อิ๊งค์ฟุ้งพลังล้นเหลือ เข้าวธ.สั่งทบทวนคืนของเขมร/อ้วนขู่ล้างบาง‘สิงห์นํ้าเงิน’
"อิ๊งค์" ประเดิมเข้าทำงาน "รมว.วธ." วันแรก พ้อแย่โดนพักงานนายกฯ ยันพลังยังล้นเหลือ โชว์สั่งเบรกคืนวัตถุโบราณเขมรหลังงบประมาณมีจำกัด ฮึ่ม! โบราณสถานกลุ่มปราสาทตาเมือนของไทย จะรักษาดินแดน-อำนาจอธิปไตยเต็มที่ "ภูมิธรรม" มอบนโยบาย มท. ลั่นต้องไม่มีสิงห์น้ำเงิน ขู่ ขรก.เกียร์ว่างโดนล้างบางแน่ "รมต.ใหม่" ทยอยเข้ากระทรวงคึกคัก "เท้ง" ไม่ได้เล็งใครนั่ง "นายกฯ ชั่วคราว" ยันต้องแถลงจุดยืนป้องกันนายกฯ นอกระบบ "พี่ศรี" ยื่น ป.ป.ช.สอบจริยธรรมร้ายแรง "สุริยะ-อิ๊งค์" เข้าถวายสัตย์ฯ มิบังควร
ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) วันที่ 4 ก.ค. เวลา 09.09 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม เดินทางเข้ากระทรวงวัฒนธรรมเป็นวันแรก หลังเข้ารับตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรมอีกตำแหน่ง โดยนายกฯ สวมชุดผ้าไทยสีม่วง ซึ่งเป็นสีประจำกระทรวง มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รมช.ศึกษาธิการ, นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ กรรมการผู้ช่วย รมว.วัฒนธรรม, นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม, คณะผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย สส.พรรคเพื่อไทย ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ, นายเชิงชาย ชาลีรินทร์ สส.ชัยภูมิ, นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี รอให้การต้อนรับ
ทันทีที่มาถึง น.ส.แพทองธารเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ได้แก่ พระพุทธสิริวัฒนธรรโมภาส พระสยามเทวาธิราช และศาลตา-ยาย จากนั้นสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศูนย์วัฒนธรรม ได้แก่ พระพุทธชินราช พระพิฆเนศ ศาลพระภูมิ พ่อแก่ และศาลตา-ยาย
จากนั้น น.ส.แพทองธารพบปะผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งปลัดกระทรวงวัฒนธรรมได้กล่าวต้อนรับ ต่อมา น.ส.แพทองธารกล่าวว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้มาสักการะและไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กระทรวงวัฒนธรรมครบทุกจุด รู้สึกว่าเป็นการเริ่มวันที่ดีมากๆ ความจริงแล้วกระทรวงวัฒนธรรมขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญของประเทศหลายนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์หรือวัฒนธรรมของเรา ที่บอกว่าไปที่ไหนก็สามารถขายให้ทั่วโลก
"ก่อนหน้านี้เคยได้ยินว่ากระทรวงวัฒนธรรมเป็นกระทรวงเล็กๆ แต่วัฒนธรรมของเราเป็นวัฒนธรรมที่ทั่วโลกชอบ และเป็นสิ่งที่มีมูลค่าในตัวเอง ตอนนี้อาจจะแย่หน่อยที่ต้องหยุดทำหน้าที่นายกฯ แต่ดีใจมากที่ได้มีโอกาสได้ทำงานในส่วนของการเป็น รมว.วัฒนธรรม ถือเป็นรัฐมนตรีครั้งแรก ฝากเนื้อฝากตัวด้วย และความจริงแล้วอยากให้กระทรวงวัฒนธรรมเติบโตและยิ่งใหญ่เหมือนหลายประเทศ อย่างประเทศเกาหลีใต้ ที่เขาใช้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นกระทรวงหลักที่สร้างรายได้ให้กับประชาชนเพิ่มขึ้นเป็นรายได้ใหม่ๆ ซึ่งอันนี้เป็นมุมมองที่อยู่ในซอฟต์พาวเวอร์ ถือเป็นนโยบายที่เคยพูดต่อประชาชน อยากทำให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนอาชีพใหม่ๆ และโอกาสใหม่ให้กับคนไทย" น.ส.แพทองธารกล่าว
