ปตท.ลุยซื้อ LNG 2 ล้านตัน รับภาษีทรัมป์ เอ็กโกเล็งลงทุนเพิ่ม
ในการจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลวหรือ LNG จากสหรัฐอเมริกา ถือเป็นข้อเสนอหนึ่งของไทยที่ได้ยื่นข้อเสนอให้กับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพื่อนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงที่จะปรับลดการเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้า สินค้าของไทยจาก 36 % ให้ลงมาเหลือ ในอัตรา 19% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้จริงตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568 นั้น
ความคืบหน้าล่าสุดได้รับรายงานจากบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ว่า ในการสั่งซื้อ LNG จากสหรัฐอเมริกานั้น มีความคืบหน้าเป็นลำดับ โดย ปตท.ได้มีการลงนามข้อตกลง (MOU ) ร่วมศึกษาการจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ระยะยาว ระหว่าง ปตท.กับบริษัท 8 Star Alaska, LLC ของสหรัฐอเมริกาแล้ว
แหล่งข่าวจากระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ภายใต้ MOU ที่เกิดขึ้นนั้น ว่าด้วยการที่ประเทศไทยจะสั่งซื้อก๊าซ LNG จากสหรัฐอเมริกา จากแหล่ง Alaska ที่อยู่ทางตอนเหนือของสหรัฐฯเบื้องต้นในปริมาณ 2 ล้านตันต่อปี เป็นสัญญาระยะยาว 15-20 ปี นอกเหนือจากสัญญาเดิมที่ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ระยะยาว 20 ปี กับบริษัท Cheniere Energy ซึ่งเป็นบริษัทผู้ส่งออก LNG รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาไปก่อนหน้านี้ ในปริมาณ 1 ล้านตันต่อปี มีระยะเวลา 15 ปี ซึ่งจะเริ่มนำเข้าตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป มีมูลค่าประมาณ 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.29 แสนล้านบาท
ส่วนความเป็นไปได้ในการซื้อก๊าซ LNG จากแหล่ง Alaska จะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น ทั้งปตท.และบริษัท 8 Star Alaska, LLC อยู่ระหว่าง การศึกษาร่วมกัน ทั้งเรื่องปริมาณ สูตรการคำนวณราคา และเงื่อนไขต่าง ๆ ซึ่งยังมีระยะเวลาอีกหลายปี เนื่องจากโครงการ Alaska เป็นโครงการใหม่ ที่รอการพัฒนาขึ้นมา ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาถึง 5 ปี หรือปี 2030 กว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้
“แหล่ง Alaska นี้ มีศักยภาพของปริมาณก๊าซสำรองที่พิสูจน์แล้วในพื้นที่ North Slope กว่า 40 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต สามารถผลิตและส่งออก LNG ได้กว่า 20 ล้านตันต่อปี ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาถึง 80 ปี มีมูลค่าการลงทุนทั้งโครงการกว่า 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสามารถส่งออก LNG ไปยังภูมิภาคเอเชียได้อย่างสะดวกและรวดเร็วผ่านทางมหาสมุทรแปซิฟิกในราคาที่แข่งขันได้ ภายในปี 2574 เนื่องจากเป็นแหล่งก๊าซที่มีขนาดใหญ่ ต้นทุนเนื้อก๊าซต่ำ และสหรัฐฯ มีการใช้เครื่องจักรในการผลิตและการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ โดยคาดว่าจะสามารถขนส่ง LNG มายังไทยได้ภายใน 10-15 วัน ในขณะที่การขนส่งจากแหล่งในตะวันออกกลางใช้ระยะเวลาถึง 20-35 วัน”
แหล่งข่าวจาก บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในการจัดหาก๊าซ LNG ปัจจุบัน ปตท.มีสัญญาระยะยาวในการนำเข้า คิดเป็นปริมาณ 5.2 ล้านตันต่อปี และในต้นปี 2569 จะมีสัญญาระยะยาวจากบริษัท Cheniere Energy เพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านตันต่อปี รวมเป็การจัดหา LNG สัญญาระยะยาว 6.2 ล้านตันต่อปี ซึ่งปี 2567 ไทยมีความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติอยู่ประมาณ 4,300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน สามารถจัดหาภายในประเทศและเพื่อนบ้านได้ราว 2,300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ส่วนที่เหลือต้องนำเข้า LNG ทั้งในรูปแบบสัญญาระยะยาวและในรูปแบบSpotLNG
