ตำรวจสอบสวนกลาง รวบแก๊งลอบขนไม้พะยูง 73 ท่อน มูลค่ากว่า 2 ล้าน เตรียมส่งขายพ่อค้าชาวจีน
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.โอฬาร เอี่ยมประภาสรอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. ปฏิบัติราชการ บก.ทล., พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ งามแฉ่ง, พ.ต.ท.อุดมศักดิ์ สุวรรณแสง รอง ผกก.2 บก.ทล. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ร.ต.อ.วิมล แก้วชู รอง สว.(ป.) ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล., ร.ต.ต.ใจเทพ สาลี รอง สว.(ป.) ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. จับกุม ชาย อายุ 31 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน
1 มีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 69 วรรค2(2)2. นำไม้หวงห้ามเคลื่อนที่โดยไม่ได้รับอนุญาต(ไม่มีใบเบิกทาง) ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 39 พร้อมด้วยของกลาง
1. ไม้พะยูง ความยาวประมาณ 2 เมตร รวมทั้งสิ้น 73 ท่อน (ไม้หวงห้ามประเภท ก.)
2. รถกระบะ สีขาว จำนวน 1 คัน
3.โทรศัพท์ จำนวน 1 คัน
สถานที่จับกุม บริเวณถนนเพชรเกษม ทล.4 กม.470-471 (ขาเข้า กทม.) ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุมพร ได้ออกตรวจพื้นที่ตามภารกิจ ในเขตรับผิดชอบ จนเมื่อมาถึงถนนเพชรเกษม ทล.4 ช่วงกิโลเมตรที่ 470-471 (ขาเข้า กทม.) ตำบลนากระตาม อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร พบรถกระบะตู้ทึบสีขาว ขับแซงขึ้นมาทางขวาด้วยความเร็วสูง มีลักษณะต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงเปิดสัญญาณไฟให้หยุดเพื่อขอตรวจสอบ เมื่อรถจอด เจ้าหน้าที่พบนายสมัยฯ เป็นผู้ขับขี่ จากการตรวจสอบภายในตู้ทึบ พบไม้ท่อนจำนวนมาก โดยเป็นไม้พะยูงซึ่งเป็นไม้หวงห้าม
เบื้องต้นจึงนำตัวมาทำการสอบสวนต่อที่สถานีตำรวจทางหลวงชุมพรจากการสอบสวนเพิ่มเติม ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบไม้ทั้งหมดอย่างละเอียด พบว่าเป็นไม้พะยูงที่ยังไม่ได้แปรรูป จำนวน 73 ท่อน ความยาวเฉลี่ย 2 เมตร มูลค่าประมาณ 2,000,000 บาท ปริมาตร 1.93 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นเงินค่าภาคหลวง 154.4 บาท ค่าเสียหายของรัฐ 482,500 บาท ซึ่งจัดเป็นไม้หวงห้าม ประเภท ก. ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ.2530 ลำดับที่ 53
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้จัดทำบันทึกการจับกุม พร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมาย และควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า
ไม้พะยูงทั้งหมดได้รับมาจากชายชาวมาเลเซีย 4 คน ซึ่งนัดส่งมอบริมป่าข้างทางในพื้นที่อำเภอสะเดา
จังหวัดสงขลา ก่อนนำไปส่งต่อที่ริมแม่น้ำโขง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย โดยได้รับการว่าจ้างจากชายไทยรายหนึ่งที่ใช้ชื่อ “ขุนเดช” ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ได้ค่าจ้างเที่ยวละ 15,000 บาท โดยระบุว่าตนรับงานลักษณะนี้มาแล้ว 3 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 จนกระทั่งมาถูกจับกุม โดยขบวนการ มีรถขนไม้ จำนวน 3 คัน ถูกจับได้ที่ จ.สงขลา 1 คัน และรอดพ้นไปได้ 1 คัน