การสร้างความไว้วางใจระดับโลกขึ้นใหม่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน
การสร้างความไว้วางใจระดับโลกขึ้นใหม่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน
ความไว้วางใจถือเป็นรากฐานความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยประชาคมระหว่างประเทศ ต้องมีการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง ความไว้วางใจและความร่วมมือระหว่างนานาประเทศที่สั่งสมมานานหลายทศวรรษ ได้ผลักดันให้เกิดโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจและการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ความไว้วางใจระหว่างประเทศใหญ่เสื่อมถอยลง ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เปราะบาง และเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างล่าช้า การขาดความไว้วางใจนี้กำลังบั่นทอนสันติภาพและการพัฒนาของโลกอย่างร้ายแรง
ความเชื่อมั่นที่พังทลายลงในหมู่ประเทศมหาอำนาจกำลังทำลายรากฐานความไว้วางใจระดับโลก ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนอย่างกว้างขวางและทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ประเทศบางประเทศที่มีความทะเยอทะยานอยากครองอำนาจโลก ได้นำแนวคิดประชานิยมสุดโต่ง การผจญภัยเชิงยุทธศาสตร์ และการบังคับโดยลำพังฝ่ายเดียวมาเป็นปฏิบัติการ โดยพยายามที่จะปรับเปลี่ยนระเบียบระหว่างประเทศ ด้วยยุทธวิธีกดดันประเทศอื่นอย่างสุดขีด
ประเทศดังกล่าวได้ประกาศถอนตัวออกจากองค์การระหว่างประเทศและสนธิสัญญาระหว่างประเทศตามอำเภอใจ ทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของกฎระเบียบระหว่างประเทศ พวกเขายังกำหนดภาษีศุลกากรโดยพลการ ประกาศคว่ำบาตรประเทศอื่นโดยลำพังฝ่ายเดียว และใช้เขตอำนาจรัฐนอกดินแดน (long arm jurisdiction) ต่อประเทศอื่น การกระทำเหล่านี้ได้นำไปสู่ความแตกแยกทางการค้าโลก นอกจากนี้ พวกเขายังได้ดำเนินนโยบายการแยกห่วงโซ่อุปทาน (Decoupling) และกลยุทธ์ “สนามเล็ก รั้วสูง” หรือ“small yard, high fence” เพื่อทำลายห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภูมิทัศน์ระหว่างประเทศ ประเด็นความมั่นคงถูกบางประเทศนำมาใช้เป็นอาวุธ และเครื่องมือในการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ ประเทศเหล่านี้แสวงหาสิ่งที่เรียกว่า “ความมั่นคงโดยสมบูรณ์” ใช้นโยบายป้องกันตนเองจนเกินเหตุ พวกเขากังวลว่าจะสูญเสียอำนาจในการปกครองทั่วโลก จนมาตีความการพึ่งพาอาศัยกันและความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นความเสี่ยงด้านความมั่นคง ขอบเขตของความมั่นคงแบบดั้งเดิมถูกพวกเขาขยายจนครอบคลุมถึงด้านเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างประเทศตามปกติถูกมองเป็น "ภัยคุกคามความมั่นคงแห่งชาติ" ทำให้ปฏิสัมพันธ์ระดับโลกที่สำคัญยิ่งต้องตกอยู่ภายใต้ประเด็นทางการเมือง
การใช้แนวคิดความมั่นคงในทางที่ผิดเช่นนี้ก่อให้เกิดวัฏจักรที่ไร้เสถียรภาพ และความไม่ไว้วางใจเชิงยุทธศาสตร์ อีกทั้งยังทำให้การแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ทวีความรุนแรงขึ้น ห่วงโซ่อุปทานกลายเป็นอาวุธทางยุทธวิธี และงบประมาณทางทหารของหลายๆ ประเทศและภูมิภาคเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว การแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างประเทศตามปกติได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง ทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเคยชี้ให้เห็นว่า ความไว้วางใจเสมือนเป็นกาวยึดเหนี่ยวที่ดีที่สุดในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงในระดับที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในรอบศตวรรษกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในขอบเขตทั่วโลก และสังคมมนุษย์ได้มาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกครั้ง สิ่งสำคัญในขณะนี้คือ การมีส่วนร่วมในการปรึกษาหารือกัน เพิ่มความเข้าใจซึ่งกันและกันให้มากขึ้น และแก้ไขปัญหาการขาดความไว้วางใจ เพื่อสร้างความไว้วางใจระดับโลกขึ้นมาใหม่
จีนเป็นประเทศที่สนับสนุนและปฏิบัติอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมความสามัคคีและความไว้วางใจซึ่งกันและกันในประชาคมโลก ด้วยวิสัยทัศน์ในการสร้างประชาคมแห่งมนุษยชาติที่มีอนาคตร่วมกัน จีนสนับสนุนแนวคิดพหุภาคีที่แท้จริง และได้เสนอข้อริเริ่มการพัฒนาระดับโลก ข้อริเริ่มความมั่นคงระดับโลก และข้อริเริ่มอารยธรรมระดับโลก ซึ่งถือเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรมในการแก้ไขปัญหาการขาดความไว้วางใจระหว่างประเทศ
ในอนาคต รัฐบาล องค์การระหว่างประเทศ สังคมโลก และประชาชนทุกคน ต้องมีส่วนร่วมในการสร้างความไว้วางใจระดับโลกขึ้นมาใหม่ จีนเชื่อมั่นว่า จากความร่วมมือด้วยความจริงใจ และความมุ่งมั่นตั้งใจร่วมกัน มนุษยชาติจะสามารถขจัดความวุ่นวาย และสร้างอนาคตร่วมกันที่มีสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองที่ยั่งยืน