‘อินโนพาวเวอร์’ ช่วย SMEs งบฯ 300 ล้านลงทุนเทคโนโลยีสู่กรีน
คอลัมน์ : สัมภาษณ์
“ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีมูลค่าการเติบโตเกินกว่าเงินลงทุนก้อนแรก วันนี้เราจึงมีภาพชัดว่า อนาคตไปต่อได้อีกไกล” คำกล่าวที่ฉายภาพทิศทางการเติบโตของบริษัทผู้บุกเบิกด้านนวัตกรรมพลังงานที่เกิดจากความร่วมมือของ 3 พันธมิตร ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)
“ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์ นายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด (INNOPOWER) ที่สะท้อนถึงความมั่นใจในเส้นทางธุรกิจโซลูชั่นด้านพลังงาน พร้อมเดินหน้าหนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้ก้าวสู่ “Green Transformation” ท่ามกลางโจทย์ท้าทายจากเศรษฐกิจโลกและการแข่งขันด้านพลังงานที่เข้มข้นขึ้น
ตั้งงบฯ 300 ล้านหนุน SMEs
บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตให้กับบริษัท โดยที่ผ่านมาเรามีการเติบโตเป็นบวก 3 ปีติดต่อกัน และมีเงินที่ลงทุนไว้ในปีแรกตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงิน 2,960 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทใช้เงินไปแล้ว 1,900 ล้านบาท ยังคงเหลืออีกประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนเป็นการเน้นจังหวะที่เหมาะสมเพื่อสร้างการเติบโตที่ดี และคาดว่าจะมีความพร้อมเข้าจดทะเบียนใน SET ได้ในช่วงหลังปี 2569 หรือราวปี 2570 เป็นต้นไป โดยขั้นตอนดังกล่าวต้องใช้เวลาหารือและประสานกับกระทรวงพลังงาน เนื่องจากผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ กฟผ. ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ
สำหรับปี 2568 บริษัทได้วางงบฯลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนธุรกิจ SMEs ในการลงทุนเรื่องเทคโนโลยีที่เล็งเห็นแล้วว่าจะสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจ ช่วยลดต้นทุนและเป็นไปตามเป้าหมายกรีนขององค์กร ซึ่งขณะนี้บริษัทได้เข้าไปช่วยเหลือ SMEs ประมาณ 150 ราย ครอบคลุมทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ เช่น ธนาคาร ห้างสรรพสินค้า เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวน SMEs อีก 40-50 ราย ภายในระยะเวลา 4-5 เดือน ทำให้คาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีพันธมิตร SMEs ได้ถึง 200 ราย
ขณะเดียวกัน บริษัทได้วางเป้าหมายรายได้รวมปี 2568 ไว้ที่ 400 ล้านบาท เติบโต 40% โดยครึ่งปีแรกมีรายได้ 128.4 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9.1 ล้านบาท ซึ่งคาดการณ์ว่าทั้งปีจะสามารถทำรายได้ตามเป้าหมาย 400 ล้านบาท และกำไรแตะ 15 ล้านบาทได้ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ตั้งเป้าเพิ่มพันธมิตรธุรกิจได้มากกว่า 30% โดยจะขยายกลุ่มเป้าหมายสู่กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมเพิ่ม ซึ่งจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1.5 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
เมื่อรวมยอดสะสมตั้งแต่ปี 2565 จะรวมลดคาร์บอนได้ราว 4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ “พันธมิตรพิชิตคาร์บอน” ซึ่งเน้นการเป็นพันธมิตรที่ช่วยให้ลูกค้าลดคาร์บอนอย่างยั่งยืน โดยครอบคลุมความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจร (End-to-End Solution) ขณะที่ทิศทางในปี 2569 เรายังคงมุ่งเน้นในการเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเล็งเห็นโอกาสของกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว อีเวนต์ที่เริ่มปรับตัวไปสู่การกรีนมากขึ้น ถือเป็นโอกาสสำคัญในการขยายธุรกิจและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
จ่อปิดดีลรถอีวีขนส่ง-กรีนโลน
ตอนนี้เรากำลังพูดคุยอยู่กับบริษัทขนส่งอันดับหนึ่งของไทยในการเปลี่ยนรถขนส่งน้ำมันเป็นรถขนส่งแบบยานยนต์ไฟฟ้า โดยอยู่ระหว่างการศึกษาคำนวณการประหยัดพลังงาน ความคุ้มค่าต่อการลงทุนสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งถ้าผู้ประกอบการจะลงทุนทั้งรถ ทั้งสเตชั่น จะต้องมีฟีดที่ใหญ่มาก อาจจะต้องรองรับปริมาณการใช้เกิน 60% ถึงจะคุ้มค่า ซึ่งเราก็กำลังศึกษาอยู่ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเราได้เข้าไปสนับสนุนวางระบบให้กับโครงการจัดรถมินิบัสไฟฟ้ารับ-ส่งพนักงานโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง จำนวน 28 คัน เป็นรถมินิบัส BEV-Battery Electric Vehicle ใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ย 0.673 กิโลวัตต์ต่อ 1 กิโลเมตรต่อคัน
