กิตติรัตน์ ชง แก้กฎหมาย ธอส. ปล่อยกู้ลูกหนี้ดีเพิ่ม เสนอ 5 มาตรการให้ นายกฯ
กิตติรัตน์ เผย คณะกรรมการแก้หนี้ประชาชนสรุป 5 แนวทางช่วยลูกหนี้ แก้กฎหมาย ธอส. ปล่อยกู้ลูกหนี้ชำระดีเพื่อนำไปชำระหนี้อื่น เปิดทางสินเชื่อเช่าซื้อคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก กำหนดแบงก์-นอนแบงก์ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกคลินิกแก้หนี้ต้องช่วยลูกหนี้ตามเกณฑ์เดียวกัน เตรียมเสนอนายกฯ ภายในสัปดาห์นี้
21 ส.ค. 2568นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ปรึกษาคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2568 ที่มีนายจักรพงษ์ แสงมณี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีการสรุปข้อเสนอในการแก้ไขหนี้ประชาชนจาก 10 คณะอนุกรรมการหนี้รายย่อย ซึ่งครอบคลุมการแก้ไขหนี้ 8 ชนิด ได้แก่ หนี้นอกระบบ หนี้ข้าราชการ หนี้เช่าซื้อ หนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล หนี้เอสเอ็มอี หนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย และ หนี้เกษตรกรรายย่อย โดยข้อเสนอทั้งหมดมีรายละเอียดดังนี้
1. การแก้ไข พ.ร.บ.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ให้ขยายขอบเขตการปล่อยกู้แก่ลูกค้าที่มีประวัติการผ่อนชำระดี โดยให้สามารถนำวงเงินที่ผ่อนไปแล้วกู้ออกมาใช้เพิ่มเติมโดยใช้หลักประกันเดิมเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสนำเงินไปใช้ในสิ่งที่ก่อประโยชน์ หรือนำไปชำระหนี้นอกระบบชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า
“รูปแบบนี้ธนาคารพาณิชย์สามารถทำได้อยู่แล้ว แต่ ธอส.ยังทำไม่ได้โดยปัจจุบันลูกค้าธอส. ขอกู้เพิ่มได้กรณีนำมาใช้ปลูกบ้าน หรือ ตกแต่ง ซ่อมแซมได้ เท่านั้น จึงเห็นควรให้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อปล่อยสินเชื่อในกรณีนี้ได้ด้วย โดยอาจมีการบรรจุวัตถุประสงค์ไปเลยว่าต้องกู้เพื่อมาใช้หนี้เท่านั้น ตอนนี้ธปท. และ ธอส. ก็เห็นพ้องต้องกันแล้วว่าควรจะแก้กฎหมายของธอส. ในเรื่องนี้”
ทั้งนี้ในเรื่องความเสี่ยงเป็นสิ่งที่ธนาคารสามารถพิจารณาโดยอาจมีการกำหนดสัดส่วนในการปล่อยกู้ เช่น หากลูกค้าซื้อบ้านผ่อนไปแล้ว 50% และต้องการกู้เงินในวงเงินที่ไม่สูงมากเพื่อไปปิดหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง ก็สามารถขอกู้จากวงเงินที่ผ่อนไปแล้วออกมาใช้ได้แต่ยังใช้สินทรัพย์เดิมเป็นหลักประกัน
2. ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ (ลีสซิ่ง) รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ควรมีการปรับวิธีคำนวณดอกเบี้ยจากที่คิดดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate) เป็นแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่ลูกหนี้ เนื่องจากการคิดดอกเบี้ยแบบคงที่จะทำให้ผู้กู้มีภาระการผ่อนที่สูงเพราะจะคิดจากยอดเงินกู้ตามสัญญาแล้วนำเงินจำนวนนี้มาคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันแรกที่เริ่มกู้จนถึงวันครบกำหนดสัญญาแต่หากคิดแบบลดต้นลดดอกจะสะท้อนยอดหนี้ที่เกิดขึ้นจริง
“หนี้เช่าซื้อมักมีมูลหนี้น้อยก็เลยไม่ค่อยได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง แต่ปัญหาคือ เช่น กรณีที่คนที่มีระยะเวลาผ่อน 5 ปีตามสัญญาและผ่อนมาแล้ว 3 ปี อย่างดี แต่มาเกิดปัญหากระทบความสามารถในการชำระหนี้นอกจากเป็นหนี้เสียแล้วยังโดนยึดรถ ขณะที่การคิดดอกเบี้ยแบบ Flat Rate ทำให้ไม่รู้เลยว่ายอดเงินต้นที่เหลืออยู่เป็นเท่าไรซึ่งไม่ยุติธรรมกับลูกหนี้ จึงควรมีแนวทางปรับโครงสร้างหนี้เช่าซื้อเหมือนกับหนี้ชนิดอื่นและให้ลูกหนี้สามารถเลือกได้ว่าสามารถผ่อนงวดที่เหลือเป็นแบบลดต้นลดดอกได้”
