เหรียญฮีโร่ชายแดน ในหลวงพระราชทานทหาร-ตชด./คุ้ยทรัพย์สิน2ฮุนในไทย
"ในหลวง-พระราชินี" เตรียมพระราชทานเหรียญกล้าหาญแก่ "ทหาร-ตชด.-ทหารพราน" ที่ปฏิบัติงานชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งรายบุคคลและหน่วย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ "บิ๊กเล็ก" เผยไทยเตรียมส่งคลิปทหารเขมรวางทุ่นระเบิดฟ้องนานาชาติ-คกก.อนุสัญญาออตตาวา พร้อมเชิญลงพื้นที่ดูความจริงก่อนประชุมใหญ่ปลายปี "ภูมิธรรม" สั่งเช็กทรัพย์สินพ่อลูกตระกูลฮุนในไทย "กต." ชี้ IOT เห็นชัดกัมพูชาเล่นละครฉากใหญ่ ผิดหวังไม่จริงใจเก็บกู้ทุ่นระเบิด "โรม" ข้องใจรัฐบาลไม่ยื่นฟ้องศาล ICC ถามหรือมีเอี่ยวผลประโยชน์สองตระกูล
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 20 ส.ค.2568 พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการ รมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ก่อนอื่นตนขอพูดถึงเรื่องที่เป็นขวัญกำลังใจให้กับกำลังพลทหาร ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน และทหารพราน ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งในห้วงเวลาที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้ทรงติดตามสถานการณ์มาตลอด โดยในกรณีที่เกิดความสูญเสีย ได้พระราชทานความช่วยเหลือ ล่าสุดรองราชเลขานุการในพระองค์ได้ติดต่อมายังกระทรวงกลาโหมและมาถึงตนว่า พระองค์ท่านทรงห่วงใยเรื่องการพระราชทานเหรียญกล้าหาญว่าได้ดำเนินการอย่างไร เรื่องนี้กระทรวงกลาโหมได้เร่งรัดที่จะขอพระราชทานเหรียญให้แก่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และทหารพราน ที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้
พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า โดยหลักเกณฑ์จะคล้ายกันกับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งการขอเหรียญกล้าหาญในครั้งนี้ กำลังพลเข้าปฏิบัติการเป็นจำนวนมาก กระทรวงกลาโหมจะรวบรวมเสนอไปในคราวเดียวกันเพื่อขอพระราชทาน ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่พระองค์ท่านทรงห่วงใยกำลังพลที่ปฏิบัติงานอยู่
ถามว่า การขอพระราชทานเหรียญกล้าหาญ จะเป็นเหรียญในลักษณะใดบ้าง พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า เหรียญจะไปถึงขั้นรามาธิบดี และเหรียญทุกระดับที่สามารถให้ได้ตามความเหมาะสม มีพฤติการณ์ที่สอดคล้อง แต่เนื่องจากมีกำลังพลจำนวนมาก ตนได้ให้แนวทางไปว่า ให้ขอไป 2 ลักษณะ คือลักษณะเป็นบุคคล สำหรับบางคนที่มีความกล้าหาญดีเด่น แต่ถ้าหน่วยใดที่ปฏิบัติการเป็นหน่วย และมีความกล้าหาญ จะพระราชทานเหรียญกล้าหาญประดับบนธงชัยเฉลิมพล เพื่อเป็นเกียรติยศกับกำลังพลหน่วยนั้นทั้งหน่วย
"ขณะนี้กำลังพิจารณาด้วยความรอบคอบ จะต้องไม่มีเรื่องที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ในกรณีที่พระองค์ท่านได้พระราชทานมาแล้ว ดังนั้นแม้จะเร่งรัดทำ แต่ก็ต้องรอบคอบด้วย คาดว่าต้นเดือน ก.ย.จะเรียบร้อย" พล.อ.ณัฐพลกล่าว
ถามถึงกรณีกองทัพเรือพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชา ซึ่งมีหลักฐานเป็นวิดีโอการลอบวางทุ่นระเบิด PMN-2 รัฐบาลจะดำเนินการต่ออย่างไร พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า เราทำทั้งสองอย่าง โดยในแง่ของชาวโลกเราก็เผยแพร่ออกไปให้สังคมได้รับทราบว่า ในห้วงเวลาดังกล่าวแม้รัฐบาลจะแสดงความจริงใจด้วยการหยุดยิงก็ตาม แต่กำลังพลหน้างานในพื้นที่ยังปฏิบัติการยั่วยุ ฝ่าฝืน และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ แสดงว่าหากกัมพูชามีความจริงใจ ก็แปลว่าทหารเขาไม่มีวินัย ซึ่งตอนนี้ตัวเองขอมองอย่างนั้นก่อน แต่หากพิสูจน์ได้ว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจก็จะต้องว่ากันอีกที
