“จตุพร” เผย 13 ส.ค.นี้ ชง นบข.ไฟเขียวแจกชาวนาไร่ละ 1,000 บาท
“จตุพร” เผย 13 ส.ค.นี้ ชง นบข.ไฟเขียวแจกชาวนาไร่ละ 1,000 บาท พร้อมเดินหน้าช่วยเกษตรกร ลดต้นทุนผ่านโครงการธงเขียว เพิ่มช่องทางตลาดลำไย พร้อม
วันที่ 11 ส.ค.68 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในส่วนของสินค้าข้าว โดยจากการลงพื้นที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับฟังปัญหาและพูดคุยกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้แจ้งกับพี่น้องเกษตรกรไปว่ากระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในได้เตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ปลูกข้าว เพื่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาโดยด่วน ในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ โดยมีโครงการสำคัญ อาทิ การสนับสนุนและส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69 โครงการประกันภัยข้าวนาปี รวมถึงมาตรการชดเชยไร่ละ 1,000 บาทสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง คาดว่าจะสรุปผลในการประชุมครั้งนี้ อีกทั้งกระทรวงยังเร่งเจรจาขยายตลาดส่งออกข้าวกับจีน ซาอุดีอาระเบีย และญี่ปุ่น เพื่อช่วยดันราคาข้าวให้สูงขึ้น
ขณะที่มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรจะมีมาอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยเฉพาะสินค้าผลไม้ลำไยภาคเหนือที่มีปัญหาราคาสินค้าตกต่ำ เนื่องจากผลผลิตออกเยอะ โดยเฉพาะ “ลำไยพันธุ์อีดอ” ซึ่งส่วนใหญ่นำไปแปรรูปโดยการอบแห้งเพื่อส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ แต่สำหรับลำไยสดที่นำมาขายในประเทศจะเป็นลำไยพันธุ์เบี้ยวเขียวซึ่งมีปริมาณไม่มากนัก ทำให้ราคาขายปลีกในประเทศอยู่ที่กิโลกรัมละ 50–60 บาท ขณะที่ลำไยพันธุ์อีดอ ผลผลิตออกพร้อมในช่วงเดียวกัน จึงเกิดการกระจุกตัวเนื่องจากโรงงานแปรรูปมีจำกัดประกอบกับกระบวนการอบแห้งที่ต้องใช้เวลา กรมการค้าภายในจึงได้ประสานโรงอบผ่านสมาคมผู้ผลิตลำไยอบแห้งภาคเหนือ 7 จังหวัด ให้เพิ่มปริมาณการรับซื้อลำไยสด จึงทำให้ขณะนี้ราคารับซื้อลำไยสดขยับขึ้นเป็น 11.50 บาทแล้ว
ทั้งนี้กรมการค้าภายในได้เร่งมาตรการกระจายลำไยออกนอกแหล่งผลิต ผ่านกลไกต่างๆ อาทิ จัดกิจกรรม “ลำไย-ปันสุข” ร่วมกับพันธมิตร ซีพีแอ็กตร้าโดยรับซื้อลำไยจากเกษตรกรกว่า 1,000 ตัน จำหน่ายผ่านแม็คโครและโลตัสกว่า 2,600 สาขาทั่วประเทศ และยังมีการเชื่อมโยงกระจายลำไยไปยังตลาดภายในประเทศ ผ่านกิจกรรม “Thai Fruits Festival” เพื่อส่งเสริมการบริโภคลำไยในประเทศ โดยการนำลำไยภาคเหนือลงสู่ภาคอื่นๆ ทั่วประเทศ ซึ่งสามารถระบายผลผลิตออกจากภาคเหนือได้ปริมาณเยอะ โดยกิจกรรมทั้งหมดนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นช่วงต้นฤดูกาลลำไย
นอกจากนี้ กรมการค้าภายในได้มีแผนบริหารจัดการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางกระจายลำไย อาทิ มอบเป็นของสมนาคุณโดยร่วมกับสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ กิจกรรมธงฟ้าที่จัดในชุมชนต่าง ๆ รวมถึงช่องทางจำหน่ายผ่านตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ “ตู้เต่าบิน” และสายการบินแอร์เอเชีย ที่เป็นช่องทางนวัตกรรมใหม่สำหรับลำไย ด้านการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งผลักดันการส่งออกลำไยไปตลาดใหม่ ๆ เช่น อินเดียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่มด้วย“
นายจตุพร กล่าวเพิ่มว่า “ในส่วนของสินค้าข้าว โดยจากการลงพื้นที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับฟังปัญหาและพูดคุยกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้แจ้งกับพี่น้องเกษตรกรไปว่ากระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในได้เตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ปลูกข้าว เพื่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาโดยด่วน ในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ โดยมีโครงการสำคัญ อาทิ การสนับสนุนและส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69 โครงการประกันภัยข้าวนาปี รวมถึงมาตรการชดเชยไร่ละ 1,000 บาท สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ซึ่งคาดว่าจะสรุปผลในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ กระทรวงยังเร่งเจรจาขยายตลาดส่งออกข้าวกับจีน ซาอุดีอาระเบีย และญี่ปุ่น เพื่อช่วยดันราคาข้าวให้สูงขึ้น”
นายจตุพร กล่าวเพิ่มว่า อีกหนึ่งมาตรการสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกรคือ โครงการ “ธงเขียวราคาประหยัด” ของกรมการค้าภายใน (DIT) ที่เน้นช่วยลดต้นทุนการผลิตผ่านการจัดจำหน่ายปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงคุณภาพสูงในราคาประหยัดกว่าท้องตลาด โดยมีปุ๋ยเคมี 6 สูตรจำหน่ายในราคากระสอบละ 200 บาท ลดลงจากราคาปกติอย่างน้อย 200 บาทต่อกระสอบ พร้อมยาฆ่าแมลง (ยาดี) ที่จำหน่ายในราคาลดสูงสุดถึง 60% เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้เกษตรกร โดยมีแผนขยายโครงการครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ตามนโยบาย“ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” กระทรวงฯ จะใช้โครงการ “ธงเขียว” เป็นกลไกสำคัญในการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และดูแลให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าเกษตรราคายุติธรรมอย่างทั่วถึง
”กระทรวงพาณิชย์ขอย้ำว่า จะเดินหน้าทุกมาตรการ ทั้งการดูแลราคาสินค้าเกษตรในประเทศ การเชื่อมโยงตลาด และการเพิ่มช่องทางจำหน่าย เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่เกษตรกรและเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ตามนโยบาย “ พาณิชย์พึ่งได้“ นายจตุพร กล่าวทิ้งท้าย