NUANOSE เริ่มต้นธุรกิจด้วยพนักงานที่ชื่อว่า AI สลายขอบเขตแบบเดิม
เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด สร้างโอกาสใหม่ ๆ อยู่รอบตัวเรา เช่นเดียว NUANOSE แบรนด์ยาดมที่เกิดขึ้นจาก AI ด้วยระยะเวลาเพียงเดือนเดียว สามารถเกิดธุรกิจแบบรวดเร็วในพริบตาเดียว
แน่นอนว่า เรื่องราวของ NUANOSE เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่น่าสนใจ เป็นการทลายกรอบเดิมการทำธุรกิจที่นำเทคโนโลยี AI มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ลดเวลา ช่วยสร้างไอเดียใหม่ ๆ ไม่ต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรจนเกินไป เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจของคนอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามเมทริกซ์ คอนซัลติ้ง จำกัด ขึ้นพูดในงาน Smart SME EXPO 2025 แชร์ไอเดียของธุรกิจในหัวข้อเสวนาเรื่องเริ่มธุรกิจด้วยพนักงานคนแรกชื่อ AI ว่าเกิดขึ้นจากการได้ไปพูดในงาน secret sauce โดยท้าทายตัวเองจะใช้เวลา 1 เดือน สร้าง 1 ไอเดีย ด้วย 1 คน บวกกับ Gen AI เพื่อสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้น เพราะไม่อยากพูดขายของ 75 นาที ซึ่งสิ่งที่ทำคือเลือกจากสิ่งของใกล้ตัวที่สุดนั่นคือ “ยาดม” เป็นของที่มอบให้กับลูกค้าของบริษัทคอนซัลที่ทำอยู่
“ยาดมมีการติดเบอร์โทรศัพท์ ติดต่อกรมสุขภาพข้อมูลได้ มีคนโทรมาเต็มเลย แต่ไม่มีใครอยากให้บริการ Big Data ส่วนใหญ่อยากได้ยาดม จึงปิ๊งไอเดียลองทำดูไหม”
หลังจากนั้นได้ไประดมสมองกับ AI ประเภท ChatGPT, Claude ทำให้ได้แบรนด์ที่ชื่อ นัว โนส ที่เกิดจากการผสมคำระหว่าง “นัว” ที่หมายถึง อร่อย กลมกล่อม ฟิลดีแบบอธิบายไม่ถูก เข้ากับคำว่า โนส ให้ความหมายถึงจมูกของคุณ ผ่านแนวคิดอยากให้เป็นยาดมที่ทันสมัย หอม.กลิ่นความเจริญ ขายความสนุก บ้า เข้าในคนในวันที่อยู่ยาก ซึ่งได้ออกมา 3 กลิ่น ล้อไปกับความขำ ได้แก่ 1.PayDay รอวันเงินเดือนออก 2.Soulmate Summoner เรียกหาคู่เข้ามาในชีวิต 3.The Bag แบกทุกอย่างของบริษัท ทั้งหมดนี้ใช้เวลาแค่ 10 นาที
เมื่อพูดในงาน secret sauce ปรากฏว่ามีคนสนใจมารอสอบถามข้อมูลของยาดม ผู้คนชอบมาก ว่าทำแบบนี้ได้อย่างไร จึงกลับมานั่งคิดว่าจะให้แบรนด์ออกมาแบบไหน และบทสรุปออกมาเป็นการผสมผสานระหว่าง 2 เมกะเทรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ AI กับ Wellness เกิดการรีแบรนด์ครั้งสำคัญ
“ถ้าผมทำได้ขนาดนี้ แล้วพี่ ๆ ทุกคนที่มีกึ๋นด้านธุรกิจขนาดย่อม หรือตระกูลเรื่องนี้มาโดยตลอด คิดดูว่าจะไปไกลแค่ไหน”
แม้จะใช้เทคโนโลยี AI สร้างธุรกิจนี้ขึ้นมา แต่บางเรื่องก็ยังคงใช้คนช่วยคิดอยู่ ไม่ว่าจะเป็น โลโก้แบรนด์ที่อ้างอิงหน้าตาจากตัวของผมเองที่ทีมงานรู้สึกถึงการทำงานหนัก รวมถึงจริตของแบรนด์ “กวนใจแต่จริงใจ” โดยแบรนด์ที่ดีต้องเป็นแบรนด์ที่คนรัก หากเอา AI มาทำจะไม่เข้าใจความรักของคน ต้องการเกิดจากการฟังคนพูด การมาออกบูธ เพื่อจะรับรู้ว่าคนชอบแบรนด์เราเพราะอะไร
ส่วนของการใช้ AI จะถูกนำมาใช้กับระบบหลังบ้านเรื่องของการสั่งซื้อสินค้าผ่าน LINE Official ซึ่งเป็นช่องทางหลัก และใช้ AI รังสรรค์กินใหม่ ๆ ที่เข้ากับแนวคิดของแบรนด์ ซึ่งใช้เวลาคิดออกมาได้เร็ว และมีจำนวนเยอะ เพื่อนำมาตัดสินใจอีกที ไม่ใช่แค่นั้น AI ยังช่วยคิดสูตรยาดม ในรูปแบบส่วนผสม อัตราส่วน มีความปลอดภัย นำไปคุยกับ OEM ช่วยทำให้เหนื่อยน้อยลง จนออกมาเป็น 4 กลิ่นใหม่ ได้แก่ 1.หวานร้อย 2.LaVie enนัว 3.เดอะแบก 4.รางวัลที่ 1
มาถึงตรงนี้การมาของ AI จะสร้างผลกระทบมากแค่ไหน และมนุษย์จะรอดหรือไม่ ดร.ณภัทร มองว่า “รอดแน่นอน” ในมุมมองผู้ประกอบการ ถ้าเรารู้ว่าควรจะเอา AI ไปใช้ตรงไหน เช่น งานที่เสียเวลา, งานที่ไม่มีปัญญาไปทำได้ และรู้ว่าคนควรจะไปวางตรงไหน แม้ไม่การันตีว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จหรือ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมักจะใช้คนได้อย่างถูกจุด เจอจุดตัดที่สำคัญ และคว้าโอกาสนั้นได้ เรื่องเหล่านี้จะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าไม่มีส่วนผสมของคนซึ่งเป็นส่วนสำคัญ
“จุดหนึ่งที่อยากให้จำไว้ พยายามสลายนิยาม “ขอบเขตของเรา” เราทุกคนเกิดมา เรียนมา ให้พยายามขยายขอบเขตตัวเองขึ้นเรื่อง เพราะทางรอดเดียวคือการขยายขอบเขตความสามารถ พร้อมนิยามศักยภาพใหม่ขึ้นมา”
เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง