โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

Spotlight: ประเทศไทยเกิดอะไรขึ้นบ้างในสัปดาห์นี้ [4-8 ส.ค. 68]

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพไฮไลต์

เป็นสัปดาห์ที่อะไรๆ เริ่มคลี่คลาย หลังจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้มีความตึงเครียดทางการเมืองค่อนข้างสูง จากการปะทะกันที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จนเกิดความสูญเสีย

สัปดาห์นี้มีทั้งข่าวที่สะท้อนการหาทางออกทางการเมือง อย่างการลงนาม ‘ข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ’ ในการประชุม GBC และในอีกด้านยังมีข่าวคราวเรื่องการสั่งย้ายผู้ว่าฯ อุบลราชธานี ซึ่งเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีความคืบหน้าในคดีสำคัญอย่างการยื่นฟ้อง 23 ผู้ต้องหาคดีตึก สตง. ถล่ม ให้ได้ติดตาม หรือข่าวความสำเร็จของ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ พ.ร.บ.ชาติพันธุ์ฯ ที่ผลักดันกันมาอย่างยาวนาน รวมถึงเรื่องราวชวนยิ้มจากวงการกีฬาและกิจกรรมครอบครัว

Spotlight รวบรวมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรอบสัปดาห์มาไว้ให้ที่นี่แล้ว

อัยการ ยื่นฟ้อง 23 ผู้ต้องหาคดีตึก สตง.ถล่มต่อศาลอาญา รวม ‘เปรมชัย-ITD-ไชน่าเรลเวย์’

จากเหตุการณ์ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตึกเพียงแห่งเดียวที่ถล่มหลังเกิดแผ่นดินไหว นำไปสู่การออกหมายจับกลุ่มบุคคลที่พบการกระทำความผิดเป็นเหตุให้อาคาร สตง. ถล่ม ล็อตแรก 17 ราย ใน 3 กลุ่ม บริษัทเอกชน คือ บริษัทกิจการร่วมค้า กลุ่มผู้รับเหมาควบคุมงาน และกลุ่มวิศวกรที่เซ็นรับรอง

เมื่อรวมพยานหลักฐานและส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาแล้ว ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 อัยการได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลรวมทั้งหมด 23 ราย

ผู้ต้องหาถูกฟ้องในฐานความผิดที่เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือวิธีการอันพึงกระทำนั้นๆ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และบางรายยังถูกฟ้องเพิ่มในข้อหาร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม

สำหรับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ประกอบด้วย

  • บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด

  • นายสุชาติ ชุติปภากร

  • นายพิมล เจริญยิ่ง

  • บริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด โดย นายธีระ วรรธนะทรัพย์ และ นายเซ็น เยา ฮุย (CHEN YAO HUI)

  • นายธีระ วรรธนะทรัพย์

  • นายสุพล อัครอารีสุข

  • นายชัยณรงค์ เสียงไพรพันธ์

  • นายอภิชาติ รักษา

  • บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด โดย นายปฏิวัติ ศิริไทย

  • นายปฏิวัติ ศิริไทย

  • บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดย นายกฤตภัฏ ปล่องกระโทก

  • นายกฤตภัฏ ปล่องกระโทก

  • บริษัท ว.และสหาย คอนซัลแตนตส์ จำกัด โดย นายพลเดช เทิดพิทักษ์วานิช และ นางประณีต แสงอลังการ (ขณะเกิดเหตุ)

  • นายพลเดช เทิดพิทักษ์วานิช

  • นายสมชาย เย็นทรัพย์

  • บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) โดย นายเปรมชัย กรรณสูต และ นางนิจพร จรณะจิตต์ (ขณะเกิดเหตุ)

  • นายเปรมชัย กรรณสูต

  • บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด โดย นายชวนหลิง จาง

  • นายชวนหลิง จาง

  • นายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา

  • นายอนุวัฒน คันษร

  • นายธิปัตย์ รัตนวงษา

  • นายวิศาล จุลพัลลภ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่มีการรายงานว่าการออกอนุมัติหมายจับ ‘ล็อตสอง’ คาดว่า จะเป็นกลุ่มข้าราชการในอาคาร สตง. เนื่องจาก ‘คณะกรรมการตรวจรับงานพัสดุในงานจ้างการก่อสร้าง’ ซึ่งมีรองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเป็นประธานกรรมการ มีอำนาจในการลงนามการแก้ไขแบบอาคาร ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีรายงานความคืบหน้าแต่อย่างใด