ส่งคลิปเขมรร้อง กก.ออตตาวา
"อีกเรื่องที่ทำคือคณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวา ที่ควบคุมเรื่องทุ่นระเบิดที่มีคณะกรรมการใหญ่อยู่ที่กรุงเจนีวา ซึ่งเรามีผู้แทนถาวรจากกระทรวงการต่างประเทศอยู่ที่นั่น ก็จะคอยติดตามอยู่ โดยจะมีการประชุมประมาณช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. ซึ่งมีสื่อบางสำนักนำเสนอว่าผมบอกว่าให้รอถึงช่วงเดือนดังกล่าว แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น เพราะนั่นคือกลไกหนึ่งซึ่งเป็นกลไกหลัก โดยผมเองได้รับทราบจากกระทรวงการต่างประเทศว่าคณะกรรมการใหญ่ได้ขอหลักฐานเพิ่มเติมมาเรื่อยๆ ฉะนั้นเราก็จะส่งหลักฐานไปประกอบ" พล.อ.ณัฐพลกล่าว
รักษาการ รมว.กลาโหมกล่าวว่า ในส่วนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งมีประเทศญี่ปุ่นเป็นประธาน เราก็จะติดต่อให้ลงมาดูก่อนที่จะถึงการประชุมใหญ่ ซึ่งทางญี่ปุ่นก็ตอบรับ แต่กำลังรอขั้นตอนอยู่ว่าจะลงมาเมื่อใด ขณะที่กลไกการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือจีบีซี เราก็พยายามพูดคุย
"ด้วยข้อมูลข่าวสาร สภาพสังคม สภาพแวดล้อม ก็น่าจะกดดันทางกัมพูชาได้มากพอสมควร และในการประชุมจีบีซีรอบหน้าเราก็จะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอีกว่าเรื่องกับดักทุ่นระเบิดจะทำอย่างไร" รักษาการ รมว.กลาโหมกล่าว
พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า สิ่งที่กลไกจีบีซีและศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. มีนโยบายคือการใช้กลไกของศูนย์อาเซียนเพื่อความร่วมมือด้านการปฏิบัติการเก็บกู้ทุนระเบิดด้านมนุษยธรรม หรือ ARMAC ที่เป็นกลไกของอาเซียนจัดการ ส่วนประเทศอื่นถ้าจะมาก็ขอให้เป็นลักษณะของการบริจาค หรือสนับสนุนเครื่องมือ เราจะไม่เอากำลังจากนอกภูมิภาคอาเซียนมา และในบทบาทของเราจะเน้นในเรื่องทวิภาคี ส่วนถ้าเป็นพหุภาคีอื่นๆ ก็ขอให้อยู่ในประเทศอาเซียน โดยเราต้องทำให้ทั่วโลกเห็นว่าอาเซียนเราดูแลกันเองได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนได้เน้นย้ำกับหน่วยปฏิบัติต่างๆ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การทหาร แต่รวมทั้งความมั่นคง การเมืองเศรษฐกิจ สังคมวิทยา ดังนั้นต้องดูทั้งหมด ไม่ใช่แค่เรื่องการทหารอย่างเดียว และขณะนี้ตนสบายใจแล้วเรื่องทหาร ตนมั่นใจในความพร้อมของกองทัพว่าพร้อมตลอดเวลา ดังนั้นไม่ต้องกังวล
ถามว่า จีนในฐานะที่อยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียน +3 และเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์ จะสามารถเข้ามาร่วมช่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดได้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ก่อนการประชุมจีบีซีได้พบกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ก็ยืนยันกับตนเองว่าจีนและสหรัฐขอเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์ แต่ธรรมดาการสื่อสารไม่ว่าประเทศไทย กัมพูชา จีน หรือสหรัฐ การสื่อสารระหว่างกันยังไม่ชัดเจนและยังไม่ถึงกัน แต่หลักของตนคือขอแก้ปัญหาด้วยกลไกทวิภาคีเป็นลำดับแรก และขอให้ประเทศอื่นเป็นผู้สังเกตการณ์อย่างเดียว