ขณะเดียวกันเรากำลังขยายพอร์ตคาร์บอนเครดิตและอยู่ระหว่างการปิดดีลร่วมกับบริษัทรีเทล นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการพูดคุยกับธนาคาร 2 แห่ง ในการทำสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) โดยไม่ฟอกเขียว คาดว่าจะชัดเจนภายในปีนี้
ปีนี้ลดงบฯกรีนเพราะ ศก.ไม่ดี
ในช่วงเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา เราเปิดตัวธุรกิจที่ปรึกษาและบริการด้าน Decarbonization เพื่อให้คำปรึกษาเชิงลึกด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ครอบคลุมตั้งแต่การคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การวางกลยุทธ์ การทวนและการให้คำปรึกษาด้านพลังงาน ซึ่งพบว่าผู้ประกอบการเริ่มมีการตั้งงบประมาณเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น แต่ในปีนี้กลับสวนทาง งบฯต่าง ๆ เหล่านี้กลับลดลง
เรามองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ผิด เพราะผู้ประกอบการต้องนำเงินลงทุนไปพัฒนาธุรกิจหลักก่อนในช่วงสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หากนำเงินไปลงในส่วนที่ยังไม่ใช่ธุรกิจหลักก็จะกลายเป็นความเสี่ยงได้ เราจึงเห็นว่า SMEs เริ่มมีปัญหาเรื่องกระแสเงินสดมากขึ้น แต่ขณะเดียวกัน หากไม่ลงทุนในด้านนวัตกรรมหรือกรีนเลย ในระยะยาวก็จะเจอกับปัญหามาตรการกีดกันทางคาร์บอน โดยเฉพาะมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (EU-CBAM)
โซลูชั่นที่เราทำให้กับผู้ประกอบการมีพาร์ตของความยั่งยืน แต่หากเราไม่มีพาร์ตของการลดต้นทุนมาประกอบ ผู้ประกอบการก็ไปไม่ได้ เพราะไม่มีใครอยากจ่ายแพง เพียงเพื่อป่าวประกาศแค่ตัวเองกรีน ดังนั้น เราจะเข้าไปดูว่าลงทุนแล้ว ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้ ลดต้นทุนได้
“SMEs ลดงบฯเรื่องกรีนลงไป ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้ความสำคัญเรื่องการลงทุน แต่แสดงให้เห็นว่าบริษัทไม่มีกระแสเงินสด (Cash Flow) เป็นการเอาตัวรอดในช่วงนี้ก่อน ขณะเดียวกันเป้าหมายกรีนของบริษัทยังไม่แน่นอน สามารถยืดหยุ่นได้ตามสภาวะเศรษฐกิจและงบฯลงทุนที่มีของบริษัท” นายอธิปกล่าว
ห่วงภาษีทรัมป์ทำ SMEs ลำบาก
ด้วยสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เราต้องยอมรับว่าผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) เผชิญกับความท้าทายที่ยากลำบาก ที่ผ่านมาต้องแข่งขันกับสินค้าจากต่างประเทศโดยเฉพาะสินค้าจีน ซึ่งได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า ขณะเดียวกันการที่รัฐบาลสหรัฐ ภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน กำหนดจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตรา 19% แม้จะเป็นอัตราที่ไทยยังสามารถแข่งขันได้ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค และไม่ทำให้เสียเปรียบในการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐ แต่สิ่งที่ต้องจับตา คือ “เงื่อนไข” ของมาตรการดังกล่าวว่าจะสร้างผลดีหรือผลเสียต่อเศรษฐกิจไทยมากน้อย
เบื้องต้นมีแนวโน้มว่า ไทยอาจต้องเปิดให้นำเข้าสินค้าบางรายการจากสหรัฐ ในอัตราภาษี 0% ซึ่งหากเป็นสินค้าที่ไทยยังไม่สามารถผลิตเองได้ ก็อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรม แต่ในทางกลับกัน หากเป็นสินค้าที่ไทยสามารถผลิตได้อยู่แล้ว การเปิดเสรีนำเข้าอาจกลายเป็นแรงกดดันรอบใหม่ที่ทำให้ผู้ประกอบการ SMEs ต้องเผชิญการแข่งขัน ไม่เพียงแค่กับจีน แต่ยังรวมถึงสินค้าสหรัฐ ที่จะเข้ามาแชร์ตลาดในประเทศด้วย
ที่ผ่านมาผู้ส่งออกบางรายได้เร่งปรับตัวล่วงหน้า โดยทยอยส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐล่วงหน้าในช่วง 6 เดือนก่อนหน้าการบังคับใช้มาตรการใหม่ เพื่อกระจายความเสี่ยงและรักษาส่วนแบ่งตลาด อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งปีหลัง ความต้องการ (Demand) จากฝั่งสหรัฐ มีแนวโน้มชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลให้มูลค่าการส่งออกโดยรวมลดลง และกระทบต่อภาคการผลิตภายในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ที่มีความเปราะบางสูง และต้องพึ่งพาตลาดส่งออกเป็นหลัก
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ‘อินโนพาวเวอร์’ ช่วย SMEs งบฯ 300 ล้านลงทุนเทคโนโลยีสู่กรีน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net