กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบดวงใหม่ห่างจากโลกเพียง 4 ปีแสง
นักดาราศาสตร์สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (Caltech) และนักวิทยาศาสตร์อาวุโสที่ห้องปฏิบัติการขับเคลื่อนไอพ่นของนาซาใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (JWST) ได้พบหลักฐานสำคัญที่อาจบ่งชี้ถึงการมีอยู่ของดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะดวงใหม่ ซึ่งเป็นดาวเคราะห์แก๊สยักษ์ที่โคจรรอบดาวอัลฟาเซนทอรี เอ (Alpha Centauri A) ดาวฤกษ์คล้ายดวงอาทิตย์ที่อยู่ในระบบดาวที่ใกล้โลกที่สุด ห่างออกไปเพียง 4 ปีแสง
ทีมวิจัยได้ใช้เครื่องมืออินฟราเรดช่วงกลาง (MIRI) ของกล้อง JWST ร่วมกับเทคนิคโคโรนากราฟ (Coronagraph) ซึ่งเป็นหน้ากากพิเศษที่ใช้บดบังแสงจ้าจากดาวฤกษ์ ทำให้สามารถตรวจจับวัตถุที่จางกว่ามากในบริเวณใกล้เคียงได้ เทคนิคนี้เผยให้เห็นวัตถุที่อาจเป็นดาวเคราะห์ ซึ่งมีความสว่างน้อยกว่าดาวฤกษ์แม่ของมันถึง 10,000 เท่า
This three-panel image captures NASA's James Webb Space Telescope's observational search for a planet around the nearest sun-like star, Alpha Centauri A. (Image credit: Science: NASA, ESA, CSA, Aniket Sanghi (Caltech), Chas Beichman (NExScI, NASA/JPL-Caltech), Dimitri Mawet (Caltech)/Image: ProcessingJoseph DePasquale (STScI))
ความสำคัญทางวิทยาศาสตร์
แม้ว่าดาวเคราะห์ดวงนี้จะเป็นดาวเคราะห์แก๊สยักษ์และไม่เอื้อต่อสิ่งมีชีวิตอย่างที่เรารู้จัก แต่มันกลับโคจรอยู่ใน "เขตที่เอื้อต่อการอยู่อาศัย" (Habitable Zone) ซึ่งเป็นระยะที่น้ำในสถานะของเหลวสามารถคงอยู่บนพื้นผิวได้
หากการค้นพบนี้ได้รับการยืนยัน มันจะเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดาวฤกษ์แม่ที่สุดเท่าที่เคยมีการถ่ายภาพมา และยังเป็นดาวเคราะห์ดวงแรกที่มีการถ่ายภาพรอบดาวฤกษ์ที่มีอายุและอุณหภูมิใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์ของเรา
อย่างไรก็ตาม สถานะของดาวเคราะห์ดวงนี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน เนื่องจากการสังเกตการณ์ในครั้งต่อๆ มายังไม่พบหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งแบบจำลองคอมพิวเตอร์ชี้ว่ามันอาจอยู่ใกล้ดาวฤกษ์มากเกินไปจนมองไม่เห็น
ทีมงานหวังว่าการสังเกตการณ์เพิ่มเติมในอนาคตด้วยกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (JWST) และกล้องโทรทรรศน์อวกาศแนนซี เกรซ โรมัน (Nancy Grace Roman Space Telescope) ที่มีกำหนดปล่อยในปี พ.ศ. 2570 จะสามารถให้ข้อมูลยืนยันได้
การค้นพบนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนนิยายวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกับภาพยนตร์เรื่อง "อวตาร" (Avatar) ซึ่งมีฉากหลังเป็นดวงจันทร์ "แพนดอร่า" ที่โคจรรอบดาวเคราะห์แก๊สยักษ์ในระบบดาวอัลฟาเซนทอรี เอ เช่นเดียวกัน
This three-panel image captures NASA's James Webb Space Telescope's observational search for a planet around the nearest sun-like star, Alpha Centauri A. (Image credit: Science: NASA, ESA, CSA, Aniket Sanghi (Caltech), Chas Beichman (NExScI, NASA/JPL-Caltech), Dimitri Mawet (Caltech)/Image: ProcessingJoseph DePasquale (STScI))
ผลกระทบต่อความเข้าใจในจักรวาล
แม้ว่าสถานะของดาวเคราะห์แก๊สยักษ์ดวงนี้จะยังคงเป็นปริศนาที่รอการพิสูจน์ในอนาคต แต่ความเป็นไปได้ของการมีอยู่ของมันก็ได้จุดประกายความหวังและเปิดประตูสู่การศึกษาเพื่อนบ้านที่ใกล้ที่สุดของระบบสุริยะอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
และหากได้รับการยืนยันในที่สุด การค้นพบนี้ไม่เพียงแต่จะกลายเป็นเป้าหมายการวิจัยที่สำคัญอย่างยิ่งเท่านั้น แต่ยังจะบังคับให้นักดาราศาสตร์ต้องทบทวนความเข้าใจเกี่ยวกับการก่อตัวและวิวัฒนาการของดาวเคราะห์ในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการไขความลับของระบบดาวเคราะห์อื่นนอกเหนือจากเรา
ชาร์ลส์ ไบชแมน ผู้อำนวยการบริหารของสถาบันวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์นอกระบบของ NASA กล่าวว่า "เนื่องจากระบบดาวนี้อยู่ใกล้เรามาก การค้นพบใดๆ จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการศึกษาและทำความเข้าใจระบบดาวเคราะห์อื่นๆ" หากดาวเคราะห์ดวงนี้มีอยู่จริง มันจะท้าทายความเข้าใจเดิมๆ เกี่ยวกับการก่อตัวและวิวัฒนาการของดาวเคราะห์ในระบบดาวคู่ที่วุ่นวายเช่นนี้
ผลการวิจัยนี้ได้รับการยอมรับให้ตีพิมพ์ในวารสาร The Astrophysical Journal Letters
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คณะรัฐมนตรีอนุมัติการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ JAS 39 Gripen E/F จากประเทศสวีเดน
- บริษัทสเปนเข้าซื้อกิจการ Space Perspective สตาร์ตอัปบอลลูนท่องเที่ยวอวกาศจากสหรัฐฯ
- ยุโรปเร่งเครื่องคัดเลือก 5 บริษัทจรวดยุคใหม่ ผลักดันธุรกิจขนส่งอวกาศโดยเอกชน
- ยุโรปเปิดตัวโครงการ INVICTUS ก้าวสำคัญสู่ยุคใหม่ของเครื่องบินอวกาศความเร็วเหนือเสียง
- กล้องเจมส์ เวบบ์ ฉลองครบ 3 ปี เผยภาพ "อุ้งเท้าแมวแห่งจักรวาล" สุดตระการตา