จับปลาซิวปลาสร้อย แก๊งงาบสวนปาล์มหมดสัมปทาน จนท.รัฐเอี่ยวนายทุนฮุบรายได้เดือนนับล้าน
เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า-กอ.รมน.-รองนายก อบจ.ชุมพร บุกจับชาวพม่าแรงงานนายทุน "แก๊งสวาปาล์ม" ร่วมเจ้าหน้าที่รัฐ จัดสรรแบ่งล็อคเก็บผลผลิตปาล์มน้ำมัน พื้นที่หมดสัมปทานนับหมื่นต้น รายได้เดือนละนับล้านบาท 1 สิงหาคม 2568 - นายจักรวุฒิ ศักคุณี เจ้าพนักงานพิทักษ์ป่า หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชพ.(9)สามปาก พร้อมด้วย พ.ต.กอบศักดิ์ นาคหาญ จนท.ชุดปฏิบัติการข่าว กอ.รมน.ชุมพร นายกฤษฏ์ แก้วรักษ์ รองนายก อบจ.ชุมพร นำกำลังเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันหมดสัมปทานของกรมป่าไม้ จำนวนมากกว่า 2 พันไร่ ในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลหงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร หลังรองนายก อบจ.ชุมพร ได้รับร้องเรียนว่ามีนายทุนเข้าไปจัดสรรเก็บผลปาล์มน้ำมันขายกันมานาน และจับจองซื้อขายที่ดินกันอย่างผิดกฎหมาย จากการตรวจสอบจุดแรกพบมีแรงงานชาวเมียนมาพร้อมอุปกรณ์เก็บเกี่ยวปาล์มน้ำมันอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ได้ 3 คน เป็นชาย 2 หญิง 1 คน และมีบางคนสามารถวิ่งหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่ตรวจของกลางยึดปาล์มน้ำมันที่เก็บเกี่ยวลงมากองไว้ตามจุดต่างๆ จำนวนมาก พร้อมกับอุปกรณ์เครื่องมือ ตะงอเหล็กยาว เหล็กแทงปาล์ม จำนวนหลายอัน รถ จยย.1 คัน และเสบียง เครื่องดื่ม น้ำกระท่อม อีกหลายรายการ สอบสวนเบื้องต้นแรงงานชาวเมียนมาบอกว่า มีนายจ้างซึ่งเป็นผู้รับเหมาได้ว่าจ้างให้มาตัดเก็บปาล์มในพื้นที่ดังกล่าวให้กับนายทุนรายหนึ่ง ซึ่งบอกว่าเป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินสวนปาล์มแปลงดังกล่าว และแรงงานทั้งหมดบอกว่า ได้เช่าห้องแถวร้างแห่งหนึ่งราคาเดือนละ 400 บาท ซึ่งเป็นห้องแถวเจ้าของเดิมที่หมดสัมปทานไปแล้ว ปัจจุบันอยู่ในเขตของสำนักงานปฏิรูปทีดิน (สปก.) ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 กม. จากการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวมีทั้งหมดกว่า 2 พันไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าตาม พรบ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 เป็นพื้นที่กันคืนไว้เพื่อใช้ประโยชน์สาธารณะ หลังจากยึดคืนมาจากบริษัทผู้รับสัมปทานปลูกปาล์มน้ำมันจำนวนกว่า 9,600 ไร่ ซึ่งเดิมอยู่เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสลุย-รับร่อ หลังยึดคืนจากบริษัทผู้รับสัมปทาน เมื่อปี พ.ศ.2559 ได้นำมาจัดสรรเป็นที่ทำกินแก่ราษฎรจำนวนหนึ่ง และส่วนหนึ่งเหลือกันคืนไว้ใช้ประโยชน์สาธารณะ จำนวนเกือบ 3 พันไร่ ซึ่งยังมีต้นปาล์มที่สมบูรณ์ให้ผลผลิตอยู่จำนวนมาก โดยพื้นที่กันคืนเพื่อประโยชน์สาธารณะดังกล่าวจำนวนเกือบ 3 พันไร่ หน่วยงานเกี่ยวข้องยังไม่มีการประกาศให้ชาวบ้านรู้และดำเนินการใดๆ กระทั่งได้มีเจ้าหน้าที่รัฐบางคน บางกลุ่ม ร่วมกับนายทุน นำมาจัดสรรแบ่งล็อคให้กับผู้สนใจได้เช่าเก็บเกี่ยวผลผลิตปาล์มในราคาต้นละ 15 บาท ซึ่งมีอยู่มากกว่า 1 หมื่นต้น โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐและนายทุนรับผลประโยชน์จากการให้เช่าต้นปาล์มดังกล่าวเดือนละนับล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเดินทางไปตรวจสอบจุดที่ 2 ซึ่งอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 เช่นเดี่ยวกัน เนื่องจากได้รับร้องเรียนว่ามีนายทุนจากในตัวเมืองชุมพร มาซื้อไว้จำนวน 50 ไร่ ในราคาหลายล้านบาท อยู่ในทำเลที่สวยงามและมีต้นปาล์มที่หมดสัมปทานอยู่จำนวนมาก จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการนำเหล็กมากั้นไว้บริเวณทางเข้า และติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ตรวจสอบการเข้าออกในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้ตรวจสอบพบภายในมีการสร้างบ้านพักหลังเล็กๆทรงโมเดิ้ล ไว้ 1 หลัง อยู่บนยอดเนินสูงวิวสวยงาม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจวัดพิกัดด้วย จีพีเอส พร้อมถ่ายภาพ นำกลับไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อความรอบคอบ หากตรวจสอบพบว่าเข้ามาหรือครอบครองโดยมิชอบ หรือผิดกฎหมาย ก็จะดำเนินการตรวจยึดและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.