ผลประชุม GBC ยุติความขัดแย้งไทย - กัมพูชา พร้อมลงนามข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อร่วมกัน

การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ได้เสร็จสิ้นลงแล้วด้วยความเห็นพ้องใน ข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ โดยมีเป้าหมายสำคัญในการคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนและนำมาซึ่งสันติภาพและการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุกของประชาชนทั้งสองประเทศ

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ณ ประเทศมาเลเซีย โดยฝ่ายไทยนำโดย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และฝ่ายกัมพูชานำโดย พล.อ.เตีย เซฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กัมพูชา นอกจากนี้ ยังมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน เข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุมด้วย

ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องในแนวทางการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ และได้ร่วมลงนามในบันทึกผลการประชุม ซึ่ง พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า กัมพูชาแสดงความจริงใจต่อการหยุดยิงในครั้งนี้

สาระสำคัญของข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ มีดังนี้

  • ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี

  • รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 กรกฎาคม 2568 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย

  • ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

  • ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดนเขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 กรกฎาคม 2568 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน

  • ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี

  • การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ

  • กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์

  • เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้

8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่

8.2 จัดการประชุม RBC (คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค) ภายใน 2 สัปดาห์นับจากการประชุม GBC ใน 7 สิงหาคม 2568

8.3 ดำรงช่องทางการติดต่อสื่อสารโดยตรงระดับรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองประเทศ

  • งดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือข่าวปลอม

ส่วนที่ 2 กลไกตรวจสอบการหยุดยิง

  • ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการตามผลหารือเมื่อ 28 กรกฎาคม 2568 ซึ่งรวมถึงการหยุดยิงและการมีคณะผู้สังเกตการณ์จากประเทศสมาชิกอาเซียน นำโดยมาเลเซีย

  • เห็นชอบให้ RBC ในแต่ละพื้นที่ ดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิง โดยมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน ซึ่งนำโดยมาเลเซียเป็นผู้ร่วมสังเกตการณ์ โดย RBC จะพบกันเป็นประจำ และส่งรายงานให้ GBC ตามสายการบังคับบัญชาของแต่ละฝ่าย

  • ในระหว่างการจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนที่มีมาเลเซียเป็นผู้นำ จะใช้กลไกคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ซึ่งประกอบด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารประเทศสมาชิกอาเซียน ประจำประเทศไทย และกัมพูชา ทำหน้าที่แทนเป็นการชั่วคราว

ส่วนที่ 3 การประชุม GBC

  • ให้จัดการประชุม GBC ในหนึ่งเดือนหลัง 7 สิงหาคม 2568 (สถานที่จะตกลงกันภายหลัง) หรือมิเช่นนั้นการประชุม GBC วิสามัญ จะถูกจัดขึ้นเพื่อเจรจาการหยุดยิง

  • เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง GBC "ไทย-กัมพูชา" เห็นพ้องรักษาสันติภา

ผู้ว่าฯ อุบลโดนสั่งย้าย เพราะเบิกงบช่วยชายแดนเพียง 55,600 บาท

กรณีมีการเบิกจ่ายงบประมาณช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเพียง 55,600 บาท กระทั่ง ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งให้ชี้แจง

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568 ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้ชี้แจงถึงการดำเนินการช่วยเหลือและการเบิกจ่ายงบเยียวยา โดยระบุว่าจังหวัดมีเป้าหมายดูแลประชาชนกว่า 20,000 คน และบ้านเรือนเสียหาย 129 หลังคาเรือน การช่วยเหลือได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องใน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.น้ำยืน อ.น้ำขุ่น และ อ.นาจะหลวย

ผู้ว่าฯ ได้แจกแจงรายการช่วยเหลือและงบประมาณที่เกี่ยวข้องดังนี้:

  • โรงครัวพระราชทาน: ดำเนินการระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม-4 สิงหาคม 2568 มีการจัดทำอาหารกล่องแจกจ่ายรวม 122,959 กล่อง คิดเป็นมูลค่า 1,238,784 บาท

