โลกร้อนทำน้ำแข็งละลาย เสี่ยงปลุกภูเขาไฟระเบิดถี่ขึ้น!
นักวิทยาศาสตร์เผยผลการศึกษาล่าสุด พบความเชื่อมโยงระหว่างวิกฤตสภาพภูมิอากาศกับความเสี่ยงการปะทุของภูเขาไฟ โดยการละลายของธารน้ำแข็งที่ปกคลุมยอดเขา อาจเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้ภูเขาไฟที่หลับใหลอยู่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
ทีมนักวิจัยอธิบายว่า มวลน้ำแข็งมหึมาที่ปกคลุมภูเขาไฟทำหน้าที่เสมือน “ฝาปิดธรรมชาติ” กดทับห้องแมกมาใต้พื้นผิวโลกไม่ให้ปะทุขึ้นมาได้ง่าย แต่เมื่อธารน้ำแข็งละลาย น้ำหนักและแรงกดมหาศาลที่เคยมีอยู่จะหายไป ทำให้พื้นดินด้านล่างมีแนวโน้มถล่มหรือแตกตัว และเปิดโอกาสให้แมกมาเคลื่อนตัวสู่ผิวโลก นำไปสู่การปะทุที่รุนแรงมากขึ้น
พื้นที่ที่น่ากังวลที่สุดคือ แอนตาร์กติกาตะวันตก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่ามีภูเขาไฟหลับใหลมากกว่า 100 ลูกซ่อนอยู่ใต้ผืนน้ำแข็ง หากอุณหภูมิโลกยังคงร้อนขึ้นในอัตราเช่นปัจจุบัน ธารน้ำแข็งในภูมิภาคนี้อาจละลายเพียงพอที่จะปลุกภูเขาไฟเหล่านั้นให้ระเบิดขึ้นได้
การปะทุของภูเขาไฟไม่เพียงสร้างความเสียหายแก่พื้นที่ใกล้เคียง แต่ยังส่งผลต่อระบบนิเวศและบรรยากาศของโลก เถ้าภูเขาไฟและก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์สามารถสะท้อนแสงอาทิตย์ ทำให้อุณหภูมิโลกลดลงชั่วคราว ทว่า หากภูเขาไฟปะทุบ่อยครั้ง อาจปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างคาร์บอนไดออกไซด์และมีเทนจำนวนมาก ซึ่งจะซ้ำเติมภาวะโลกร้อนในระยะยาว
งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นวัฏจักรที่อันตราย
1. ภาวะโลกร้อนเร่งการละลายของธารน้ำแข็ง
2. ธารน้ำแข็งละลายเพิ่มโอกาสภูเขาไฟปะทุ
3. ภูเขาไฟปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศ
4. ก๊าซเรือนกระจกทำให้โลกร้อนขึ้น และน้ำแข็งละลายมากขึ้น
นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า วัฏจักรนี้อาจดำเนินต่อไปหากไม่มีการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง และการละลายของธารน้ำแข็งที่หลายคนคิดว่า “ไกลตัว” อาจกลายเป็นชนวนหายนะในระดับโลกได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง