'ดีเอสไอ'ประสาน4หน่วยงานสางคดี'เขากระโดง'
"ศรีสุวรรณ" จี้ "ป.ป.ช."เร่งส่งศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ขาด 484 สส.-สว.และ ครม.ฝ่าฝืน ม.144 ปมโยกงบชำระหนี้ดอกเบี้ยเงินกู้ ธนาคารรัฐ 5 แห่ง ไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 3.5 หมื่นล้าน ด้าน "ดีเอสไอ" ประสาน 4 หน่วยงานขอข้อมูลเอกสารปมที่ดินเขากระโดง ก่อนสนธิกำลัง "รฟท." ลงพื้นที่พร้อมขีดเส้นทำหนังสือทวงถาม 15 วัน หากไม่ส่งข้อมูล
เมื่อวันที่ 4 ส.ค.68 รายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนกรณีพิพาทที่ดินบริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ว่า ทางคณะพนักงานสืบสวนเรื่องที่ดินบริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ได้มีการประสานเรื่องเอกสารไปยัง 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 1.การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) 2.กรมที่ดิน 3.สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ และ 4.จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเฉพาะศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเคยได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 เพราะจะมีข้อเท็จจริงหลายประการที่สามารถใช้ตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ ทั้งนี้ ดีเอสไอสามารถทำหนังสือทวงถามได้อย่างมากไม่เกิน 15 วัน ที่หน่วยงานจะต้องทำเอกสารชี้แจง โดยเมื่อได้รับเอกสารชี้แจงครบถ้วนแล้ว ดีเอสไอจึงจะมีการลงพื้นที่จริงบริเวณที่ดินเขากระโดงร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อไปพบกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการถือครองโฉนดที่ดินทั้งหมด เพราะคำพิพากษาศาลฎีกามีความชัดเจนแล้ว สามารถนำประกอบสำนวนการสืบสวนได้
"กลุ่มเป้าหมายที่ดีเอสไอจะตรวจสอบเรื่องการครอบครองโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง อาทิ กลุ่มบุคคลทั่วไป กลุ่มนิติบุคคล/บริษัท มีกี่ราย รายใดบ้าง แต่ปัจจุบันยังพบว่ามี 1 ราย เป็นนิติบุคคล ที่ไม่ใช่เส้นสายตระกูลสกุลดัง มีการครอบครองเป็นพันไร่ (ในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต) ซึ่งดีเอสไออยู่ระหว่างสืบสวนว่าบุคคลใดเป็นเจ้าของตัวจริง" รายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุ
ที่สำนักงานใหญ่ ป.ป.ช. จังหวัดนนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้เร่งการชี้มูลความผิดเหล่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจำนวน 484 ราย ประกอบด้วย ส.ส. 309 คน สว. 175 คน กรรมาธิการงบประมาณและสมาชิก ครม. ทั้งของนายเศรษฐาและของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร กรณีโยกงบประมาณจากการชำระหนี้-ดอกเบี้ยเงินกู้ ธนาคารรัฐ 5 แห่ง ไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 3.5 หมื่นล้านบาท และการโอนงบเข้า 'กองทุน สส.สว.' ถือเป็นการกระทำที่อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่งและสองหรือไม่
เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 1 ส.ค.68 กรณีนาย พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการและให้มีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการ ในการพิจารณา(ร่าง)พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 และ 2569 มีการเสนอการแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้ สส. สว. หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง หรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยกรณีดังกล่าว มีผลให้ผู้ถูกร้องมีส่วนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ในการใช้งบประมาณ 2569 มิใช่เป็นเพียงดำเนินการกิจการของสภาอย่างปกติ ไม่เข้าข้อยกเว้นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 (2) จึงเป็นผู้กระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง จึงสั่งให้ผู้ถูกร้องสิ้นสุดสมาชิกภาพ สส. และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกร้อง มีกำหนด 10 ปีนั้น
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวถือว่าเป็นบรรทัดฐานมีผลผูกพันรัฐสภา ครม. ศาล องค์กรอิสระและหน่วยงานรัฐ ซึ่งนำมาเทียบเคียงได้กับกรณีที่ สส. - สว.รวม 484 คนและ ครม.ชุดนายเศรษฐา และชุด น.ส.แพทองธาร ที่มีส่วนโดยทางตรงและทางอ้อมในการโยกงบประมาณจากการชำระหนี้-ดอกเบี้ยเงินกู้ ธนาคารรัฐ 5 แห่ง ไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 3.5 หมื่นล้านบาท และการโอนงบเข้า 'กองทุน สส.-สว.' อันอาจเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 อย่างชัดเจน ดังนั้น ด้วยเหตุดังกล่าวองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน จึงขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.เร่งชี้มูลความผิดผู้ดำรงดำแหน่งทางการเมืองทั้งหมดที่ฝ่าฝืนมาตรา 144 ดังกล่าวโดยเร็ว ซึ่งอาจจะหมดอายุความในวันที่ 9 ส.ค.68 นี้แล้ว หาก ป.ป.ช.เพิกเฉยหรือประวิงเวลาอาจเข้าข่ายฝ่าฝืน รัฐธรรมนูญ 234(1) ซึ่งประชาชนสามารถเข้าชื่อกันถอดถอน ป.ป.ช.ตามมาตรา 236 ประกอบ ป.อ.มาตรา 157 ได้