‘บิ๊กป้อม’ จี้ ‘รัฐบาล’ ตอบโต้ทางทหาร ‘กัมพูชา’ อย่างเฉียบขาด
‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หลังเกิดเหตุซ้ำซากส่งผลให้พลทหารอดิศร ป้อมกลาง สังกัดกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบกับระเบิด ที่จ.สุรินทร์ เป็นรายที่ 6 ว่า พรรคพลังประชารัฐมีจุดยืนชัดเจนในการสนับสนุนการสร้างกำแพงคอนกรีตถาวรตามแนวชายแดน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เกิดเหตุปะทะและพบการฝังกับระเบิดบ่อยครั้ง เพื่อยกระดับการป้องกันและสร้างความมั่นคงถาวรให้แก่ประชาชน โดยแนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นสิ่งที่ตนได้ริเริ่มตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 และยังคงยึดมั่นจนถึงปัจจุบัน
“ทุกตารางนิ้วของผืนแผ่นดินไทย ต้องได้รับการปกป้องอย่างแข็งแรงที่สุด ประชาชนชายแดนต้องอยู่ได้อย่างปลอดภัย และไม่ถูกรุกรานซ้ำแล้วซ้ำเล่า” พล.อ.ประวิตร กล่าว พร้อมยืนยันว่าพรรค จะเดินหน้าผลักดันอย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดมาตรการป้องกันที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ได้ออกมายืนยันว่า พร้อมสนับสนุนทุกมาตรการของกองทัพ เพื่อพิจารณาการสร้างกำแพงคอนกรีตที่แข็งแรงและมีประสิทธิภาพ ป้องกันประชาชนและสกัดกั้นการรุกรานจากฝ่ายตรงข้าม โดยเตรียมมอบหมายให้กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 เริ่มดำเนินการในพื้นที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงที่กำลังมีปัญหากับกัมพูชา
พรรค ได้เสนอ 4 แนวทางเร่งด่วน เพื่อแก้ไขสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ดังนี้
1.ยืนยันอธิปไตยไทยทุกตารางนิ้ว เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการตอบโต้ทั้งทางการทูตและด้านความมั่นคงอย่างเฉียบขาดและทันที
2.นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องควรแถลงต่อสภาและประชาชนโดยตรง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและชี้แจงแผนรับมืออย่างโปร่งใส
3.จัดตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ชายแดนอย่างต่อเนื่อง พร้อมตรวจสอบบทบาทนักการเมืองที่อาจขัดขวางการทำงานด้านความมั่นคง
4.เร่งดำเนินการสร้างกำแพงคอนกรีตถาวรในพื้นที่ที่เกิดเหตุซ้ำ เพื่อเสริมเกราะป้องกันอย่างถาวรและยั่งยืน
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลและกองทัพเร่งดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่ และเยียวยาทหารผู้บาดเจ็บรวมทั้งครอบครัวอย่างครบถ้วนและเป็นธรรม โดยย้ำว่า อธิปไตยไทยคือสิ่งสูงสุดที่ต้องปกป้องโดยไม่มีข้อยกเว้น