วิจารณ์เดือด! "เทพไท" อ้างมุมมองสิงคโปร์ สะท้อนภาวะผู้นำ "อุ๊งอิ๊ง"
วันที่ 8 ส.ค.68 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก "เทพไท - คุยการเมือง" ระบุว่า…
ภาวะผู้นำ อุ๊งอิ๊ง ใครๆก็รู้
ผมเห็นข่าวการแสดงความเห็นของ ดร.วิเวียน บาลาคริชนาน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสิงคโปร์ ต่อสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชา ว่า ปัญหาเรื่องเขตแดนที่ยังไม่ชัดเจน ไม่ควรนำไปสู่ความรุนแรง พร้อมเน้นว่าการที่สถานการณ์บานปลายจนเกิดการปะทะกัน สะท้อนถึง "ความล้มเหลวทางการทูตและจุดจบของภาวะผู้นำ"
ซึ่งการแสดงความเห็นของ ดร.วิเวียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ ในฐานะบุคคลภายนอก ได้มองเห็นภาวะผู้นำของประเทศไทย และปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งไม่แตกต่างกับความรู้สึกหรือความเห็นของคนไทย ที่มีต่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าเป็นบุคคลที่ขาดภาวะผู้นำ ไม่สามารถจะเป็นผู้นำประเทศได้ ซึ่งเห็นได้จากปรากฏการณ์ 5 ข้อ คือ
1.นางสาวแพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีมาระยะหนึ่ง ความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ มีความรู้สึกว่าประเทศไม่ได้ขาดผู้นำ ไม่ได้ขาดนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศหรือไม่ มีค่าเท่ากัน ถ้าหากตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังของนางสาวแพทองธาร
2.นางสาวแพทองธาร หยุดปฎิบัติหน้าที่ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ สังเกตได้ว่าการหยุดปฎิบัติหน้าที่ สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เป็นอย่างมาก เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นางสาวแพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่วันแรก ดัชนีหุ้นปรับตัวสูงขึ้นทันที ตลาดหุ้นคึกคัก ถ้าหากถึงวันศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นางสาวแพทองธาร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป เชื่อว่าตลาดหุ้นจะดีดตัวสูงขึ้นกว่านี้อีกมาก
3.นางสาวแพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ไม่เข้าร่วมการเจรจาในฐานะผู้นำประเทศกับประเทศกัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ส่งผลดีให้กับประเทศไทย เพราะถ้าหากตัวแทนประเทศไทย เป็นนางสาวแพทองธารก็ไม่มีหลักประกันใดว่า ระหว่างผลดีกับผลเสีย อะไรจะมีมากกว่ากัน การที่นางสาวแพทองธารไม่ไปร่วมหรือหยุดปฏิบัติหน้าที่ ถือว่าส่งผลดีต่อประเทศไทยมากมาย
4.นางสาวแพทองธาร ไม่ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ความเคลื่อนไหวของสมเด็จฮุนเซน ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับนางสาวแพทองธาร หยุดโพสต์สื่อโซเชียลโจมตีนางสาวแพทองธาร โดยตรงเห็น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นางสาวแพทองธาร คือบุคคลที่เป็นปัญหาของสมเด็จฮุนเซน และเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาความขัดแย้งระหว่าง ไทยกับกัมพูชา
5.เป็นการยืนยันว่าภาวะผู้นำของนางสาวแพทองธาร เมื่อหยุดปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีแล้ว ได้มาทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างลงตัว แสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะหรือภาวะผู้นำของนางสาวแพทองธาร อยู่ในระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งตรงกับความเห็นของผู้นำต่างประเทศ ที่มองว่านางสาวแพทองธาร มีปัญหาภาวะผู้นำจริงๆ
ส่วนเรื่องที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสิงคโปร์ พูดถึงความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา เชื่อว่าจากการประชุมจีบีซี และมีข้อตกลง 13 ข้อ ต้อง รอดูว่าทั้ง2ประเทศ จะปฏิบัติตามข้อตกลงหรือสัญญาที่เซ็นกันได้หรือไม่ เชื่อว่าประเทศไทยไม่มีปัญหาในการปฏิบัติตามข้อตกลง ส่วนกัมพูชาจะปฏิบัติตามข้อตกลงได้หรือไม่ อยากจะตั้งข้อสังเกต ให้รอดู3วัน ดูท่าทีของสมเด็จฮุนเซน ว่ามีการเคลื่อนไหวทางสื่อโซเชียลอย่างไร และมีประเด็นอะไรบ้างที่เคลื่อนไหวสุ่มเสี่ยงก่อให้เกิดความขัดแย้งอีกหรือไม่
ถ้าหากว่าภายใน3วันนี้ สถานการณ์เรียบร้อย สมเด็จฮุนเซน เก็บตัวเงียบ ไม่เคลื่อนไหว ไม่โพสต์โซเชียล ก็เชื่อได้ว่าทั้ง2ประเทศ สามารถปฏิบัติตามสัญญา 13 ข้อ ที่ทำไว้ได้