เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เวียดนาม แซงหน้า ไทยติดหล่มเกมการเมือง
เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
เวียดนาม แซงหน้า ไทยติดหล่มเกมการเมือง
ขณะที่ประเทศไทยยังคงติดอยู่ในความไม่แน่นอนของโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ถูกถอนร่างกฎหมายออกจากสภาฯ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จากปัญหาเสียงในสภา และคลิปเสียง “uncle” หลุด นายกฯแพทองธาร และ สมเด็จฮุน เซน แต่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามกลับเดินหน้าอย่างแข็งขันด้วยโครงการคาสิโน-รีสอร์ตมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 70,000 ล้านบาท) ที่จังหวัดกว๋างนิญ โครงการที่จะกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการท่องเที่ยวและความบันเทิงระดับโลกของเวียดนาม
SPOTLIGHT รวบรวมข้อมูลทั้งหมดให้ผู้อ่านเปรียบเทียบ ไม่ได้สะท้อนความแตกต่างในการตัดสินใจเชิงนโยบายเท่านั้น แต่ยังชี้ให้เห็นถึงโอกาสที่ประเทศไทยอาจพลาดไป หากการเมืองในประเทศไทยยังไร้เสถียรภาพ และนโยบายที่ลังเลในการดำเนินโครงการที่มีโอกาสในการสร้างรายได้และการจ้างงานมหาศาล
เวียดนาม: ก้าวกระโดดสู่อุตสาหกรรมความบันเทิงระดับโลก
โครงการยักษ์ในเขตเศรษฐกิจเวินโด่น
เขตเศรษฐกิจเวินโด่น จังหวัดกว๋างนิญ เตรียมกลายเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ของการท่องเที่ยวเอเชีย เมื่อคณะกรรมการประชาชนจังหวัดกว๋างนิญอนุมัติให้บริษัท Van Don Sun JSC ในเครือซันกรุ๊ป (Sun Group) พัฒนาโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์บนพื้นที่กว่า 244 เฮกตาร์
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ นี่จะเป็นคาสิโนแห่งแรกของเวียดนามที่ชาวเวียดนามสามารถเข้าใช้บริการได้ ภายใต้โครงการนำร่องที่ได้รับอนุมัติจากนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568
องค์ประกอบครบเครื่องของความบันเทิงระดับโลก
โครงการนี้จะประกอบด้วยองค์ประกอบหลักที่ครอบคลุมทุกมิติของการท่องเที่ยวและความบันเทิง:
ส่วนที่พักและที่พำนัก
- โรงแรมและรีสอร์ตระดับ 5 ดาว
- คอนโดเทลสำหรับการพักระยะยาว
- อาคารพาณิชย์ (Shophouse) และสำนักงาน
ศูนย์ความบันเทิงและกิจกรรม
- คาสิโนระดับโลกที่เปิดให้บริการชาวเวียดนาม
- สวนสนุกและแหล่งบันเทิงครอบครัว
- การแสดงศิลปะและกิจกรรมความบันเทิง 24 ชั่วโมง
ศูนย์ธุรกิจและสุขภาพ
- ศูนย์การประชุมและนิทรรศการระดับนานาชาติ
- สนามกีฬาและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกีฬา
- ศูนย์บริการสุขภาพระดับพรีเมียม
ทำเลศักยภาพสูงและการลงทุนสนับสนุน
ที่ตั้งในเขตเศรษฐกิจเวินโด่นไม่ได้เป็นการเลือกมาโดยบังเอิญ ซันกรุ๊ปได้ลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำคัญหลายแห่ง ทำให้พื้นที่นี้มีความพร้อมสูง:
- ท่าอากาศยานนานาชาติเวินโด่น - สนามบินเอกชนแห่งแรกของเวียดนาม
- ท่าเรือสำราญระหว่างประเทศฮาลอง - ท่าเรือเรือสำราญโดยเฉพาะแห่งแรก
- ระบบทางด่วน เชื่อมต่อ ฮาลอง-เวินโด่น และ เวินโด่น-หม่องก๋าย
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวและการเตรียมความพร้อมอย่างครบถ้วนของเวียดนาม
ไทย: ติดอยู่ในเกม..การเมือง
จากความหวังสู่ความผิดหวัง
