หุ้นที่น่าผิดหวัง
หากมองตามเนื้อผ้าจะเห็นว่า การที่ดัชนีขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,250 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง มันเป็นอะไรที่เพอร์เฟกต์สุด ๆ ในมุมมองของ “โมนิก้า” เพราะบริเวณดังกล่าวถือเป็นระดับเหมาะสมที่ดัชนีควรยืนได้ตั้งนานแล้ว แต่ถ้าขึ้นไปไกลกว่านั้น ก็เป็นเรื่องของการเก็งงบไตรมาส 3 จะออกมาดีกว่าที่คาดอีกไหม? เพราะการขึ้นมาเที่ยวนี้มันมาจากราคาหุ้นหลายตัวต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานและตัวเลขกำไรออกมาดีนะซี
ถึงกระนั้นก็ต้องตามดูท่าทีของ “กองทุน”กับ “ต่างชาติ”ยังใช้วิธีคิดพื้นฐานแบบนี้อยู่หรือเปล่า? เพราะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่จะทำให้ดัชนีไม่ทรุดลงไปอีก และถ้ามองในมุมของสัญญาณเทคนิคที่เข้าเขตซื้อมากเกินไป ผนวกกับเส้นแนวต้าน200 วันขวางตรงบริเวณ 1,270 จุด ก็ทำให้รู้ว่า ตลาดหุ้นไทยจะเผชิญกับแรงขายทำกำไรอีกระลอก โดยมีเงื่อนไขว่า ดัชนีต้องไม่หลุดเส้นแนวรับ 10 วันที่บริเวณ 1,237 จุดนะจ๊ะ
ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดในระดับ 1,259.07 จุด ลบไป 6.08 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.12 หมื่นล้านบาท จึงอยู่ในโมเมนตัมที่น่าสนใจเหมือนเดิม เพราะตลาดหุ้นไทย “ขึ้นเร็ว ขึ้นแรง”เหลือเกินในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลในหลายเรื่องคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องภาษีทรัมป์ หรือการสู้รบระหว่างไทยกับเขมร รวมทั้งเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มกระเตื้องขึ้น ก็เป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงตลาดหุ้นให้ทรงตัวในระดับสูงพะยะค่ะ
โดยรายที่ทำให้อีฉันเสียเซลฟ์เหลือเกินก็คือ DOHOME เพราะวันก่อนเพิ่งเม้าท์ว่า ราคาหุ้นตอบรับข่าวกำไรลดไปหมดแล้ว ราคาหุ้นถึงเริ่มผงกหัวขึ้นอีกรอบ แต่เอาเข้าจริงกลับทรุดตัวลงแรงในวันที่ประกาศงบ พร้อมกับมีคำอธิบายตามหลังในทันทีว่า ไตรมาส 3 จะแย่กว่าเดิมแบบนี้ อีฉันบอกได้เลยว่า การยืนปิดที่ระดับ 3.96 บาท ลบไป 0.04 บาท หรือลงไป 1.00% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 132 ล้านบาท ยังไม่ใช่จุดซื้อนะจ๊ะ
อีกรายที่ทำให้อีฉันเริ่มกังวลมากขึ้นก็คือ OR เพราะไส้ในของงบดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ซึ่งไล่ตั้งแต่รายได้ลด ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือแม้กระทั่งการได้กำไรจากการซื้อน้ำมันล่วงหน้าเข้ามาช่วยพยุง มันทำให้เห็นว่า ธุรกิจจริง ๆ ไม่ฟื้นเหมือนที่คิด แถมงวดนี้มีผลกระทบจากสงครามเข้ามาแจมอีก “โมนิก้า” เลยสงสัยว่า การยืนปิดที่ระดับ 12.90 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 416 ล้านบาท อาจเป็นการลงรอบใหม่อะป่าว!
ส่วนรายที่คล้ายกับข้างต้นก็คือหุ้นกระดาษลัง SCGP ซึ่งตัวเลขกำไรไตรมาส 2 ลดฮวบแบบน่าตกใจ จนไม่รู้ว่ากำไรจะกลับมาเป็นกอบเป็นกำไรเมื่อไหร่?แต่แตกต่างกันตรงที่ราคาหุ้นในกระดานไม่ทรุดลงหนัก พร้อมกับประคองตัวยืนปิดที่ระดับ 18.10 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 1.63% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 99 ล้านบาทแบบนี้ อีฉันบอกได้ทันทีว่า หุ้นอาจไม่ลงแรงอีกแล้วก็จริง แต่โอกาสที่ยกฐานให้สูงขึ้นกว่าเดิมก็ริบรี่เหลือเกินค่ะ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น WHA ภายใต้การกุมบังเหียนของ “เจ๊จูน”เป็นรายถัดมา เพราะในมุมของกำไรยังโตดีเหมือนเดิม แต่ดันมีความกังวลเกี่ยวกับกำไรในปีหน้าเลยทำให้ราคาหุ้นทรุดตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 67 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 1 ปี 68 หลังจากนั้นเริ่มฟื้นตัวจากโลว์ที่ระดับ 2.26 บาทขึ้นมาเรื่อย ๆ จนล่าสุดยืนปิดที่ระดับ3.54 บาทลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 2.21% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 312 ล้านบาท คงหาช่องไปต่อลำบากเจ้าค่ะ
ขนาดในรายของ TIDLOR โชว์กำไรโตอย่างโดดเด่นและราคาหุ้นก็วิ่งขึ้นมารอข่าวล่วงหน้า ซึ่งเป็นอะไรที่แฮปปี้มาก ๆ แต่หลังจากประกาศงบอย่างเป็นทางการ ราคาหุ้นเริ่มย่อตัวให้เห็นอย่างชัดเจน จนเกิดคำถามตามหลังว่า จะเป็นอย่างไรต่อ? เพราะสิ่งที่นักเล่นกังวลคือไตรมาส3 ยังทำผลงานได้ดีไหม? และหากเชื่อว่า ยังทำได้ดี! ก็จะทำให้การยืนปิดที่ระดับ 17.60 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 509 ล้านบาท น่าสนใจจ้า!
โมนิก้าและทีมงาน