'พรบ.ลดโลกร้อน' ฉบับแรกใกล้คลอด รอ 30 หน่วยงานไฟเขียว ก่อนเสนอ ครม.
พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "พ.ร.บ.ลดโลกร้อน" ถือเป็นกฎหมายฉบับแรกและฉบับสำคัญที่ประเทศไทยกำลังดำเนินการเพื่อเตรียมรับมือกับวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นระบบและยั่งยืน กฎหมายฉบับนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างกรอบนโยบายที่ชัดเจนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสนับสนุนการปรับตัวของประเทศในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ความคืบหน้าล่าสุดของ พ.ร.บ. ฉบับนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยในการก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคต
โดย "ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช" อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้อยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการดำเนินการ และใกล้จะเข้าสู่ขั้นตอนการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา
ปัจจุบัน สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกำลังดำเนินการรวบรวมความคิดเห็นจาก กว่า 30 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลายหน่วยงานได้ตอบกลับมาแล้วบางส่วน และคาดว่าจะสามารถรวบรวมได้ครบถ้วนในเร็วๆ นี้
เมื่อรวบรวมความคิดเห็นครบ ร่าง พ.ร.บ. จะถูกเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการของ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ก่อนจะส่งต่อให้ สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเพื่อออกเป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการ
ดร.พิรุณ กล่าวว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้จะเป็น "กลไกสำคัญ" ที่ช่วยให้ประเทศไทยรับมือกับ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้อย่างเป็นระบบ โดยหัวใจหลักของกฎหมายฉบับนี้คือการจัดตั้ง "กองทุนภูมิอากาศ" เพื่อเป็นแหล่งสนับสนุนด้านการเงินแก่กิจกรรมหรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับ การปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ และการขับเคลื่อนประเทศสู่ เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
พ.ร.บ.นี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้ทุกภาคส่วนของไทยสามารถรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศได้อย่างยั่งยืนและสมดุล ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจึงนับเป็น หมุดหมายสำคัญของประเทศไทย ในการแสดงออกถึง ความมุ่งมั่นระดับชาติ ในการแก้ไขปัญหาโลกร้อน และรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งยกระดับความสามารถของประเทศในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนระหว่างประเทศ และเสริมสร้างความร่วมมือในระดับโลก