  • การบริจาคสิ่งของจากสภากาชาดไทย: โดยสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดอุบลราชธานี และสถานีกาชาดที่ 7 มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชน มูลค่ารวม 1,960,000 บาท

  • การเบิกจ่ายงบประมาณทดรองราชการ หรือการเบิกเงินจากคลังไปใช้จ่ายในภารกิจที่จำเป็นเร่งด่วน โดยไม่ต้องรองบประมาณปกติ:

  • ด้านชีวิตและทรัพย์สิน: เบิกจ่ายไปแล้วเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 จำนวน 55,600 บาท

    • ด้านที่อยู่อาศัยและปศุสัตว์: คาดว่าจะเบิกจ่ายภายในวันที่ 12 สิงหาคม 2568 รวม 4,731,316 บาท

  • การสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.): อปท. 19 แห่ง ในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้จัดสรรงบประมาณตนเองเพื่อช่วยเหลือด้านอาหารและสิ่งของอื่น ๆ รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 6,339,792 บาท

ผู้ว่าฯ อุบลราชธานียืนยันว่าได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง โดยยึดหลักความโปร่งใส รวดเร็ว และทั่วถึง

ถัดมาในวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี) ได้เปิดเผยว่า มีคำสั่งย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย โดยสาเหตุการย้ายมาจากปัญหาเรื่องการเบิกเงินทดรองราชการเพียง 55,600 บาท จากงบประมาณ 100 ล้านบาท ดังที่กล่าวถึงไปในข้างต้น

สำหรับคำถามที่ว่า จะย้ายมาถาวรหรือชั่วคราวและจะรอผลสอบสวนก่อนหรือไม่นั้น ภูมิธรรมระบุว่า “เดี๋ยวค่อยว่ากัน”

ในวันเดียวกันที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเดินทางมารับมอบนโยบายจากภูมิธรรม ก็ได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับเรื่องนี้

พ.ร.บ.ชาติพันธ์ุฯ ผ่าน แต่ยังมีเรื่องที่ต้อง ‘ผลักดันต่อ’ เพื่อให้คนชาติพันธุ์ถูกโอบรับอย่างแท้จริง

เป็นเรื่องน่ายินดีที่เมื่อ 6 สิงหาคม 2568 ที่ประชุมสภาฯ มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ หรือ พ.ร.บ.ชาติพันธุ์ฯ กฎหมายที่ผู้ผลักดันอยากปลดล็อกพันธนาการทางโครงสร้าง และคืนสิทธิให้ผู้คนที่ดำรงชีวิตในแบบของตนได้อย่างเสมอภาคและภาคภูมิใจในรากเหง้า

พ.ร.บ. ฉบับนี้ มีสาระสำคัญ 5 ประการ ได้แก่

  • รับรองสิทธิและเสรีภาพของกลุ่มชาติพันธุ์ตามรัฐธรรมนูญ คุ้มครองตามกฎหมาย และป้องกันการเลือกปฏิบัติอันเกิดจากความแตกต่างทางชาติพันธุ์

  • จัดตั้งคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ร่วมด้วยหน่วยงานรัฐ ผู้แทนกลุ่มชาติพันธุ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ และภาคประชาสังคม ทำหน้าที่กำหนดนโยบายและทิศทางการดำเนินงาน

  • จัดตั้ง ‘สภาคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์แห่งประเทศไทย’ ทำหน้าที่เป็นเวทีกลางสำหรับการประสานงาน แลกเปลี่ยนความรู้ และผลักดันแนวทางในการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์

  • จัดให้มีฐานข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ในระดับประเทศ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกำหนดนโยบายและมาตรการคุ้มครองและส่งเสริมอย่างมีประสิทธิภาพ

  • สนับสนุนการจัดตั้ง ‘เขตพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์’ ด้วยแนวคิดการจัดการร่วม (Co-management) ซึ่งยอมรับสิทธิของชุมชนในการดำรงชีวิตควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากร เปลี่ยนจากกระบวนทัศน์แบบเผชิญหน้า สู่การแสวงหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ

อย่างไรก็ตาม มีอย่างน้อย 3 เรื่องที่ต้องผลักดันต่อ เพื่อให้พี่น้องชาติพันธุ์ถูกโอบรับอย่างแท้จริง

