ย้อนอดีตต่ออายุราชการ ‘ผบ.เหล่าทัพ’ 4 ครั้ง-หมดยุค ‘อาทิตย์อัสดง’ ทำได้แค่คิด!
มีกระแส มีกองเชียร์ว่ารัฐบาล และกองทัพบก อย่าเปลี่ยนม้ากลางศึก (ไทย-กัมพูชา) ควรต่ออายุราชการให้กับ “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย. 68
ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงคัดค้านจำนวนไม่น้อยว่า ควรปล่อยให้เป็นระบบ ระเบียบของทางราชการตามปกติ ใครรับราชการมาถึงอายุ 60 ปี ก็ต้องเกษียณอายุเหมือนกับข้าราชการในกรม กระทรวงอื่นๆ โดยไม่มีเหตุผล และไม่มีข้อยกเว้นอื่นใด
โดยเฉพาะระดับนายพลที่ต่อแถวขึ้นมาเป็น“แม่ทัพภาคที่ 2” คนต่อไป ไม่ใช่หาไม่ได้ หรือว่าขาดแคลนกันเสียทีเดียว เนื่องจากมีแคนดิเดตอยู่ 3 คน ล้วนมีความเหมาะสมทั้งสิ้น เรียงตามลำดับอาวุโสประกอบด้วย
1.พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 อดีต ผบ.พล.ร.6 (กองกำลังสุรนารี) เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 26 (ตท.26) รุ่นเดียวกับพล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. และ “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน
2.พล.ต.นรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาค 2 (ตท.26) รุ่นเดียวกับ ผบ.ทบ. และ “แม่ทัพกุ้ง” เหมือนกัน โดย พล.ต.นรธิป เคยเป็น ผบ.พล.ร.3 (กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี) เดินตามรอยแม่ทัพกุ้งมานั่นแหละ
3.พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาค 2 (ตท.27) เป็นคน จ.สุรินทร์ พูดภาษากัมพูชาได้ อดีตเคยเป็น ผบ.ทหารพรานค่ายปักธงชัย และ ผบ.พล.ร.6 (กองกำลังสุรนารี)
พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 มีหน่วยกำลังรบหลักอยู่ 2 กองพล คือ พล.ร.3 จ.นครราชสีมา หรือ “กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี” รับผิดชอบชายแดนภาคอีสานตอนบน ตั้งแต่ จ.เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร โดยมีหน่วยขึ้นตรงของ พล.ร.3 ตั้งกระจายอยู่ใน จ.นครราชสีมา เลย อุดรธานี ขอนแก่น สกลนคร นครพนม
พล.ร.6 จ.ร้อยเอ็ด (กองกำลังสุรนารี) รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนภาคอีสานตอนล่าง ตั้งแต่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ โดยมีหน่วยขึ้นตรงของ พล.ร.6 ตั้งกระจายอยู่ใน จ.นครราชสีมา ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ
“แม่ทัพภาคที่ 2” ที่ผ่านมา ล้วนมาจาก ผบ. 2 กองพลนี้สลับกัน ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาระดับสูงว่าจะเลือกใช้งานใคร แค่นั้นเอง!.
ย้อนไปในอดีตประเทศไทย เคยมีการต่ออายุราชการให้กับนายทหารระดับสูงมาแล้ว 4 ครั้ง ท่ามกลางเสียงครหาว่าเพื่อเป็น “ไม้ค้ำเสถียรภาพรัฐบาลทหาร” ในยุคนั้น
1.ปี 2515 มีการต่ออายุราชการให้แก่ จอมพลถนอม กิตติขจร ในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ออกไปอีก 1 ปี เพื่อควบคุมกองทัพ
2.ปี 2516 มีการต่ออายุราชการให้กับ จอมพลประภาส จารุเสถียร ผบ.ทบ. ออกไปอีก 1 ปี
3.ปี 2523 รัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มีมติให้ต่ออายุ พล.อ.เปรม ในตำแหน่ง ผบ.ทบ. ออกไปอีก 1 ปี เพื่อต้องการควบคุมกองทัพ จนนำไปสู่ความไม่พอใจในหมู่ทหาร และเป็นความขัดแย้งภายในกองทัพ นำมาสู่เหตุการณ์ “เมษาฮาวาย” หรือ “กบฏยังเติร์ก” ในเดือน เม.ย. 2524
4.ปี 2527 รัฐบาล พล.อ.เปรม มีมติต่ออายุราชการให้ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ผบ.สส. และ ผบ.ทบ. ออกไปอีก 1 ปี
นับตั้งแต่ “อาทิตย์อัสดง” หมดยุคของ พล.อ.อาทิตย์ ได้มีความพยายามโยนหินถามทาง พูดถึงการจะต่ออายุราชการให้กับผู้นำเหล่าทัพอีกหลายคนในตำแหน่ง ผบ.สส. และ ผบ.ทบ. แต่ทำได้แค่คิด! เพราะมีเสียงคัดค้าน ไม่เห็นด้วยดังกึกก้องมากกว่าในอดีต จนไม่มีรัฐบาลไหนกล้าต่ออายุราชการให้ใครอีก ปล่อยให้เป็นไปตามระเบียบราชการปกติดีกว่า แล้วที่สำคัญยังมีทั้งเพื่อน และรุ่นน้องๆ ยืนต่อแถวอยู่ข้างหลัง ก็หวังที่จะก้าวหน้า เจริญเติบโตในชีวิตราชการทหารเหมือนกัน.