ย้อนกลับไปเมื่อต้นปี 2568 บรรยากาศของโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในประเทศไทยเต็มไปด้วยความหวัง คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจรฯ เมื่อเดือนมีนาคม และทุกอย่างดูเหมือนจะก้าวไปข้างหน้าอย่างราบรื่น
แต่แล้วในเดือนกรกฎาคม สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อรัฐบาลตัดสินใจถอนร่าง พ.ร.บ. ออกจากสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่พิจารณาใหม่
ปัญหาคอขวดที่ยังแก้ไม่ได้ สาเหตุหลักของการชะลอโครงการไม่ได้มาจากปัจจัยเดียว แต่เป็นปัญหาที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกันหลายระดับ
ปัญหาการเมืองที่เป็นต้นเหตุสำคัญ ประเด็นที่ชัดเจนที่สุดคือ ไทยติดอยู่ในหล่มปัญหาการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเชิงนโยบายครั้งสำคัญ ปัญหาเหล่านี้ได้แก่
- ความไม่ต่อเนื่องของนโยบาย - การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลและการปรับคณะรัฐมนตรีบ่อยครั้งทำให้นโยบายสำคัญถูกทบทวนซ้ำแล้วซ้ำอีก
- การขาดฉันทามติทางการเมือง - พรรคการเมืองต่างฝ่ายมีจุดยืนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทำให้ไม่สามารถผลักดันกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การเมืองประชานิยม - นักการเมืองหลายคนกลัวผลกระทบทางการเมืองจากการสนับสนุนโครงการที่อาจถูกมองว่า "ขัดต่อค่านิยมไทย"
- กลไกการตรวจสอบที่ล่าช้า - กระบวนการทางรัฐสภาและการตรวจสอบทางกฎหมายที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน
ผลกระทบจากปัญหาการเมืองที่ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศ
ปัญหาการเมืองไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศไทยในทุกด้าน:
- โครงสร้างพื้นฐาน - โครงการรถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้า และท่าอากาศยานต่างๆ ล่าช้าเพราะการเมือง
- การลงทุนต่างประเทศ - นักลงทุนขาดความมั่นใจในความต่อเนื่องของนโยบาย
- การปฏิรูปกฎหมาย - กฎหมายสำคัญหลายฉบับติดขัดในกระบวนการทางการเมือง
- การแข่งขันระดับภูมิภาค - ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านก้าวหน้า ไทยยังติดอยู่กับการแก้ปัญหาภายใน
ปัญหาเฉพาะเรื่องโครงการ
นอกจากปัญหาการเมืองแล้ว ยังมีความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกับความกังวลทางสังคม
ด้านเศรษฐกิจ (ข้อดี)
- เม็ดเงินลงทุนจากภาคเอกชนหลายแสนล้านบาท
- การสร้างงานหลายหมื่นตำแหน่ง
- รายได้ภาษีและค่าธรรมเนียมปีละหลายหมื่นล้านบาท
- การดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง
ด้านสังคม (ข้อกังวล)
- ปัญหาการติดพนันที่อาจลุกลามสู่ชุมชน
- ความเสี่ยงด้านอาชญากรรมและการฟอกเงิน
- ผลกระทบต่อค่านิยมและวัฒนธรรมไทย
- ความกังวลจากกลุ่มศาสนาและสังคม
มาตรการป้องกันที่ยังไม่เพียงพอ
แม้ร่างกฎหมายจะกำหนดมาตรการป้องกันที่เข้มงวด เช่น การจำกัดอายุและคุณสมบัติทางการเงินของชาวไทย การเก็บค่าธรรมเนียมเข้าในอัตราสูง และการควบคุมการโฆษณา แต่ยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับทุกภาคส่วนได้
เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไทย vs เวียดนาม
ด้าน
ไทย
เวียดนาม
สถานะโครงการ
ถูกถอนร่างกฎหมาย รอพิจารณาใหม่
ได้รับอนุมัติแล้ว เริ่มดำเนินการ
ระยะเวลา
ไม่แน่นอน
70 ปี (ก่อสร้าง 9 ปีแรก)
การใช้บริการของคนในประเทศ
ยังถกเถียงกัน
อนุมัติให้ใช้บริการได้
การเตรียมความพร้อม
ยังอยู่ในขั้นออกแบบ
มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อม
