่งพนักงานโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง จำนวน 28 คัน เป็นรถมินิบัส BEV-Battery Electric Vehicle ใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ย 0.673 กิโลวัตต์ต่อ 1 กิโลเมตรต่อคัน

ขณะเดียวกันเรากำลังขยายพอร์ตคาร์บอนเครดิตและอยู่ระหว่างการปิดดีลร่วมกับบริษัทรีเทล นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการพูดคุยกับธนาคาร 2 แห่ง ในการทำสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) โดยไม่ฟอกเขียว คาดว่าจะชัดเจนภายในปีนี้

ปีนี้ลดงบฯกรีนเพราะ ศก.ไม่ดี

ในช่วงเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา เราเปิดตัวธุรกิจที่ปรึกษาและบริการด้าน Decarbonization เพื่อให้คำปรึกษาเชิงลึกด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ครอบคลุมตั้งแต่การคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การวางกลยุทธ์ การทวนและการให้คำปรึกษาด้านพลังงาน ซึ่งพบว่าผู้ประกอบการเริ่มมีการตั้งงบประมาณเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น แต่ในปีนี้กลับสวนทาง งบฯต่าง ๆ เหล่านี้กลับลดลง

เรามองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ผิด เพราะผู้ประกอบการต้องนำเงินลงทุนไปพัฒนาธุรกิจหลักก่อนในช่วงสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หากนำเงินไปลงในส่วนที่ยังไม่ใช่ธุรกิจหลักก็จะกลายเป็นความเสี่ยงได้ เราจึงเห็นว่า SMEs เริ่มมีปัญหาเรื่องกระแสเงินสดมากขึ้น แต่ขณะเดียวกัน หากไม่ลงทุนในด้านนวัตกรรมหรือกรีนเลย ในระยะยาวก็จะเจอกับปัญหามาตรการกีดกันทางคาร์บอน โดยเฉพาะมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (EU-CBAM)

โซลูชั่นที่เราทำให้กับผู้ประกอบการมีพาร์ตของความยั่งยืน แต่หากเราไม่มีพาร์ตของการลดต้นทุนมาประกอบ ผู้ประกอบการก็ไปไม่ได้ เพราะไม่มีใครอยากจ่ายแพง เพียงเพื่อป่าวประกาศแค่ตัวเองกรีน ดังนั้น เราจะเข้าไปดูว่าลงทุนแล้ว ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้ ลดต้นทุนได้

“SMEs ลดงบฯเรื่องกรีนลงไป ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้ความสำคัญเรื่องการลงทุน แต่แสดงให้เห็นว่าบริษัทไม่มีกระแสเงินสด (Cash Flow) เป็นการเอาตัวรอดในช่วงนี้ก่อน ขณะเดียวกันเป้าหมายกรีนของบริษัทยังไม่แน่นอน สามารถยืดหยุ่นได้ตามสภาวะเศรษฐกิจและงบฯลงทุนที่มีของบริษัท” นายอธิปกล่าว

ห่วงภาษีทรัมป์ทำ SMEs ลำบาก

ด้วยสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เราต้องยอมรับว่าผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) เผชิญกับความท้าทายที่ยากลำบาก ที่ผ่านมาต้องแข่งขันกับสินค้าจากต่างประเทศโดยเฉพาะสินค้าจีน ซึ่งได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า ขณะเดียวกันการที่รัฐบาลสหรัฐ ภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน กำหนดจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตรา 19% แม้จะเป็นอัตราที่ไทยยังสามารถแข่งขันได้ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค และไม่ทำให้เสียเปรียบในการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐ แต่สิ่งที่ต้องจับตา คือ “เงื่อนไข” ของมาตรการดังกล่าวว่าจะสร้างผลดีหรือผลเสียต่อเศรษฐกิจไทยมากน้อย