3. ให้สถาบันการเงินและนอนแบงก์ที่ให้บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการคลินิกแก้หนี้ที่ดำเนินการผ่านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด นำแนวทางการช่วยเหลือลูกหนี้ในรูปแบบเดียวกับคลินิกแก้หนี้สำหรับลูกหนี้ที่มีปัญหาด้วย โดยลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียค้างชำระเกิน 120 วัน ให้มีทางเลือกในการผ่อนชำระตามความสามารถโดยดอกเบี้ยต่ำ 3-5% และเป็นการชำระแบบลดต้นลดดอก
“คณะทำงานมองว่าการไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการคลินิกแก้หนี้ก็เป็นสิทธิของสถาบันการเงินและนอนแบงก์ที่สามารถทำได้ แต่ท่านต้องไปออกมาตรการที่เทียบเคียงกับคลินิกแก้หนี้เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ด้วยเพราะเรื่องนี้ก็เป็นสิทธิของลูกหนี้ที่ควรจะได้รับเช่นกัน”
4. การพิจารณาแก้กฎหมาย ช่วยเหลือข้าราชการประจำที่ถูกฟ้องล้มละลายที่ไม่ได้เกิดจากการทุจริตให้ไม่ต้องถูกบังคับให้ออกจากราชการเหมือนกับพนักงานจากหน่วยงานอื่นๆ ที่จะไม่ให้ถูกออกจากราชการ เพราะถือเป็นเรื่องของคดีแพ่ง
“ปัจจุบันข้าราชการ เช่น ทหาร ตำรวจ ข้าราชการในสังกัดกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ อัยการ หากถูกฟ้องล้มละลายโดยที่ไม่ได้ทุจริตไม่ต้องออกจากข้าราชการอยู่แล้วเพราะเป็นความผิดทางแพ่งและหน่วยงานเหล่านี้ได้รับการแก้ไขกฎหมายแล้ว แต่ระดับข้าราชการพลเรือนยังไม่ได้รับการแก้ไขดังนั้นคณะทำงานจึงมองว่าควรแก้ไขเรื่องนี้ด้วย”
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้อาจต้องใช้เวลาในการแก้ไขกฎหมายซึ่งระหว่างนี้อยากทำความเข้าใจกับเจ้าหนี้ด้วย เนื่องจากหากมีการเร่งฟ้องล้มละลายจนต้องออกจากงานจะยิ่งเป็นผลเสียเพราะทำให้ลูกหนี้ขาดรายได้และไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระอีก
5. หนี้เกษตรกร โดยควรมีกลไกในการดูแลลูกหนี้และทวงถามหนี้เกษตรกรในช่วงที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม ควบคู่ไปกับการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร
นายกิตติรัตน์ เปิดเผยต่อว่า ในที่ประชุมยังได้หารือถึงการจัดตั้ง AMC เพื่อจัดการปัญหาหนี้เสีย โดยเน้นย้ำในประเด็นที่ AMC ต้องเน้นช่วยเหลือ ปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้ สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ เพื่อให้ประกอบธุรกิจและรักษาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันได้
“ที่ประชุมไม่ได้หารือว่าโครงสร้างของ AMC จะเป็นอย่างไร แต่พูดถึงประเด็นการช่วยเหลือลูกหนี้ โดยการตั้ง AMC เป็นหนึ่งทางเลือกในการช่วยเหลือลูกหนี้ ดังนั้น AMC ที่จะรับหนี้ไปก็ควรรับผิดชอบภารกิจในการดูแลลูกหนี้ให้ชำระหนี้กับ AMC ได้ ไม่ใช่แค่ยกหนี้ไปไว้ที่ AMC แล้ว AMC นำทรัพย์หลักประกันไปขายเพื่อที่จะทำกำไร เรื่องนี้หากเป็น AMC ปกติก็เป็นสิทธิที่จะทำได้ แต่ถ้าตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนก็ควรเป็นเจ้าหนี้ที่ดี”
ทั้งนี้จะมีการนำเสนอแนวทางทั้งหมดนี้ต่อนายกรัฐมนตรีภายในสัปดาห์นี้และออกมาตรการเพื่อดูแลแก้ไขปัญหาหนี้ภาคประชาชนต่อไป