ข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบ
ข้อได้เปรียบของไทย
- ประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่ยาวนาน
- ชื่อเสียงระดับโลกในการต้อนรับนักท่องเที่ยว
- ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางเอเชีย
- ระบบการเงินและกฎหมายที่เป็นที่ยอมรับ
ข้อเสียเปรียบของไทย
- ความช้าในการตัดสินใจเพราะปัญหาการเมือง
- ความขัดแย้งทางสังคมที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
- การขาดความเห็นพ้องต้องกันของประชาชน
- กระบวนการทางกฎหมายที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน
- ความไม่ต่อเนื่องของนโยบายเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล
ข้อได้เปรียบของเวียดนาม
- ความเด็ดขาดในการตัดสินใจ
- การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ครบถ้วน
- ความยืดหยุ่นในการปรับกฎระเบียบ
- การมองการณ์ไกลของภาคเอกชน
การเมืองไทย: อุปสรรคหลักของการพัฒนาประเทศ
วงจรปัญหาการเมืองสิ่งที่เกิดขึ้นกับโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของปัญหาที่ใหญ่กว่า นั่นคือ การที่ประเทศไทยติดอยู่ในหล่มปัญหาการเมืองที่ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศในทุกด้าน
วงจรนี้เริ่มต้นจาก:
- ความไม่มั่นคงทางการเมือง → การเปลี่ยนรัฐบาลและนโยบายบ่อยครั้ง
- การขาดความต่อเนื่อง → โครงการสำคัญถูกทบทวนหรือยกเลิก
- การสูญเสียความเชื่อมั่น → นักลงทุนและประชาชนขาดความมั่นใจ
- การพัฒนาที่ล่าช้า → ประเทศแข่งขันไม่ได้กับเพื่อนบ้าน
- ปัญหาเศรษฐกิจ → กลับไปสู่ความไม่มั่นคงทางการเมืองอีกครั้ง
ตัวอย่างโครงการที่ได้รับผลกระทบ
การเมืองไทยไม่เพียงส่งผลต่อเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เท่านั้น แต่ยังทำให้โครงการสำคัญอื่นๆ ล่าช้า:
โครงสร้างพื้นฐานขนส่ง
- รถไฟความเร็วสูงเชื่อมจีน-ไทย: เปลี่ยนแปลงแผนหลายรอบ นับตั้งแต่ “ซ่อมทางลุกลังให้หมดก่อน”
- รถไฟฟ้าสายต่างๆ: การอนุมัติงบประมาณล่าช้า
- ท่าอากาศยานดอนเมือง-สุวรรณภูมิ: แผนพัฒนาไม่ต่อเนื่อง
การปฏิรูปกฤษฎีกา
- กฎหมายดิจิทัล: ติดขัดในกระบวนการนิติบัญญัติ
- ปฏิรูปการศึกษา: ขาดการสนับสนุนทางการเมือง
- ปฏิรูปราชการ: ถูกต้านทานจากผลประโยชน์เดิม
ค่าใช้จ่ายของความไม่แน่นอน
ความไม่แน่นอนทางการเมืองมี "ต้นทุนที่มองไม่เห็น" (Hidden Cost) ที่สูงมาก:
- การสูญเสียโอกาส - โครงการที่น่าสนใจถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไป
- ต้นทุนการเงิน - ดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้นเพราะความเสี่ยงทางการเมือง
- สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน - ประเทศอื่นก้าวหน้าไปข้างหน้า
- Brain Drain - คนเก่งอพยพไปทำงานที่อื่น
การสูญเสียโอกาสของไทย
การที่เวียดนามเดินหน้าโครงการไปก่อน อาจหมายความว่า:
- การแย่งชิงนักท่องเที่ยว - โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงจากจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
- การสูญเสียเม็ดเงินลงทุน - นักลงทุนอาจหันไปสนใจเวียดนามมากขึ้น
- ความได้เปรียบในการเรียนรู้ - เวียดนามจะได้ประสบการณ์ก่อนในการจัดการปัญหาต่างๆ
ข้อคิดสำหรับไทย
การพัฒนาของเวียดนามควรเป็นสัญญาณเตือนให้ประเทศไทย:
- เร่งสร้างฉันทามติ - หาจุดสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความกังวลทางสังคม
- พัฒนาโมเดลที่เหมาะสม - เรียนรู้จากประสบการณ์ของประเทศอื่น
- เตรียมมาตรการรองรับ - สร้างระบบป้องกันและเยียวยาที่เข้มแข็ง
ทางออกสำหรับไทย
การสร้างความแตกต่าง
หากไทยตัดสินใจดำเนินโครงการต่อ ควรมุ่งเน้น:
- Thai Premium Experience - ผสมผสานความเป็นไทยกับมาตรฐานสากล
- Responsible Entertainment - เน้นการพนันอย่างมีความรับผิดชอบ
- Integrated Tourism - เชื่อมโยงกับสถานที่ท่องเที่ยวและวัฒนธรรมไทยที่มีอยู่
ทางออกสำหรับไทย: หลุดจากวงจรปัญหาการเมือง
การสร้างฉันทามติข้ามพรรค
- ตั้งคณะกรรมการข้ามพรรค - ให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
- แยกประเด็นพัฒนาประเทศออกจากการเมือง - สร้างข้อตกลงว่าโครงการสำคัญไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
- กำหนดกรอบเวลาชัดเจน - ไม่ให้การพิจารณาลากยาวเกินสมควร
การปฏิรูประบบการตัดสินใจ
- ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น - ปรับปรุงกระบวนการอนุมัติให้เร็วขึ้น
- สร้างกลไกการติดตามผล - ให้สาธารณะติดตามความคืบหน้าได้
- กำหนดความรับผิดชอบ - มีผู้รับผิดชอบชัดเจนในแต่ละขั้นตอน
การสร้างวิสัยทัศน์ร่วม
- Thailand 4.0 Plus - พัฒนาวิสัยทัศน์ที่ทุกฝ่ายยอมรับ
- การพัฒนาที่ยั่งยืน - เชื่อมโยงกับเป้าหมาย SDGs
- การแข่งขันระดับภูมิภาค - เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแข่งขันกับเพื่อนบ้าน
การที่เวียดนามก้าวหน้าไปข้างหน้าด้วยโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ไทยยังคงอยู่ในภาวะหน่วงหรือเรียกว่าสุญญากาศทางการเมือง เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนของความแตกต่างในการตัดสินใจเชิงนโยบาย และเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญเกี่ยวกับปัญหาการเมืองที่กำลังฉุดรั้งการพัฒนาประเทศไทยในทุกด้าน
ปัญหาหลักที่แท้จริง
- ไม่ใช่แค่ความขัดแย้งเรื่องคาสิโนเท่านั้น
- แต่เป็นวงจรอุบาทว์ของความไม่มั่นคงทางการเมือง
- ที่ทำให้ไทยตัดสินใจช้า ขาดความต่อเนื่อง และแข่งขันกับประเทศอื่นไม่ได้
ต้นทุนที่แท้จริงของการเมือง
- การสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ
- การถดถอยในการแข่งขันระดับภูมิภาค
- การสูญเสียความเชื่อมั่นของนักลงทุน
- การอพยพของคนเก่งไปประเทศอื่น
สำหรับประเทศไทย นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ต้องตัดสินใจ ไม่เพียงแค่เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แต่เป็นการตัดสินใจที่จะ "หลุดจากหล่มปัญหาการเมือง" เพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าได้
การชะลอตัวเกินไปจะทำให้ไทยพลาดโอกาสทองในการสร้างอนาคตที่ดีกว่า ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านกำลังก้าวหน้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ข้อเสนอแนะสำคัญ: ไทยต้องพัฒนา "กลไกการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์" ที่สามารถแยกประเด็นพัฒนาประเทศออกจากการเมืองประจำวัน เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการสำคัญได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล
เวลาแห่งการรอคอยกำลังจะหมดลง และการตัดสินใจครั้งต่อไปของไทยจะเป็นตัวกำหนดว่า เราจะยังคงติดอยู่ในหล่มปัญหาเดิม หรือจะก้าวข้ามไปสู่อนาคตที่เจริญรุ่งเรืองเทียบเท่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
ที่มา : vietnamplus.vn