รมว.วัฒนธรรมกล่าวว่า ตอนนี้ตนได้พักทำหน้าที่นายกฯ แต่ก็มีโอกาสได้ทำหน้าที่ รมว.วัฒนธรรมอย่างเต็มที่ ต้องขอขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทุกท่าน พร้อมแล้วค่ะ ยังมีพลังเหลืออีกเยอะมากในการทำงาน หวังว่าทุกคนจะมีพลังมากๆ เช่นกัน ขอให้การมาในวันนี้เป็นการทักทายทุกคนที่อยู่ที่นี่ หวังว่าจะได้เจอกันมากขึ้น ทำความรู้จักกันมากขึ้น ถือเป็นโอกาสดีของตนด้วย ขออนุญาตฝากเนื้อฝากตัวที่กระทรวงนี้ด้วย
ต่อมาเวลา 13.30 น. น.ส.แพทองธารประชุมหารือผู้บริหารกระทรวง โดยนายกฯ กล่าวช่วงต้นการประชุมว่า ขอบคุณทุกท่านที่ตั้งแต่เช้าต้อนรับกันอย่างอบอุ่น วันนี้เป็นการประชุมครั้งแรก มีข้อที่อยากจะฝากไว้ให้ช่วยกันผลักดัน รวมถึงหลายๆ ข้อที่จะอัปเดตให้ฟัง ซึ่งตนทำการบ้านมา และดีใจที่ได้ฟังทุกท่านว่าแต่ละหน่วยแต่ละฝ่ายทำอะไรกันอยู่บ้าง และในกระทรวงนี้อยากให้ผลักดันอะไรเพิ่มเติมบ้าง
ลั่นปราสาทตาเมือนของไทย
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ข้อแรกขอชี้แจงที่มีข่าวในออนไลน์ มีการตีข่าวเรื่องการคืนวัตถุโบราณ 20 ชิ้นให้กับกัมพูชา ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งเป็นเรื่องสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีการคืนวัตถุโบราณไปแล้ว 23 รายการ ในปี 2558 หลังจากตรวจสอบว่าเป็นของกัมพูชา จากจำนวน 43 ชิ้น ที่มีการลักลอบนำเข้าจากประเทศสิงคโปร์ ตั้งแต่ปี 2513 และวันที่ 21 พ.ค.2567 มติ ครม. โดยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เห็นชอบให้ส่งมอบวัตถุโบราณ 20 รายการคืนให้กัมพูชาตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ หลังจากกรมศิลปากรและคณะผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าวัตถุโบราณดังกล่าวมีต้นกำเนิดในกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณของกรมศิลปากร ซึ่งได้รับรายงานว่างบประมาณในปีปัจจุบันไม่เพียงพอ และไม่ได้เป็นเรื่องด่วน จึงไม่สามารถของบกลางได้
"อย่างไรก็ต้องขอทบทวนในเรื่องนี้อีกครั้ง อาจจะต้องส่งเรื่องเพื่อของบประมาณของกระทรวงและรายงานต่อ ครม.เพื่อทราบเป็นขั้นตอนต่อไปในการหาหน่วยงานมาหางบประมาณต่อไป ในการจัดส่งคืน แต่ที่สำคัญด้วยสถานการณ์ของไทยกับกัมพูชาตอนนี้ กระทรวงวัฒนธรรมมีความเห็นให้ทบทวนเรื่องดังกล่าวตามความเหมาะสมต่อไป สรุปแล้วขอให้ทบทวนก่อน ส่วนเรื่องการตั้งงบฯ ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง และส่วนที่เหลืออยู่ก็ยังไม่ส่งคืน" น.ส.แพทองธารกล่าว
รมว.วัฒนธรรมกล่าวว่า เรื่องโบราณสถานในกลุ่มปราสาทตาเมือน ขอยืนยันว่าเป็นโบราณสถานที่อยู่ในอำนาจอธิปไตยของไทยที่มีการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน พ.ศ.2505 ในส่วนของพื้นที่อื่นๆ ได้รับรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศว่าจะเร่งดำเนินการในการรักษาไว้ ซึ่งดินแดนและอำนาจอธิปไตยของไทยเช่นกัน
“พอดีมีสื่อมวลชนอยู่ด้วย ก็เป็นโอกาสที่ดีชี้แจงในเรื่องการปล่อยข่าวของการปลุกปั่นต่างๆ ที่ทำให้เกิดผลเสียผลกระทบ ดิฉันก็ต้องดำเนินการในการแจ้งความกับผู้ที่ปล่อยข่าว ปกติแล้วคอมเมนต์ที่เป็นเรื่องของการว่ากล่าวธรรมดา ดิฉันเป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรี เป็นบุคคลสาธารณะอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว อันนั้นไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ว่าการปล่อยข่าวไม่ว่าจะเรื่องที่ว่าดิฉันส่งวัตถุไปแล้ว ซึ่งกระทรวงทราบอยู่แล้วว่าไม่จริง เพราะฉะนั้นเรื่องอย่างนี้ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายไป" รมว.วัฒนธรรมกล่าว