ส่วนการซื้อ LNG จากแหล่ง Alaska ที่ 2 ล้านตันต่อปีนั้น อยู่ระหว่างการศึกษาในรายละเอียด ทั้งปริมาณ ราคาและเงื่อนไขต่าง ๆ และต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้ว่า โครงการ Alaska จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ด้วย เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ใช้เงินลงทุนสูง และมีความยากในการพัฒนา โดยเฉพาะการลงทุนท่อส่งก๊าซฯ จากแหล่งลงมายังโรงแยกก๊าซฯและโรงงานแปรสภาพก๊าซ LNG ที่มีความยาวถึง 1,300 กิโลเมตร ที่มีอุปสรรคด้านภูมิประเทศเข้ามาเป็นตัวแปร
อย่างไรก็ตาม หากโครงการนี้สามารถเกิดขึ้นได้ การจัดซื้อ LNG จะเป็นในรูปของการเป็นเทรดเดอร์ ขาย LNG ให้กับประเทศต่าง ๆ หรือ ผู้จัดหา (Suppliers) LNG ของไทยที่มีความต้องการ และบางส่วนอาจจะส่งมาในไทย
ส่วนการที่ ปตท.จะเข้าร่วมลงทุนพัฒนาโครงการ Alaska ด้วยหรือไม่นั้น ในข้อตกลง MOU ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ระบุในส่วนนี้ไว้ แต่หากมองการขยายธุรกิจLNGของกลุ่ม ปตท.ในอนาคต ก็มีความเป็นไปได้ หากการศึกษาแล้วเกิดความคุ้มค่าด้านการลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาทางสหรัฐอเมริกา ก็เชิญชวนร่วมลงทุนกับฝ่ายไทยไว้ โดยเฉพาะการลงทุนในการก่อสร้างโรงแปรสภาพก๊าซ LNG และโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการส่งออกก๊าซธรรมชาติจากรัฐ Alaska ไปยังภูมิภาคเอเชีย
“โครงการนี้ ทางสหรัฐอเมริกา ได้ให้ข้อเสนอการร่วมทุนไม่เพียงเฉพาะไทย แต่ยังมี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และไต้หวัน ร่วมลงทุนในโรงแปรสภาพก๊าซ LNG ที่มีกำลังการลิตที่ 20 ล้านตันต่อปี ในสัดส่วนที่เท่ากันของทั้ง 4 ประเทศในการรับ LNG ปีละ 5 ล้านตัน ซึ่งจะทยอยการก่อสร้างเป็น 4 ระยะ ๆ ละ 5 ล้านตัน ซึ่งเบื้องต้นที่ ปตท.รายงานไป ยังไม่สนใจที่จะเข้าร่วมลงทุนในโครงการนี้”
ทั้งนี้ มีรายงานว่า บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ของไทย ได้แสดงท่าทีสนใจทีจะเข้าร่วมลงทุนในการก่อสร้างท่อส่งก๊าซจากแหล่ง Alaska และการพัฒนาโรงแปรสภาพก๊าซแอลเอ็นจี โดยได้มีการลงนาม (Non-Disclosure Agreement : NDA) ในการให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวแล้ว ซึ่งการร่วมลงทุนดังกล่าว ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจจากปัจจุบัน ที่เอ็กโก เป็นผู้นำเข้าก๊าซ LNG หรือ Suppliers รายหนึ่ง และรองรับการเติบโตของธุรกิจไฟฟ้าในระยะยาว จากการที่ได้เข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และพลังงานหมุนเวียน ในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
ขณะที่ไต้หวันเป็นประเทศในกลุ่มเอเชียที่แสดงท่าทีชัดเจนและคืบหน้ามากที่สุดในการลงทุนในโครงการนี้ โดยบริษัท CPC Corporation ซึ่งเป็นบริษัทปิโตรเลียมของรัฐบาลไต้หวัน ได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent - LOI) กับ Alaska Gasline Development Corporation (AGDC) เพื่อเข้าร่วมโครงการ และมีแผนที่จะซื้อก๊าซ LNG จากโครงการ Alaska LNG ในปริมาณ 6 ล้านตันต่อปี และมีโอกาสที่จะร่วมลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ท่อส่งก๊าซด้วย
ส่วนญี่ปุ่น เช่น JERA และ Tokyo Gas ได้แสดงความสนใจในโครงการนี้ แต่ยังไม่ได้ลงนามในข้อตกลงใดๆ เนื่องจากยังคงมีความกังวลในเรื่องความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจของโครงการ เนื่องจากต้นทุนการก่อสร้างที่สูง
รวมถึง เกาหลีใต้ มีการแสดงความสนใจ และอยู่ระหว่างการประเมิน แต่ยังไม่สรุปว่าจะเข้าร่วมโครงการหรือไม่ เนื่องจากต้องศึกษารายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับราคาและผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของโครงการ Alaska LNG ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนอย่างเป็นรูปธรรม