ประเด็นแรก การนิยามคำว่า ‘กลุ่มชาติพันธุ์’ ให้หมายถึง ‘ชาวไทยที่ตั้งถิ่นฐานเป็นกลุ่ม…’ เมื่อใช้คำว่า ‘ชาวไทย’ หากตีความตามตัวอักษรก็จะมีนัยว่าคุ้มครองเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีฐานะเป็นพลเมืองไทย หรือคนที่มีบัตรประชาชนเท่านั้น ซึ่งจะมีผู้ที่หล่นหายไปจำนวนมาก

ประเด็นถัดมา ใน พ.ร.บ. มีการเพิ่มหน่วยงานอีกจำนวนมาก เข้ามาในสัดส่วนของกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ดังนั้น อาจยังต้องจับตาต่อไปว่าการเพิ่มหน่วยงานเข้ามาจะช่วยให้เกิดการบูรณาการหรือสร้างข้อจำกัดการทำงานในอนาคต

สุดท้าย การกำหนด ‘พื้นที่คุ้มครอง’ หัวใจสำคัญของ พ.ร.บ.ชาติพันธุ์ฯ ถูกตัดหลักการสำคัญออกไปหลายหลักการ และแม้ว่ากฎหมายจะอนุญาตให้มีพื้นที่คุ้มครองจริง แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ต้องสอดคล้องกับ ‘กฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง’ โดยกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในที่นี้ หมายถึงกฎหมายเกี่ยวกับพื้นที่อนุรักษ์ทั้งหลาย ซึ่งอาจจะไม่เปิดให้ทำพื้นที่คุ้มครองเลย หรือเป็นไปได้ยาก

พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผ่านแล้ว

วันที่ 4 สิงหาคม 2568 การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ…..ซึ่งที่ประชุมวุฒิสภาได้ผ่านความเห็นชอบในวาระที่ 2 และ 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 105 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง งดออกเสียง 12 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง และเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เพื่อจัดส่งไปยังคณะรัฐมนตรีหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป

ขณะที่สมาคมคราฟท์เบียร์ ได้หยิบยกสาระสำคัญในหมวด 4/1 ที่ว่าด้วยการโฆษณามาแบ่งปัน โดยมีใจความสำคัญดังนี้

มาตรา 32/1 ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เว้นแต่เป็นการให้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ หรือประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ต้องทำตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด ต่างจากกฎหมายเดิมที่ห้ามโฆษณา แสดงชื่อ หรือเครื่องหมายทั้งทางตรงทางอ้อม

มาตรา 32/2 ห้ามใช้ชื่อเสียงเพื่อแสวงหาประโยชน์ ชักจูงใจให้ผู้อื่นบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เว้นแต่เป็นการสื่อสารทางวิชาการให้แก่สมาชิกในวงจำกัด

มาตรา 32/3 ห้ามโฆษณาผลิตภัณฑ์หรือสิ่งอื่นใดที่ใช้ชื่อ โลโก้ หรือสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการโฆษณา

มาตรา 32/4 ห้ามแฝงการส่งเสริมให้คนอยากดื่มแอลกอฮอล์ ผ่านการสนับสนุนกิจกรรมสาธารณะ

มาตรา 32/5 ห้ามเผยแพร่กิจกรรมหรือข่าวสารเพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมอันมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 32/4

ขั้นตอนถัดไป นายกรัฐมนตรีจะนำร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อลงพระปรมาภิไธย ก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ต่อไป จากนั้นจะต้องรอกฎกระทรวงออกมารองรับการบังคับใช้ในรายละเอียดต่างๆ

‘พีรชญา-พีรยา พลับพลา’ สองสาวฝาแฝดคนไทย คว้า ‘แชมป์โลก’ กระโดดเชือกฟรีสไตล์

ทีมนักกีฬากระโดดเชือกทีมชาติไทยสร้างผลงานยอดเยี่ยมบนเวทีโลก คว้า 1 เหรียญทองและ 4 เหรียญเงิน จากศึก 2025 World Jump Rope Championships ที่เมืองคาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม-3 สิงหาคม 2568 ซึ่งการแข่งขันรายการนี้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและดึงดูดนักกีฬาจากทั่วโลก โดยปีนี้ญี่ปุ่นในฐานะเจ้าภาพได้จัดการแข่งขันด้วยมาตรฐานระดับนานาชาติ