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า สิ่งที่อยากทำตั้งแต่ตนทำซอฟต์พาวเวอร์คือเรื่อง Cash Rebate (เงินคืนสำหรับการถ่ายภาพยนตร์ในไทย) กลุ่มผู้ถ่ายทำภาพยนต์ในไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการจัดทำ Cash Rebate ให้กับต่างชาติที่เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ก็สนับสนุนไป 30% ของ Cash Rebate เพราะฉะนั้นอยากทำในเรื่องของคนไทยด้วย ที่คนไทยทำหนังกันเอง จึงอยากสนับสนุนหนังไทยให้ไปไกลมากกว่านี้
นอกจากนี้ เรื่องต่อไปเป็นอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ที่ริเริ่มมานาน ก็อยากจะควิกวินใน 4 อุตสาหกรรมหลัก 1.ภาพยนตร์ 2. อาหาร 3. มวยไทย และ 4.ธุรกิจการดูแลสุขภาพ ซึ่ง 4 อุตสาหกรรมนี้สามารถยกระดับศักยภาพ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างงานไปด้วยได้อย่างรวดเร็วขึ้น
ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เวลา 08.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วยนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นวันแรก โดยมี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย พร้อมด้วยนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย คณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ร่วมให้การต้อนรับ รวมทั้งขึ้นยืนบนแท่นเพื่อรับความเคารพของกองเกียรติยศกองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย และเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิประจำกระทรวง
ขู่สิงห์น้ำเงินล้าง ขรก.เกียร์ว่าง
ต่อมา เวลา 10.25 น. นายภูมิธรรมประชุมร่วมกับคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย และถ่ายทอดการประชุมไปยังที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง
นายภูมิธรรมกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า การทำงานต่อไปข้างหน้าของเราคงจะต้องร่วมไม้ร่วมมือกันในทุกภาคส่วน ทำให้มหาดไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน ในการที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล และสามารถทำให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตไป ตนได้บอกไปแล้วว่ากลไกของมหาดไทยถือเป็นกลไกที่สำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ ทั่วประเทศ และเป็นกลไกที่จะสามารถทำนโยบายดีๆ หรือในสิ่งที่คิดว่าสามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน จึงคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ
"อีกเรื่องผมอยากเห็นความเป็นปึกแผ่น ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่นี่ไม่มีสิงห์ดำสิงห์แดง สิงห์ขาว สิงห์เขียว สิงห์ทอง หรือสิงห์น้ำเงิน มีแต่สิงห์มหาดไทย เพราะฉะนั้นผมไม่นิยมสนับสนุนให้มีลักษณะที่เล่นพรรคเล่นพวก ผมต้องการคนมีความสามารถ ถ้ามีความสามารถอาสาทำงาน จุดสำคัญที่สุดคือต้องทำงานร่วมกันได้ ที่ผ่านๆ มาต้องมาดูว่าอะไรที่เป็นเรื่องนโยบายที่ต้องชัดเจน ผมคิดว่าหัวใจสำคัญของการบริหารราชการแผ่นดิน ถ้านโยบายออกมาแล้วไม่เข้มข้น ไม่ขยับ ไม่ดำเนินการ เป็นสิ่งที่ผมรับไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่ยังนิ่งเฉย ทำไม่เต็มหน่วย หรือจะเกษียณแล้วแล้วไม่ทำอะไรเลย ถ้าไม่มีปัญหาสำคัญไม่เป็นไร แต่ถ้ามีปัญหาสำคัญต้องจัดการให้จบ" รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทยระบุ
จากนั้นนายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า กระทรวงมหาดไทยต้องดีขึ้นกว่าเดิม และสิ่งที่สำคัญในการวัดประเมินผลตนไม่ต้องการตัวเลขอย่างเดียว แต่สิ่งที่อยากเห็นคือผลงานที่เป็นรูปธรรม อยากจะเห็นภายใน 3 เดือนนี้มีรูปธรรมที่จับต้องได้ ถ้าไม่อย่างนั้นจะขออนุญาต ก่อนถึงเดือน ก.ย. จะขอปรับกำลังใหม่ เพื่อจะได้ให้คนที่เหมาะกับงาน สามารถตอบสนองการแก้ไขปัญหาได้ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการทุกระดับ ถ้าอยากจะเห็นอะไรดีขึ้นและคิดว่าเป็นปัญหาให้มาบอก ประตูห้องตนเปิดตลอดเวลา
ถามว่า ภายใน 3 เดือนนี้หากเจ้าหน้าที่ไม่มีผลงานจะโยกย้ายหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็ต้องทำให้ดีกว่าเดิม ถ้าดีแล้วมีผลงานไม่ว่าเป็นใครเราก็สนับสนุน แต่ถ้ายังไม่ดีก็ขอปรับ ซึ่งอันนี้เป็นการทำให้ทุกคนตื่นตัวและทำงานได้เต็มที่ ซึ่งจะดูความตั้งใจในการทำงานและความยากลำบากของพื้นที่ด้วย
ซักถึงกรณีแนวคิดสลายแบ่งสีสิงห์ อย่างกรณีสิงห์ดำหรือสิงห์แดง เข้าใจได้ว่าจบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ และ ม.ธรรมศาสตร์ แต่สิงห์น้ำเงินอาจดูเหมือนว่าหมายถึงบางพรรคการเมืองหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนเข้ามาและฟังก็เห็นว่ามีทุกสี ได้ยินว่ามีสิงห์น้ำเงินนะ แต่ตนคิดว่าสิ่งที่สำคัญอยู่ที่การตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนหรือไม่ ไม่อยากให้เวลาทำงานข้าราชการมาเดินตามตน อยากให้มีเวลาทำงาน หากใครมีความจำเป็นที่จะต้องมารายงานค่อยมารายงาน ก็อยากจะเปลี่ยนวิธีการทำงาน เพราะแบบนั้นไม่ใช่ตน
เมื่อถามว่า ในช่วงที่นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่งผลให้ข้าราชการเกียร์ว่างหรือไม่ เนื่องจากมีการประเมินกันว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ไม่กี่เดือน นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่เกียร์ว่าง เพราะถ้าเกียร์ว่างก็ต้องมีการดำเนินการของแต่ละกระทรวงให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล เป็นหน้าที่ที่ต้องทำอยู่แล้ว ถ้าไม่ทำถ้าเกียร์ว่างก็เท่ากับโดนมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมีอยู่แล้ว แต่ตนเชื่อว่าข้าราชการทุกคนพร้อมที่จะทำงาน ซึ่งไม่ใช่รับใช้ใคร แต่เป็นการแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศ
พี่ศรีร้อง ป.ป.ช.ฟัน 'อิ๊งค์-สุริยะ'
ที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เวลา 08.19 น. นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.แรงงาน เดินทางเข้ากระทรวง สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และมอบนโยบายผู้บริหารกระทรวงแรงงานระดับซี 10 ขึ้นไป โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม เดินทางมามอบกระเช้าดอกไม้ให้กำลังใจ
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุชา สะสมทรัพย์ และนายชัยชนะ เดชเดโช รมช.สธ. เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง พร้อมร่วมกันประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ได้แบ่งงานให้กับนายอนุชาดูแลงานด้านการอนามัย ส่วนนายชัยชนะดูแลงานด้านสุขภาพจิต การบำบัดยาเสพติด
ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ (พณ.) พร้อมด้วยนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ นำคณะลงพื้นที่ตำบลสระแก้ว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช จัดกิจกรรมเชื่อมโยงผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต เพื่อแก้ไขปัญหาราคามังคุดตกต่ำ โดยถือเป็นภารกิจแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง
ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานงานแถลงข่าวประชาสัมพันธ์การจัดโครงการ Asian Science Camp 2025 ซึ่งถือเป็นการประเดิมงานแรกอย่างเป็นทางการ
มีรายงานว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 8 ก.ค. นอกจากวาระปกติ คาดว่ายังมีการแต่งตั้งเสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมืองของรัฐมนตรีที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ โดยจะมีการเสนอชื่อแต่งตั้งนายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาดำรงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แทนนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่คาดว่าจะไปดำรงตำแหน่งอื่น
วันเดียวกัน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวถึงจุดยืน 7 ข้อของพรรคประชาชน (ปชน.) ต่อการโหวตเลือกนายกฯ ชั่วคราวว่า ไม่ได้เจาะจงใครเป็นพิเศษ ไม่ได้หมายถึงพรรคหนึ่งพรรคใด วัตถุประสงค์ของการแสดงจุดยืนเป็นเพราะต้องการสื่อสารไปถึงประชาชนว่าประเทศไม่มีวันไปถึงทางตัน ถ้าสถานการณ์ไปถึงขั้นที่ไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้จริงๆ พรรคประชาชนยินดี และจะใช้ 142 เสียงในการผ่าทางตันให้กับประเทศ แต่ต้องมีเงื่อนไขบางอย่างที่ปลดล็อกการเลือกนายกรัฐมนตรี เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
"นายกฯ รักษาการยังมีอำนาจในการยุบสภาอยู่ เพราะฉะนั้นช่องทางในการยุบสภายังไม่ถึงทางตัน อยู่ที่พรรคเพื่อไทยจะตัดสินใจอย่างไร แต่ถ้ายังเป็นแบบในปัจจุบัน เราเองก็เล็งเห็นว่าสถานการณ์อาจนำไปสู่การถอดถอนออกจากตำแหน่งในกระบวนการนิติสงคราม ซึ่งถ้าเดินไปถึงตรงนั้น ผมก็ยังยืนยันในหลักการเดิมว่าเราพร้อมจะใช้ 142 เสียงหาทางออกให้กับประเทศ โดยไม่ยึดติดกับตัวบุคคล" นายณัฐพงษ์กล่าว
ส่วนนายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. พร้อมที่จะรับหน้าที่นายกฯ หากได้รับการเสนอชื่อ ซึ่งขณะนี้ยังมีการตีความรัฐธรรมนูญต่างกันว่า จะให้ถือจำนวน สส.ของพรรค ณ วันเลือกตั้งหรือจำนวนปัจจุบัน หากผ่านเกณฑ์ ก็ต้องหารือกับพรรคการเมืองต่างๆ เช่น พรรคภูมิใจไทย มีความเห็นอย่างไรในการฝ่าวิกฤตการเมืองครั้งนี้
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางไปยื่นคำร้องเพื่อขอให้ไต่สวน สอบสวน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการนายกรัฐมนตรี และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รมว.วัฒนธรรม กรณีการนำบุคคลซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ฯ อันมิบังควร เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า เรื่องของจริยธรรมนั้นย่อมมีศักดิ์สูงกว่ามาตรฐานกฎหมาย เมื่อตนมีข้อกล่าวหาว่าไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดไร้จริยธรรม สมคบผู้นำต่างชาติ ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่ง น.ส.แพทองธารควรที่จะชะลอไม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ป.ป.ช.จะต้องไต่สวนสอบสวน และส่งให้ศาลฎีกาวินิจฉัยลงโทษตามครรลองของกฎหมาย.