“จ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ” ลดครั้งแรกในรอบ 2 ปี หวั่นเศรษฐกิจชะลอ-เฟดจ่อหั่นดอกเบี้ย ก.ย.
"จ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ" ลดลง 33,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน ลดครั้งแรกในรอบ 2 ปี ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและนโยบายการค้า ตลาดจับตาเฟดจ่อหั่นดอกเบี้ย ก.ย.68
วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 เวลา 01.10 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ในเดือนมิถุนายน 2568 ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ฉุดรั้งการจ้างงาน แต่การปลดพนักงานในภาพรวมยังอยู่ในระดับต่ำ ช่วยพยุงตลาดแรงงานโดยรวมไว้ได้
รายงานการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพุธ ระบุว่าจำนวนตำแหน่งงานภาคเอกชนลดลง 33,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน ถือเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 หลังจากตัวเลขเดือนพฤษภาคมถูกปรับลดลงเหลือเพิ่มขึ้นเพียง 29,000 ตำแหน่ง นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าว Reuters สำรวจคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้น 95,000 ตำแหน่ง จากที่เคยรายงานไว้ก่อนหน้าว่าเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 37,000 ตำแหน่ง
รายงานระบุว่ามีการสูญเสียงานในภาคบริการด้านวิชาชีพและธุรกิจ, การศึกษาและบริการด้านสุขภาพ และกิจกรรมทางการเงิน ขณะที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ, การผลิต และการก่อสร้างยังมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น
รายงานของ ADP ซึ่งพัฒนาร่วมกับ Stanford Digital Economy Lab เผยแพร่ก่อนรายงานการจ้างงานฉบับสมบูรณ์ของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี ทั้งนี้ตัวเลขของ ADP และรายงานของ BLS (Bureau of Labor Statistics) ไม่มีความสัมพันธ์กันโดยตรง โดยรายงานของ BLS ถูกเผยแพร่ออกมาเร็วกว่าปกติ 1 วันเนื่องจากวันหยุดวันชาติสหรัฐในวันศุกร์
นักเศรษฐศาสตร์มองว่าตัวเลขของ ADP ที่ลดลงไม่น่ากังวล เนื่องจากที่ผ่านมา ตัวเลขดังกล่าวไม่ได้สะท้อนข้อมูลของรัฐบาลอย่างแม่นยำให้ดูตัวเลข ADP เพื่อมองภาพรวมเท่านั้น
Carl Weinberg หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ High Frequency Economics กล่าวว่า “ตอนนี้ภาพรวมชี้ให้เห็นว่าการจ้างงานภาคเอกชนจากข้อมูล ADP ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนธันวาคม การลดลงครั้งใหญ่ในวันนี้ยิ่งตอกย้ำแนวโน้มดังกล่าว”
ขณะเดียวกันตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวผสมผสาน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าฉุดตลาดแรงงาน การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัวลงเนื่องจากธุรกิจต่างๆ ต้องรับมือกับความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า แต่จนถึงขณะนี้บริษัทยังไม่ปลดพนักงานในวงกว้าง จึงช่วยพยุงตลาดแรงงานโดยรวมไว้
รายงานแยกจากบริษัทจัดหางานระดับโลก Challenger, Gray & Christmas ระบุว่าจำนวนการปลดพนักงานที่ประกาศโดยนายจ้างในสหรัฐอยู่ที่ 47,999 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน ลดลง 49% จากเดือนก่อนหน้า ส่วนยอดการปลดพนักงานรวมในไตรมาส 2 อยู่ที่ 247,256 ตำแหน่ง ลดลง 50% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก อย่างไรก็ตาม แผนการจ้างงานใหม่ลดลงเหลือเพียง 3,191 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน จาก 9,683 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม
การชะลอตัวของการจ้างงานยังสะท้อนจากรายงาน JOLTS ของรัฐบาลที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร ซึ่งระบุว่าจำนวนการจ้างงานใหม่ในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 5.503 ล้านตำแหน่ง ลดลง 112,000 ตำแหน่ง ขณะที่จำนวนตำแหน่งงานว่างต่อผู้ว่างงานอยู่ที่ 1.07 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจาก 1.03 ในเดือนเมษายน
นักวิเคราะห์ที่ Reuters สำรวจ คาดว่ารายงานการจ้างงานของรัฐบาลจะเผยให้เห็นว่าจำนวนตำแหน่งงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 105,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน หลังจากเพิ่มขึ้น 140,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม ขณะที่ตำแหน่งงานนอกภาคเกษตรกรรมโดยรวมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 110,000 ตำแหน่ง ลดลงจาก 139,000 ตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า และคาดว่าอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% จาก 4.2% ในเดือนพฤษภาคม
นักเศรษฐศาสตร์ยังไม่แน่ใจว่ากฎหมายลดภาษีและเพิ่มการใช้จ่ายมูลค่ามหาศาลของรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งวุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านไปอย่างฉิวเฉียดเมื่อวันอังคาร จะช่วยกระตุ้นการจ้างงานหรือไม่ โดยนักวิเคราะห์อิสระประเมินว่ากฎหมายนี้จะเพิ่มภาระหนี้ของประเทศอีก 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ในทศวรรษข้างหน้า ทั้งนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวยังต้องผ่านการลงมติในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากอยู่ทั้งสองสภา
ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะกลับมาลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนกันยายน หลังจากที่ Fed คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในช่วง 4.25% - 4.50% ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว
ประธาน Fed เจอโรม พาวเวลล์ ย้ำเมื่อวันอังคารว่าธนาคารกลางจะรอดูผลกระทบของภาษีศุลกากรที่มีต่อเงินเฟ้อ ก่อนตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้ง
Oliver Allen นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก Pantheon Macroeconomics กล่าวว่า “เรายังคงคาดว่าตำแหน่งงานภาคเอกชนจะเพิ่มขึ้น 100,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน ซึ่งแม้จะชะลอลงจากค่าเฉลี่ย 197,000 ตำแหน่งต่อเดือนในช่วง 6 เดือนก่อนหน้า แต่ก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้ Fed ยังไม่ลดดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม …คาดว่าเฟดจะรอไปจนถึงเดือนกันยายน”
อ้างอิง : reuters.com