"ฝ่ายความมั่นคงของเรายึดนโยบายสมดุลมาโดยตลอด และเป็นนโยบายที่ทำให้เราอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะตราบใดที่เรายอมรับให้ประเทศหนึ่งเข้ามาก็จะมีประเทศอื่นๆ เสนอเข้ามาอีก พร้อมยอมรับว่าจะกลายเป็นความยุ่งเหยิง และยืนยันว่าเราคิดทุกด้าน" พล.อ.ณัฐพลกล่าว
ซักถึงกรณีกัมพูชาอ้างคลิปวางทุ่นระเบิดที่ออกมาเป็นการจัดฉากของฝ่ายไทย รักษาการ รมว.กลาโหมกล่าวว่า ตราบใดก็ตามที่เรายึดมั่นในข้อเท็จจริง เครดิตจะเป็นสิ่งที่สังคมเชื่อถือ ถ้าลักษณะเช่นนี้ชาวโลกจะเชื่อถือใคร ระหว่างไทยกับกัมพูชา ตนถึงบอกว่าเราต้องไม่เอาเฟกนิวส์ไปสู้กับเฟกนิวส์ เพราะต่อไปเราก็จะเสียเครดิตไปด้วย ที่ตนเคยใช้คำพูดว่าศีลเสมอกัน ซึ่งตราบใดที่เรายึดหลักข้อเท็จจริง แม้อาจจะช้าไปบ้าง แต่เราต้องตรวจสอบ เราไม่สามารถสวนได้ทันที แต่ถ้าเป็นเฟกนิวส์เราสวนกลับได้หมด
พอถามว่า หลักฐานคลิปวิดีโอดังกล่าวจะถูกส่งไปให้กับประเทศที่สนับสนุนงบประมาณประเทศกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้วยหรือไม่เพื่อตัดงบประมาณ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า แน่นอน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศก็ทำอย่างนั้น และมีบัญชีรายชื่ออยู่แล้วว่ามีประเทศไหนบ้างที่สนับสนุนงบประมาณ ส่วนในการตัดสินหรือการตกลงใจในแต่ละประเทศ เขาก็ต้องรอฟังให้ชัด แต่ตนมั่นใจว่าข้อมูลของไทยน่าเชื่อถือ เพราะความจริงอย่างไรก็บิดเบือนไม่ได้อยู่แล้ว
สั่งเช็กทรัพย์สิน 'ฮุน เซน'ในไทย
พล.อ.ณัฐพลกล่าวถึงผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวหรือ IOT และผู้สังเกตการณ์อาเซียน AOT ว่า IOT ใช้กลไกภายในประเทศ คนในประเทศไทย และจากอาเซียน เช่น ผู้ช่วยทูตทหาร เสมียนทูต ถ้าจะเอาคนจากประเทศต้นกำเนิดมาเพิ่มเติมอย่างที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียขอคนมาเพิ่ม เราจึงบอกว่ายังไม่ได้ เพราะเราใช้กลไก IOT อยู่ หากจะขอเพิ่มเติมต้องดึงเจ้าหน้าที่ในสถานทูต ซึ่งไม่ใช่ทูตทหารมาช่วยได้ แต่เอาคนเพิ่มมายังไม่ได้ การพูดคุยต้องมีกรอบ ไม่ใช่นึกอยากจะทำก็ทำ ส่วน AOT จะเริ่มมีคนจากประเทศนั้นๆ เข้ามาแล้ว เช่น ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซีย เขาอาจจะขอกำลังเข้ามาเพิ่ม ซึ่งตรงนั้นเราคิดหนัก เราจึงบอกว่าเรื่องนี้มีกฎหมายแต่ละประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยหากใช้ AOT กระทรวงการต่างประเทศกำลังศึกษาอยู่ ซึ่งเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่าอย่างน้อยต้องเข้า ครม. ให้ ครม.อนุมัติ แต่หลายฝ่ายก็ห่วงใยว่าต้องเข้าสภาหรือไม่
"ลองนึกดูว่าการที่จะจัด AOT เข้ามาต้องมีการร่าง TOR เมื่อไทยและกัมพูชาตกลงกันได้แล้วก็ต้องกลับมาเข้าสภาทั้งของไทยและกัมพูชา หากสภาไทยเห็นด้วย แต่กัมพูชาไม่เห็นด้วยก็ไปไม่ได้ หรือสภาไทยไม่เห็นด้วย สภากัมพูชาเห็นด้วย ก็ไปไม่ได้ ดังนั้น AOT จะยาก เราโปร่งใสตรวจสอบได้ ยอมรับ IOT แต่ IOT ขอกรอบแค่นี้ นี่คือจุดยืนของไทย ขออย่าห่วง ทำอะไรที่ยึดถือความจริง ยึดถือหลักการ อยู่ได้ ตอบได้ทุกที่" พล.อ.ณัฐพลกล่าว
ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวถึงการฟ้องอาญาและแพ่งสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา จะกระทบต่อการทูตระหว่าง 2 ประเทศเพื่อสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นหรือไม่ว่า ขณะนี้ในขอบเขตประเทศเราดำเนินการฟ้องตามที่เป็นข่าว ส่วนเรื่องการต่างประเทศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเป็นความสัมพันธ์ที่เกี่ยวกับการฟ้องร้องเรื่องราวต่างๆ หรือไม่ตามที่สื่อถาม จึงให้ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงการต่างประเทศและสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กระทรวงกลาโหมหารือกัน
ถามว่า นักธุรกิจไทยในกัมพูชาและนักการเมืองที่จะเดินทางไปกัมพูชา จะมีมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่เกี่ยว เขาดำเนินธุรกิจในกัมพูชาก็ว่ากันไป ซึ่งกัมพูชาทำอะไรไม่ได้หรอก เพราะไม่ได้ทำผิดกฎหมายกัมพูชา บ้านเมืองก็มีกฎเกณฑ์
ซักว่าสมเด็จฮุน เซน และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีการทำธุรกิจอะไรส่วนตัวในประเทศไทยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ทราบเลย เดี๋ยวต้องไปเช็กดู ต้องไปเช็กหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อถามว่าต้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบหรืออายัดทรัพย์สินหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไร ดีเอสไอจะไปอายัดได้อย่างไร ต้องว่าไปตามกฎหมาย ซึ่งกฎหมายมีทุกส่วน ว่าไปตามระบบ หากเห็นว่ามีส่วนไปสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนและชีวิตของราษฎร ก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม กฎหมายในประเทศทำได้ก็ทำ กฎหมายระหว่างประเทศไม่ใช่เรื่องกฎหมายล้วนๆ มีเรื่องอะไรหลายอย่างที่ละเอียดอ่อน ก็ว่าไปตามนั้น ทำได้ก็ฟ้องหมด
ถามว่า จะฟ้องอาญาศาลไทยได้จะต้องนำตัวสมเด็จฮุน เซน และนายฮุน มาเนต มาฟ้องศาลไทยเหมือนที่ตำรวจเตรียมประสานองค์การตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) เพื่อออกหมายแดงนำตัวก๊ก อาน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติชาวกัมพูชารายใหญ่มาดำเนินคดีหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ว่าไปตามกระบวนการทางกฎหมาย มีช่องทางอยู่แล้ว ก็สามารถฟ้องได้ตามขอบเขตกฎหมาย เมื่อถามย้ำว่าจะส่งเรื่องให้อินเตอร์โพลให้จับสมเด็จฮุน เซน และนายฮุน มาเนตหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียด ให้ตำรวจสอบสวนก่อน ถ้าเขาทำอะไรได้ก็จะทำตามที่ตกลงไว้
จวกกัมพูชาเล่นละครฉากใหญ่
ด้าน พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก.ว่า สถานการณ์ตามแนวชายแดนทั่วไปไม่ปรากฏเหตุการณ์ที่มีนัยสำคัญ สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ และช่วงที่ผ่านมาประชาชนอาจเห็นการตรวจพบโทรศัพท์มือถือของฝ่ายกัมพูชา โดยกองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันว่าทหารกัมพูชาลักลอบการใช้ทุ่นระเบิดสังหารชนิด PMN-2 ที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ที่ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ตรวจพบเมื่อวันที่ 19 ส.ค. ซึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดพร้อม และในคลิปมีเสียงพูดเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตการใช้งานของทุ่นระเบิดก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานดังกล่าวทางโทรศัพท์ระบุวันเวลาและสถานที่และโลเคชันชัดเจน นับว่าเป็นพยานหลักฐานที่ยืนยันการละเมิดข้อตกลงการใช้ทุนระเบิดขัดต่อสัญญาระหว่างประเทศร้ายแรง ซึ่งกองทัพได้จัดส่งให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพื่อนำไปเป็นหลักฐานประกอบเพื่อยืนยันการละเมิดข้อตกลงของทางกัมพูชาที่จะนำเข้าในที่ประชุมคณะกรรมการของอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 22 ส.ค.นี้ และการปฏิบัติการดังกล่าวถือเป็นการปฏิบัติตามข้อตกลงคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ที่ไทยและกัมพูชาได้ลงนามไว้
ส่วนนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษก กต. กล่าวว่า ในการลงพื้นที่เพื่อสังเกตการณ์สถานการณ์ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ จ.ศรีสะเกษ ตลอดช่วงการลงพื้นที่ในครั้งนี้ คณะทูตองค์การต่างๆ และสื่อมวลชนได้รับฟังข้อมูลและได้เห็นหลักฐานเชิงประจักษ์จากทุ่นระเบิดและอาวุธอื่นๆ ที่ฝ่ายไทยได้เก็บกู้ ซึ่งเป็นการลอบวางใหม่โดยฝ่ายกัมพูชา ที่มีเจตนาใช้และได้ใช้ไปเรียบร้อยแล้ว
“การลงพื้นที่ของคณะผู้แทนจากต่างประเทศครั้งนี้ ย้ำชัดว่าไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วน มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไม่มีอะไรที่จะปิดบัง และสะท้อนด้วยว่าเป็นฝ่ายกัมพูชาที่พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง กำลังเล่นละครฉากใหญ่โดยอ้างเป็นผู้ถูกกระทำอย่างไร้หลักฐานมาโดยตลอด จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประชาคมระหว่างประเทศจะพิจารณาทบทวนความช่วยเหลือที่ให้กับกัมพูชาในเรื่องของการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และร่วมกดดันให้กัมพูชาปฏิบัติตามพันธกรณีในฐานะรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งข้อตกลงการหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา” นางมาระตีกล่าว
รองโฆษก กต.กล่าวว่า เรื่องคลิปวิดีโอที่เก็บภาพทหารกัมพูชากำลังวางทุ่นระเบิดในไทย ยังมีความพยายามบิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชาว่าเป็นนักแสดงไทยที่นำชุดทหารกัมพูชามาสวมใส่และแสดงละคร จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าคลิปวิดีโอที่เก็บภาพเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์จริง และจะนำไปประกอบเป็นหลักฐานข้อมูลที่ฝ่ายไทยจะนำไปชี้แจงฟ้องกัมพูชาได้อย่างดีในกรอบของอนุสัญญาออตตาวาที่ กต.กำลังเดินเรื่องอยู่ และในวันที่ 22 ส.ค. จะมีการประชุมของคณะกรรมการของกรอบอนุสัญญาออตตาวา ที่ดูแลเรื่องของการปฏิบัติตามอนุสัญญาเป็นการเฉพาะ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้มีการประชุมก่อนหน้านี้หลายรอบแล้ว ซึ่งเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทย ณ นครเจนีวา จะเข้าร่วมและนำเสนอข้อเท็จจริง ข้อมูล หลักฐานทั้งหมดที่ฝ่ายไทยเก็บมา เพื่อที่จะเป็นข้อมูลชี้แจงที่มีน้ำหนัก
ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงภาพรวมการลงพื้นที่ของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวอาเซียน (IOT) ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายว่า ในห้วง 3 วัน คณะ IOT ได้สังเกตการณ์ ได้ชมการปฏิบัติงานของหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม และผู้ได้รับผลกระทบการโจมตีไม่เลือกเป้าหมายของฝ่ายกัมพูชา