ไฮไลต์ของรายการคือผลงานของสองสาวฝาแฝด พีรชญา พลับพลา และ พีรยา พลับพลา ที่คว้า แชมป์โลกประเภท Wheel Pair Freestyle ท่ามกลางการแข่งขันกับนักกีฬาชั้นนำจากหลายประเทศ นอกจากนี้ ทีมไทยยังคว้าเหรียญเงินอีก 4 รายการจากประเภทอื่นๆ ตอกย้ำศักยภาพและพัฒนาการของวงการกระโดดเชือกไทยในระดับสากล

12 สิงหาคม ‘ผู้สูงอายุ-เด็กอายุสูงไม่เกิน 135 ซม.’ เที่ยวสวนสัตว์ในสังกัดองค์การสวนสัตว์ฯ ‘ฟรี’

ในวันที่ 12 สิงหาคม 2568 องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยเชิญชวนครอบครัวพาผู้สูงอายุและเด็กอายุไม่เกิน 12 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 เซ็นติเมตร เข้าชมสวนสัตว์ในสังกัดทั่วประเทศ ได้แก่

  • สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี

  • สวนสัตว์เชียงใหม่

  • สวนสัตว์นครราชสีมา

  • สวนสัตว์สงขลา

  • สวนสัตว์ขอนแก่น

  • สวนสัตว์อุบลราชธานี

  • โครงการคชอาณาจักร จังหวัดสุรินทร์

จงกลนี แก้วสด รักษาการผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ฯ กล่าวว่า ปีนี้ได้เตรียมสถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมพิเศษ เพื่อให้ทุกวัยใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข เช่น การสาธิตให้อาหารสัตว์ และกิจกรรมส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับสัตว์ป่า

อ้างอิง:

บทความต้นฉบับได้ที่ : Spotlight: ประเทศไทยเกิดอะไรขึ้นบ้างในสัปดาห์นี้ [4-8 ส.ค. 68]

บทความที่เกี่ยวข้อง

ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : plus.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

คุยกับ กษิร ชีพเป็นสุข บทสนทนาว่าด้วยเรื่อง ‘อาเซียน’ เมื่อการร่วมใจของเอเชียอาคเนย์ เต็มไปด้วยความท้าทายและข้อจำกัด

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

37 ปี การลุกฮือ 8888 การเลือกตั้งพม่า 2025 จะเป็นเพียงพิธีกรรมสืบทอดอำนาจ

7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

‘ฮุนเซน’ หยามม.รามฯ เพิกถอนปริญญาไปก็ไร้ค่า-โยนทิ้งชักโครกตั้งแต่ปี 2551

ไทยโพสต์

‘เพื่อไทย’ แจงรัฐบาลมอบ 7 รมต. ตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิง

The Bangkok Insight

ฮุน เซน วอน ไทย หยุดใช้หนังสติ๊กยิง แทนอาวุธสงคราม ถือเป็นเรื่องใหญ่ ละเมิดข้อตกลง

มุมข่าว

‘ฮุนเซน’ โพสต์ภาพทหารไทย-กัมพูชาใช้หนังสติ๊ก จี้สองฝ่ายหยุดยิงก่อนลุกลาม

ไทยโพสต์
วิดีโอ

สรุปข่าวรายวัน 8 ส.ค.

THE ROOM 44 CHANNEL

ด่วน!! ทภ.2 ขอประชาชนเฝ้าระวัง ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ

มุมข่าว

ข่าวและบทความยอดนิยม

คุยกับ กษิร ชีพเป็นสุข บทสนทนาว่าด้วยเรื่อง ‘อาเซียน’ เมื่อการร่วมใจของเอเชียอาคเนย์ เต็มไปด้วยความท้าทายและข้อจำกัด

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

ASEAN POP MUSIC ชวนฟัง10 เพลงป๊อปจาก 10 ประเทศอาเซียน

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

Spotlight: ประเทศไทยเกิดอะไรขึ้นบ้างในสัปดาห์นี้ [4-8 ส.ค. 68]

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส
ดูเพิ่ม