เบื้องต้นมีแนวโน้มว่า ไทยอาจต้องเปิดให้นำเข้าสินค้าบางรายการจากสหรัฐ ในอัตราภาษี 0% ซึ่งหากเป็นสินค้าที่ไทยยังไม่สามารถผลิตเองได้ ก็อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรม แต่ในทางกลับกัน หากเป็นสินค้าที่ไทยสามารถผลิตได้อยู่แล้ว การเปิดเสรีนำเข้าอาจกลายเป็นแรงกดดันรอบใหม่ที่ทำให้ผู้ประกอบการ SMEs ต้องเผชิญการแข่งขัน ไม่เพียงแค่กับจีน แต่ยังรวมถึงสินค้าสหรัฐ ที่จะเข้ามาแชร์ตลาดในประเทศด้วย

ที่ผ่านมาผู้ส่งออกบางรายได้เร่งปรับตัวล่วงหน้า โดยทยอยส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐล่วงหน้าในช่วง 6 เดือนก่อนหน้าการบังคับใช้มาตรการใหม่ เพื่อกระจายความเสี่ยงและรักษาส่วนแบ่งตลาด อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งปีหลัง ความต้องการ (Demand) จากฝั่งสหรัฐ มีแนวโน้มชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลให้มูลค่าการส่งออกโดยรวมลดลง และกระทบต่อภาคการผลิตภายในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ที่มีความเปราะบางสูง และต้องพึ่งพาตลาดส่งออกเป็นหลัก

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ‘อินโนพาวเวอร์’ ช่วย SMEs งบฯ 300 ล้านลงทุนเทคโนโลยีสู่กรีน

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ประชาชาติธุรกิจ

เปิดราคา ฮอนด้า แอคคอร์ด ใส่ BSM-CTM ทุกรุ่น เคาะราคา 1.47-1.72 ล้านบาท

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘กูลิโกะ’ กางแผนฝ่าเศรษฐกิจ ผุดแบรนด์ใหม่-ลุยคอลแลบส์สปีดรายได้

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ลงนามบันทึกความร่วมมือ พัฒนาความรู้และศักยภาพผู้ประกอบการไทย

The Better

“บอนด์ยีลด์จีน” อายุ 30 ปี พุ่งสูงสุดรอบ 8 เดือน สะท้อนแรงกดดันตลาดตราสารหนี้

การเงินธนาคาร

โตโยต้า ปักราคารถอีวีใหม่ ราคาสตาร์ทกว่า 1.5 ล้านบาท เปิดรับจองสิทธิ NEW bZ4X ประกอบจากญี่ปุ่นเข้าประเทศไทย

BTimes

ส่องต้นทุน "ไข่เจียวปู" ใช้วัตถุดิบอะไร และราคาเท่าไหร่

sanook.com

กอช. ยกระดับ “หวยเกษียณ” ผนึกกำลัง ทรูมันนี่-AIS-ShopeePay ซื้อง่ายผ่านแอปฯ คาดเริ่มธันวาคม 2568

TNN ช่อง16

จีนประกาศหนุนอินเดีย‘ยืนหยัด’สู้ภาษีทรัมป์กระชับสัมพันธ์สองยักษ์เอเชีย

Amarin TV

ทอท. เคาะ 5.7 พันล. สร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ สนามบินแม่ฟ้าหลวง รองรับนทท. 6 ล้านคน

MATICHON ONLINE

เงินเฟ้อญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.1 คาดBOJขึ้นดอกเบี้ย

JS100

ข่าวและบทความยอดนิยม

‘อินโนพาวเวอร์’ ช่วย SMEs งบฯ 300 ล้านลงทุนเทคโนโลยีสู่กรีน

ประชาชาติธุรกิจ

‘ปัญหาธุรกิจนอมินีต่างด้าวในไทย’ ช่องโหว่ที่ต้องเร่งปิด

ประชาชาติธุรกิจ

‘กูลิโกะ’ กางแผนฝ่าเศรษฐกิจ ผุดแบรนด์ใหม่-ลุยคอลแลบส์สปีดรายได้

ประชาชาติธุรกิจ
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...