“ฝ่ายไทยขอแสดงความผิดหวังอย่างยิ่ง สะท้อนถึงความไม่ถึงใจในการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง ฝ่ายไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการลงพื้นที่ในครั้งนี้จะทำให้คณะผู้สังเกตการณ์ได้เห็นหลักฐานด้วยตาตัวเอง ที่ไม่มีการจัดฉาก แสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและความจริงใจของฝ่ายไทยในการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ต่างจากฝ่ายกัมพูชาที่พยายามจัดฉากเหตุการณ์ และปล่อยข่าวบิดเบือนออกมาอย่างต่อเนื่อง” นายนิกรเดชกล่าว
โรมข้องใจรบ.ไม่พึ่งศาล ICC
มีรายงานว่า ในวันที่ 22 ส.ค. เวลา 13.00 น. กองบัญชาการกองทัพไทยจะนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) ลงพื้นที่สังเกตการณ์ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังบูรพา จ.สระแก้ว โดยจะรับฟังการบรรยายสรุป ณ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ร.12 พัน.3 รอ.) หลังจากนั้นจะลงพื้นที่บริเวณบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงของปัญหาการรุกล้ำอธิปไตยของไทยในพื้นที่ ตลอดจนรับทราบมาตรการควบคุมและป้องกันการกระทำผิดกฎหมายข้ามชาติ เช่น อาชญากรรมออนไลน์ (Scammer) และการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ของ IOT จะมีขึ้นในวันเดียวกับการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในช่วงเช้า เวลา 09.00 น. โดยทาง พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 จะเดินทางร่วมประชุมคณะกรรมการที่สโมสรมณฑลทหารบกที่ 19 ต.ท่าเกษม อ.เมืองฯ จ.สระแก้ว โดยฝั่งกัมพูชาส่งผู้บัญชาการทหารภูมิภาคทหารที่ 5 กัมพูชา พร้อมคณะเข้าร่วมการประชุม
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีทหารไทยพบคลิปทหารกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดว่า ในเรื่องการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ต่อให้ไม่มีภาพนั้นเราก็มีหลักฐานเพียงพออยู่แล้วในการขยายผลของการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา แต่เท่าที่ตนดูนานาชาติยังไม่ได้มีการประณามกัมพูชาอย่างเป็นระบบ ยังอยู่ในขั้นของการนำเสนอข้อมูลให้นานาชาติ ซึ่งจริงๆ แล้วเราก็นำเสนอกันไปพอสมควรแล้ว กระทรวงการต่างประเทศต้องไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่มีการประณามหรือตำหนิกัมพูชาที่ละเมิดอนุสัญญาในเรื่องนี้
นอกจากนี้ ต้องพากัมพูชาไปศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ด้วย เราสามารถดำเนินการเอาผิดได้ทั้งคอลเซ็นเตอร์ การโจมตีเป้าหมายพลเรือน คิดว่าจุดนี้จะทำให้ไทยได้เปรียบ แต่การที่รัฐบาลยังไม่ฟ้องศาล ICC ทำให้เป็นห่วงว่าที่ประเทศไทยยั้งมือ เพราะเรามีผลประโยชน์กับกัมพูชาเยอะหรือไม่
“เรียนตามตรงว่าผลประโยชน์ของทั้งสองตระกูลก็คงมีมานาน แต่วันนี้ต้องยึดผลประโยชน์ของชาติ รัฐบาลควรยึดผลประโยชน์ของชาติให้มากที่สุด และใช้โอกาสนี้ในการสร้างสันติภาพระยะยาว” นายรังสิมันต์กล่าว
วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารบก เข้าเยี่ยมให้กำลังใจนายทหาร 8 นายที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์การสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เข้ามาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
“อยากบอกว่าชาติบ้านเมืองยังยืนอยู่ได้เพราะความเสียสละของน้องๆ ทุกคน ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่น ห่วงสุขภาพให้มากๆ พี่จะยืนอยู่ข้างๆ เสมอ เห็นน้องๆ เจ็บ ผมก็เจ็บด้วย" พล.อ.ประวิตรระบุ.